รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 สั่งระดมกำลังตำรวจ ปิดพื้นที่หารถต้องสงสัยก่อเหตุเจาะตู้เซฟ ธนาคารกรุงเทพ สาขาย่อยอำเภอชะอำ จ.เพชรบุรี

กรณีคนร้ายเข้าโจรกรรมเจาะตู้เซฟภายในธนาคารกรุงเทพสาขาย่อยอำเภอชะอำถ.ร่วมจิตต์(ชายหาดชะอำ)จังหวัดเพชรบุรี ที่เปิดให้บริการรับฝากเงินสดและแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งคนร้ายไม่ต่ำกว่า3คนเข้าทางประตูด้านหลังร้านขายไอศกรีมที่ แล้วปืนข้ามตึกเข้ามาเจาะตู้เซฟ โดยใช้แก๊สตัด นำขโมยเงินไปได้กว่า 10 ล้านบาทเหตุเกิดเมื่อวานที่ผ่านมา

ล่าสุดพลตำรวจตรีสุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค7 ลงพื้นที่ประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง โดยเจ้าหน้าที่ได้นำภาพวงจรปิดทั้งหมดมาวิเคราะห์พฤติกรรมและลักษณะของคนร้ายประกอบกับข้อมูลในการสอบสวนพยานแวดล้อมคำให้การของเจ้าหน้าที่ธนาคารในการนำเงินฝากส่งเก็บในแต่ละวัน พลตำรวจตรีสุทธิพงษ์กล่าวว่าขณะนี้กำลังรวบรวมข้อมูลและหลักฐานต่างๆเพื่อหาตัวคนร้ายโดยคาดว่าคนร้ายเข้าไปเจาะตู้เซฟในธนาคารน่าจะมีไม่ตำกว่าสามคน

ส่วนรถต้องสงสัยเป็นรถกระบะอีซูซุดีแม๊กซ์ตอนครึ่งสีบรอนด์เงินไม่ทราบหมายเลขทะเบียนมาจอดบริเวณใกล้เคียงที่เกิดก่อนขับออกไปและกลับเข้ามาจอดในช่วงเวลา01.00น.เศษของวันที่9พ.ค. จากนั้นเวลาประมาณ02.00น.จึงมีสัญญาณเตือนไปที่สภ.ชะอำเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบแต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ และช่วงเวลาประมาณ02.50น.พบรถต้องสงสัยคันดังกล่าววิ่งออกจากที่เกิดเหตุในลักษณะปิดไฟมุ่งหน้าตรงไปยังถ.เจ้าลายก่อนเลี้ยวขวาที่ถนนเจ้าลายแล้วหายไป

จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค7เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดเพชรบุรีและเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.ชะอำ สแกนพื้นที่ในเขตประจวบคีรีขันธ์ ในเขตจังหวัดเพชรบุรีและพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อตรวจสอบรถยนต์กระบะอีซูซุดีแมคสีบอร์นเงินว่ามีกี่คัน พร้อมให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณริมถนนเพชรเกษมทั้งฝั่งขาล่องใต้และฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯที่คาดว่าคนร้ายใช้เป็นเส้นทางหลบหนีและให้ตรวจสอบหมวกสีแดงที่คนร้ายสวมใส่ว่ามีร้านค้าใดจำหน่ายบ้างโดยให้รายงานผลเป็นระยะทุกวันจนกว่าจะจับกุมคนร้ายได้