อัยการสั่งไม่ฟ้องเพิ่มอีก 3 คดี สิ่งก่อสร้างบนเขาค้อ อ้างเป็นญาติกับราษฎรอาสาที่มีสิทธิในที่ดินทำกิบนเขาค้อ

จากกรณีคณะทหาร ป่าไม้และฝ่ายปกครอง หาช่องทางกฎหมายเพื่อรื้อคดีเอาผิดนายทุนก่อสร้างตึกอาคารยักษ์ บนที่ดินราษฎรอาสาสมัครหรือ รอส. กลางเขาค้อ หลังจากพนักงานสอบสวน สภ.เขาค้อ และอัยการหล่มสักต่างมีความเห็นโดยสั่งไม่ฟ้อง นั้น

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ในคณะทำงานแก้ไขการบุกรุกป่าบนเขาค้อ แจ้งว่า ยังมีคดีรีสอร์ทใหญ่อีก 3 ราย ที่ถูกคณะเจ้าหน้าที่จับกุมดำเนินคดีเมื่อปลายปี 2559 พร้อมกับคดีตึกยักษ์

โดยพนักงานสอบสวน สภ.เขาค้อมีความเห็นไม่ควรฟ้อง ต่อมาทางอัยการหล่มสัก ทยอยมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องทั้ง 3 คดีเช่นกัน โดยผู้ต้องหาใช้เหตุผลร่วมลงทุนและเป็นญาติกับราษฏรอาสาสมัคร หรือ รอส.เจ้าของที่ดิน ขึ้นต่อสู้จนเอาผิดไม่ได้

โดยคดีแรกสิ่งปลูกสร้างในที่ดินแปลงรอส.บ้านส่งคุ้ม ต่อมาอัยการหล่มสักมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง โดยวินิจฉัยว่าเจ้าของรีสอร์ทร่วมลงทุนกับนางทิ้ง อ้น ราษฎรอาสาสมัครหรือ รอส.ที่ได้รับการจัดสรรที่ดินจากกองทัพภาคที่ 3 ให้ทำกิน การที่ผู้ต้องหาก่อสร้างอาคารที่พักตากอากาศบ้านพักคนงาน จึงเป็นการขาดเจตนาบุกรุกก่อสร้างแผ้วถางป่าตามข้อกล่าวหาฯ

ส่วนอีกคดีคณะเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมสิ่งปลูกสร้างบุกรุกพื้นที่ป่า บริเวณบ้านส่งคุ้มใกล้เคียงตึก 3 ชั้นเช่นกัน พบมีการปรับไถที่ดินเพื่อเตรียมปลูกชาอู่หลงและลำห้วยถูกปิดกั้นจำนวน 3 จุด

และคดีสุดท้าย เป็นการก่อสร้างบ้านพักอาหาร 6 หลังและห้องน้ำ โดยพนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้อัยการและมีความเห็นไม่ฟ้องเช่นกัน โดยผู้ต้องหาอ้างเป็นญาติกับราษฎรอาสาสมัครเจ้าของที่ดินได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง จึงขาดเจตนาการกระทำตามข้อกล่าวหา

ทั้งนี้ ในอดีต พื้นที่เขาค้อเป็นเขตสู้รบระหว่างทหารฝ่ายรัฐบาลกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เมื่อการสู้รบยุติลง ทางรัฐบาลได้มอบที่ดินบนเขาค้อให้เป็นสิทธิทำกินให้กับผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่และเคยร่วมสู้รบกับพรรคคอมมิวนิสต์ ทำให้มีสิทธิในที่ดินทำกินดังกล่าว

รีสอร์ทรุกป่าเขาค้อหลุดคดีอีก 3 ราย อ้างเป็นญาติเจ้าของที่