ประมงจังหวัดชุมพร ลงพื้นที่ตรวจสอบการทำประมง ด้วยเครื่องมือประมงอวนล้อมปั่นไฟปลากะตัก หลังสื่อออนไลน์เผยแพร่รูปภาพ การนำลูกปลาทูตากแห้งมาจำหน่ายในพื้นที่จังหวัดชุมพร

นายสิทธิสาร ศรีชุมพวง ประมงจังหวัดชุมพร พร้อมด้วยนายชูศักดิ์ จงงาม หัวหน้าหน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลชุมพร ลงพื้นที่บริเวณแพปลาสะพานคลองบางสน ตำบลชุมโค อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เพื่อตรวจสอบการทำประมง ด้วยเครื่องมือประมงอวนล้อมปั่นไฟปลากะตักว่า มีลูกปลาทูขนาดเล็กติดมาด้วยหรือไม่

หลังจากก่อนหน้านี้ ทางสื่อออนไลน์เผยแพร่รูปภาพ การนำลูกปลาทูตากแห้งมาจำหน่ายในพื้นที่จังหวัดชุมพร ส่งผลถึงมาตรการการอนุรักษ์สัตว์น้ำของจังหวัด ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างเร่งด่วน

นายสิทธิสาร เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่พบปะพี่น้องชาวประมง ในพื้นที่อำเภอปะทิว เพื่อรับทราบปัญหาการทำประมง รวมทั้งตรวจสอบการทำประมงด้วยเครื่องมือประมงอวนล้อมปั่นไฟปลากะตักว่า มีลูกปลาทูขนาดเล็กติดมาด้วยหรือไม่

จากการตรวจสอบในครั้งนี้ ไม่พบลูกปลาทูแต่อย่างใด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นปลากะตัก ปลาหลังเขียว และปลาแป้น

พร้อมทั้งยืนยันว่า ในพื้นที่ ไม่มีการทำลายทรัพยากรสัตว์น้ำ โดยเฉพาะลูกปลาทู ที่มีการอนุรักษ์ ด้วยมาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูปลาที่มีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวในวัยอ่อนฝั่งทะเลอ่าวไทย ในระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึง พฤษภาคม ที่ผ่านมา

ซึ่งมีการควบคุม และเฝ้าระวังการทำประมง ในพื้นที่ประมาณ 26,400 ตารางกิโลเมตร ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี

เนื่องจากปัจจุบันทรัพยากรสัตว์น้ำของประเทศไทย ได้ลดจำนวนลงอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มปลาทู ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการลักลอบทำประมง โดยใช้เครื่องมือประมงผิดกฎหมาย

ดังนั้น เพื่อคืนความอุดมสมบูรณ์ให้กับท้องทะเลอ่าวไทย จึงกำหนดห้ามใช้เครื่องมือบางชนิด ที่อาจส่งผลต่อการแพร่ขยายพันธุ์ของพ่อแม่พันธุ์ และสัตว์น้ำวัยอ่อนในท้องทะเลอ่าวไทย ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี จากชาวประมงในจังหวัด ในการปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ที่กำหนดไว้

นอกจากนี้ จังหวัดชุมพร ได้แต่งตั้งคณะทำงานบูรณาการความร่วมมือ ในการตรวจสภาพการจ้าง สภาพการทำงาน และการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ในกิจการประมงทะเล และกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่อง

ได้ร่วมกำหนดแนวทางการปฏิบัติที่สำคัญ คือ การร่วมกันตรวจเรือประมงทะเล แพปลา และกิจการประมง รวมทั้งการดำเนินการของศูนย์ควบคุมการแจ้ง เข้า-ออก เรือประมง หรือ ศูนย์ PIPO (ศูนย์ไปโป้)

ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (ไอยูยู) ซึ่งเรือประมงที่มีขนาด 30 ตัน กรอส ขึ้นไป ก่อนจะออกไปทำการประมง และกลับเข้าเทียบท่า ต้องแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ ณ ศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออกของเรือประมงที่กำหนด

เพื่อให้มีการรายงานข้อมูลการทำประมง รวมถึงแรงงานบนเรือประมง โดยจะต้องแจ้งก่อนเรือเข้า-ออกไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง อีกด้วย

ประมงชุมพรตรวจสอบการทำประมงด้วยอวนล้อมปั่นไฟปลากะตัก