ชาวบ้านในจังหวัดนครราชสีมา รวมกลุ่มทำว่าวจุฬาโต้ลมหนาว อย่างคึกคัก พร้อมอนุรักษ์การเล่นว่าวจุฬา ไปสู่คนรุ่นหลังต่อไป

เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวของชาวนาทั่วประเทศ จะมีกิจกรรมการละเล่นพื้นเมืองหลายอย่างให้เห็นในชนบท แสดงถึงวิถีชีวิต และวัฒนธรรมที่สวยงาม โดยเฉพาะชาวนาในหมู่บ้านพะไล หมู่ที่ 6 ตำบลหัวทะเล อำเภอเมืองนครราชสีมา จะมีการรวมกลุ่มกันทำว่าวจุฬา ติดธนู มาโต้ลมหนาวอวดเสียงธนูกันอย่างคึกคัก **นาย สนอง ยันจอหอ อายุ 48 ปี หัวหน้ากลุ่มเล่นว่าวจุฬา ของหมู่บ้านพะไล ได้ใช้พื้นที่ใต้ถุนบ้านของตัวเอง นั่งเหลาไม้ไผ่ เพื่อทำโครงของว่างจุฬาเป็นประจำในช่วงนี้ พร้อมทั้งเล่าว่า ในช่วงฤดูหนาวของทุกปี จะมีลมหนาวพัดมาอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเหมาะกับการทำว่าวมาโต้ลมหนาวอย่างมาก

แต่สมัยนี้ส่วนใหญ่มักจะไปหาซื้อว่าวทำสำเร็จรูป ที่มีวางขายตามข้างทางมาเล่นกัน ซึ่งจะมีขนาดเล็ก และ ขึ้นได้ไม่สูงนัก ส่วนว่าวจุฬาที่ทำแบบโบราณจะหาชมได้ยากขึ้นทุกวัน

ดังนั้นกลุ่มของตัวเอง จึงรวมตัวกันทำว่าวจุฬาแบบโบราณขึ้น เพื่ออนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ดู มีสมาชิกในกลุ่มกว่า 10 คน โดยใช้ไม้ไผ่ ซึ่งหาได้ภายในหมู่บ้าน มาเหลาเป็นโครงสร้าง

มีหลักการอยู่ว่า ต้องเป็นไม้ไผ่ต้นแก่หน่อย เพราะจะมีความเหนียว สามารถดัดให้โค้งงอได้ดี หลังจากนั้นจะวัดสัดส่วนตัวว่าวเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กัน คือ ส่วนหาง ส่วนตัว และ ส่วนหัว แล้วเหลาไม้ไผ่มาดัดเป็นรูปดาว 5 แฉก ตามรูปแบบของว่าวจุฬาโบราณ ส่วนใหญ่นิยมทำขนาดสูงประมาณ 1 เมตร 50 เซนติเมตร ส่วนกระดาษที่ติดเป็นตัวว่าวนั้น ปัจจุบันใช้แผ่นพลาสติกแทนกระดาษแก้ว เพราะมีความคงทนกว่า

ว่าวจุฬา นั้น ไม่ต้องต่อหางยาวก็สามารถโต้ลมได้ดี โดยใช้เวลาในการทำประมาณ 1 วันต่อ 1 ตัว และที่พิเศษกว่าว่าวทั่วไป คือ ว่าวจุฬาแบบโบราณจะมีธนูติดไว้ส่วนบนของหัว เพื่อทำให้เกิดเสียงดนตรีก้องกังวานไปทั่ว

ธนูของว่าวจุฬา ทำจากใบตาล ฝนจนบาง แล้วนำมาขึงเข้ากับไม่ไผ่ ให้มีลักษณะคล้ายคันธนู เมื่อใบตาลที่ขึงตึงถูกลมพัดเข้า ก็จะเกิดการเสียดสี เปล่งเสียงออกมาเป็นจังหวะต่อเนื่อง คล้ายเสียงดนตรี

นาย สนอง บอกด้วยว่า ทางกลุ่มต้องการอนุรักษ์การเล่นว่าวจุฬา ติดธนู นี้ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ดู โดยมีการขายในราคาตัวละ 500 – 1,000 บาท ขึ้นอยู่กับความพิเศษของแต่ละตัว

ชาวโคราช รวมกลุ่มทำว่าวจุฬาโต้ลมหนาว