คนแห่กราบไหว้ ไล่ล่าตามค้นดูตัวตามรูโขดหินต่างๆกว้างหลายร้อยไร่ ด้านจนท.ฝากเตือนเป็นความเชื่อของแต่ละบุคคลห้ามยาก แต่ก็ไม่ควรนำธูปเทียนไปจุดกราบไหว้ทิ้งไว้ทำให้เสี่ยงเกิดไฟป่ารุกลามเสียหายตามมาอีกเป็นจำนวนมากได้ง่ายในขณะนี้ด้วย
ขณะที่จ.ชัยภูมิ ได้มีชาวบ้านจำนวนมากในเขตรอยต่อ 2 อำเภอใกล้เคียงกันระหว่างอ.บ้านเขว้า และอ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ หลายร้อยคนต่างพากันแตกตื่นและเดินทางมาดูคนรูมนุษย์โบราณครั้งนี้กันไม่ขาดสายหลังมีข่าวว่ามีคนไปพนคนรูคล้ายมนุษย์โบราณยุคถ้ำ โผล่ออกมาจากรูของโขดหินซึ่งมีร่างกายเหมือนคนโบราณตัวเล็กสูงไม่เกิน 50 ซม. ได้มาอาศัยอยู่ในรูตามโขดหินในป่าข้างหมู่บ้านหนองกระทุ่ม ต.ชีบน อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ
ซึ่งยังมีประชาชนจำนวนมากต่างพากันแห่ดูจุดพบคนรูมนุษญ์โบราณครั้งนี้กันอย่างไม่ขาดสาย ที่บริเวณป่าของหมู่บ้าน ที่ชาวบ้านเรียกว่าป่าพะนังเขาปู่เปี่ยน ของหมู่บ้านหนองกระทุ่ม ตำบลชีบน อำเภอบ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นป่าไผ่และมีก้อนหินใหญ่จำนวนมากเรียงรายอยู่ทั่วบริเวณเนื้อที่กว้างหลายร้อยไร่ ซึ่งเป็นช่วงป่าท้ายสวนมันสำประหลังของนายบุญนม สิ้นชัยภูมิ อายุ 53 ปี ชาวบ้านเลขที่ 66 หมู่ 1 บ้านหนองกระทุ่ม ต.ชีบน อ.บ้านเขว้าจ.ชัยภูมิ ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้พบเห็นคนรูหรือมนุษย์ถ้าโบราณครั้งนี้เป็นคนแรกและทำให้ชาวบ้านแห่มาดูอย่างต่อเนื่อง ที่บริเวณป่าไผ่ดังกล่าว
แต่จนปัจจุบันก็ยังไม่มีใครพบร่างของคนรูฯดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งยังทำให้ชาวบ้านใกล้เคียงที่แห่เดินทางมาดูจุดดังกล่าว ก็ยังพากันปักหลักรอช่วยกันค้นหา ตามรูในโขดหินใกล้เคียงต่างๆเพื่อจ้องรอดูรูที่อยู่ด้านในของโขดหินกันอย่างคึกคักทั้งใช้ไฟส่องหาในรูเพื่อดูว่ามีคนรูตามที่เป็นข่าวลืออยู่ขณะนี้หรือไม่กันอย่างไม่ขาดสายต่อเนื่องในขณะนี้ด้วยเช่นกัน รวมทั้งผู้คนที่เดินทางมาต่างก็มีการเริ่มนำเครื่องไหว้ ผลไม้ อาหารหวานคราว พร้อมจุดธูปเทียนมาจุดบูชาขอพรโชคลาภ เพื่อเรียกให้คนรูออกมาให้พบเห็นเพื่อเป็นบุญตาสักครั้งในชีวิต บริเวณตามปากรูตามโขดหินกันต่อเนื่องจำนวนมากด้วยเช่นกัน
ซึ่งก็ยังไม่มีใครพบเห็นคนรู้ออกมาให้พบเห็นจนขณะนี้ด้วยเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่ที่เดินทางมาก็ยังหวังว่าการนำผลไม้ อาหารมาช่วยวางไว้หน้ารูตามโขดหินซักวันอาจจะพบคนรูออกมาให้เห็นได้ง่ายมากขึ้น ตามความเชื่อว่าเดี๋ยวคนรูหิวก็จะออกมากินเอง
และจากสอบถามนายบุญนม สิ้นชัยภูมิ อายุ 53ปี ชาวบ้านหนองกระทุ่มซึ่งเป็นคนที่อ้างว่าพบคนรูเป็นคนแรก กล่าวตนเป็นคนพูดให้เพื่อนบ้านฟังว่าตนเองเป็นพบคนรูเป็นคนแรกในขณะที่ตนออกไปดักกระแตที่ท้ายสวนเมื่อสองวันที่ผ่านมา แต่กลับมีถูกกระรอกเข้ามาติดแทน ขณะที่ตนเองเดินทางเพื่อก้มจับกระรอกตนถูกกระรอกกัดแล้วก็สลัดกระรอกให้หลุดจากมือตน และในขณะนั้นได้มองไปที่โขดหินเห็นเป็นคนรู คล้ายมนุษย์ถ้ำโบราณซึ่งมีร่างกายตัวเล็กมากสูงไม่เกิน 50 ซม.ยืนร้องแห้ๆอยู่ที่ปากรูใต้ก้อนหินเมื่อเห็นเช่นนั้นตนจึงรีบวิ่งเข้าไปดูก่อนที่คนรูจะรีบหลบหายลงไปในรูดังกล่าว และรีบกลับบ้านออกมาเล่าให้เพื่อนบ้านฟังแล้วก็พาเพื่อนบ้านตามกลับไปดูพร้อมกับนำอาหารไปให้กินหน้ารู ทั้งกล้วย และอาหารหวานคาว เพื่อช่วยกันเรียกคนรูออกมาให้เห็นอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีคนรูออกมาให้พบเห็นได้ขณะนี้ได้ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเขาชอบกินอะไรเพราะยังสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง หลังจากเรื่องนี้แพร่ออกไปจึงทำให้คนแห่มารอดูอย่างต่อเนื่องครั้งนี้ บ้างก็มาจขกราบไหว้หน้ารูตามโขดหินเพื่อขอพรโชคลาภกันไม่ขาดสายในขณะนี้
ด้านนางหลง ดีชัย อายุ 67 ปี ชาวบ้านเลขที่117 ม.11 บ้านหนองกระทุ่ม ต.ชีบน อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นผู้เฒ่าผู้แก่และเป็นเชื้อชาวไทยโบราณเชื้อสายชาวบน หรือเป็นชนเผ่าชาวไทยภูเขาโบราณมาแต่อดีต เชื่อว่าคนรู หรือมนุษย์ถ้ำโบราณที่มีคนไปพบเห็น น่าจะยังมีอยู่จริงเพราะรุ่นปู่ย่าก็เคยเล่าต่อๆกันมาให้ฟังหลายครั้งว่า จุดดังกล่าวตามถ้ำโขดหินป่าดังกล่าวของหมู่บ้านในอดีตก็เคยพบคนรูมนุษย์โบราณที่จะมีลำตัวขนาดร่างกายขนาดเล็กกว่าคนในสมัยเรามาก หรือสูงไม่เกิน 50 ซม.แต่มีอายุยืนนับร้อยปี ซึ่งตนเองก็ยังไม่เคยเจอตัวจริงๆตั้งแต่เกิดมาเช่นกัน แต่ก็ยังเชื่อว่าคนรูโบราณยังมีอยู่จริงเช่นกัน
จึงเดินทางมีดูในครั้งนี้ด้วย เพื่อหวังว่าจะได้พบเห็นเป็นบุญตากับเขาบ้างในชีวิตสักครั้ง ซึ่งเมื่อมาดูรอบๆรูที่มีคนอ้างว่าพบ ก็ยังสังเกตเห็นเหมือนมีเท้ากระดิกอยู่ภายในรูด้วย จึงเชื่อว่าเป็นคนรูหรือมนุษย์ถ้ำโบราณมาอาศัยอยู่จริงแน่ด้วยเช่นกัน ซึ่งคนรูที่ว่านี้จะมีขนาดความสูงไม่เกิน 50 -70 ซ.ม.และไม่สวมเครื่องนุ่งห่มเปลือยกายตามคำร่ำลือของชาวบ้านจึงทำให้ผู้ที่ทราบข่าวต่างยังพากันต้องการแห่มาดูอย่างต่อเนื่องแต่ก็ไม่มีผู้ใดพบตัวจริงๆเสียที่เพียงแต่เห็นอะไรแว๊ปๆหรือมีเสียงครวญครางอยู่ในรูดังกล่าวในขณะนี้ด้วยเท่านั้น
ขณะที่อีกด้าน เจ้าหน้าที่ป่าไม้และผู้นำชุมชนต่างๆในพื้นที่ ฝากแจ้งเตือนชาวบ้านในพื้นที่ที่พากันแห่เดินทางไปค้นหาติดตามเฝ้าดูคนรูในครั้งนี้เป็นจำนวนมากกันไม่ขาดสาย และบางรายมีความเชื่อนำสิ่งของไปกราบไหว้จุดธูปเทียนขอพรโชคลาภ ซึ่งอาจะจะเสี่ยงทำให้เกิดไฟไหม้ป่ารุกลามป่าเสียหายเป็นวงกว้างได้ง่ายตามมาอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีพื้นที่ป่าใกล้เคียงเนื้อติดต่อกันอีกหลายร้อยไร่ในหมู่บ้านและตำบลใกล้เคียง จึงฝากเตือนผู้คนที่แห่เดินทางมาดูว่าไม่ควรนำธูปเทียนไปจุดทิ้งไว้จะเป็นการดีที่สุดในช่วงนี้เพราะเป็นช่วงหน้าแล้งมักเกิดไฟไหม้ป่ารุกลามเป็นวงกว้างเสียหายเป็นจำนวนมากตามได้ง่ายอีก
Cr.สุทธิพงศ์ ชัยภูมิ