"นายแพทย์ ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์" ได้รับเชิญร่วมงานเลี้ยงรับรองที่สถานทูตไทยในกรุงลอนดอน แต่สิ่งที่เป็นประเด็นคือ "นายแพทย์ธีระเกียรติ" แสดงความเห็นกรณีนาฬิกาหรูเรือนของ"พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ" ระบุหากถูกเปิดโปงเรือนแรก ก็ลาออกแล้ว

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา นายแพทย์ ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวกับนักเรียนไทยและนักธุรกิจไทยที่มาร่วมงานเลี้ยงรับรองที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงลอนดอน ตอนหนึ่งว่า ขอให้ตระหนัก ว่า เมื่อจบการศึกษากลับไปทำงานที่ประเทศไทยแล้ว การบังคับใช้กฎหมายของไทย และ สำนึกของนักการเมืองยังต่างจากของอังกฤษ เพราะการยึดหลักนิติธรรมยังไม่เกิดขึ้นจริง 

ยกตัวอย่างกรณีที่ นายไมเคิล เบทส์ สมาชิกสภาขุนนางของอังกฤษ ประกาศลาออกจากสภา เพราะรู้สึกละอายใจที่เข้าร่วมประชุมสภาสาย เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่คำลาออกถูกนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ยับยั้ง แต่เมืองไทย มีนาฬิกาใส่ 25 เรือน ยังไม่เป็นไร 

นายแพทย์ ธีระเกียรติ ยังให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวต่างประเทศ ว่า ไม่มีทางที่จะเห็นนักการเมืองไทยลาออก เพราะมาสาย เนื่องจากมองว่า การมาสายไม่ผิดกฎหมาย 

ส่วนกรณีนาฬิกาหรูของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีว่า "ถ้าผมถูกเปิดโปงเรือนแรก ผมก็ออกแล้ว" 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่กลัวว่า จะทำให้เพื่อนร่วมคณะรัฐมนตรี เสียหน้าหรือ นายแพทย์ ธีระเกียรติ ตอบว่า "นี่มันความเห็นของผม ไม่ใช่ความเห็น ครม. อย่างนี้แปลว่า ถ้าผมอยู่ที่ไหน ผมต้องคิดตามเขาหมด เหรอ ลูกผมยังคิดไม่เหมือนผมเลย" 

ด้าน พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายแพทย์ ธีระเกียรติ ระบุหากเป็นตัวเองถูกเปิดโปงเรื่องนาฬิกาหรูเพียงเรือนเดียวก็จะลาออก ว่า ส่วนตัวไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้เพราะเป็นความคิดเห็นส่วนตัว จึงต้องสอบถามจากตัวรัฐมนตรีเอง

เมื่อผู้สื่อข่าวไปถามคนใกล้ชิด พลเอก ประวิตร ก็ยอมรับว่า ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะแม้จะเป็นการพูดคุยแสดงความคิดเห็นส่วนตัว แต่เมื่อความเห็นออกไปสู่สาธารณชน อาจส่งผลกระทบกับ พลเอก ประวิตร ที่ถูกพาดพิง แต่ต้องรอดูท่าทีของ พลเอก ประวิตร ก่อนว่า จะดำเนินการอย่างไร เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างการปฏิบัติภารกิจที่ประเทศลาว ซึ่งเรื่องนี้พลเอก ประยุทธ์ คาดว่า คงต้องพูดคุยกับนายแพทย์ธีระเกียรติ ถึงที่มาที่ไปของเหตุการณ์ดังกล่าว