นาย ก. ยอมรับ นำ "สาร" จากร้านทอง ประมาณ 2 ช้อนชา มอบให้นัทปงเอง เจ้าของร้านไม่รู้เรื่อง
วันที่ 8 ธ.ค. 2568 ที่สถานีตำรวจภูธรบางกรวย จ.นนทบุรี มีการสอบปากคำนาย ก. ซึ่งต่อมาชุดสืบสวนได้นำตัวนาย ก. ออกจากห้องสอบสวน เพื่อนำตัวไปยังร้านทองที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านบางแค เพื่อตรวจค้นสารไซยาไนด์ที่นาย ก. อ้างว่านำออกมาจากร้านทองให้แก่นายณัฐวุฒิ ปงลังกา หรือนัทปง ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ที่เสียชีวิต
โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว นาย ก.ไปขึ้นรถเจ้าตัวได้เปิดเผยสั้นๆ ว่า ไซยาไนด์ดังกล่าวได้นำออกมาจากร้านทองเอง โดยที่เจ้าของร้านไม่รู้เรื่อง ก่อนที่เจ้าตัวจะถูกควบคุมตัวขึ้นรถ เพื่อไปตรวจค้นสารไซยาไนด์ ซึ่งตำรวจสืบสวนบังคับการจังหวัดนนทบุรี และสภ. บางกรวย พร้อมกับเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 พาตัวนาย ก. ไปค้นบ้านของนาย ก. และร้านทองในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านบางแค เพื่อที่จะนำสารไซยาไนด์มาตรวจสอบว่าตรงกันหรือไม่

พลตำรวจโทวัฒนา ยี่จีน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เปิดเผยภายหลังสอบปากคำ นาย ก. นานกว่าครึ่งชั่วโมง ร่วมกับพนักงานสอบสวนชุดทำคดี หลังเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดย นาย ก. ให้การรับสารภาพว่า ได้นำสารไซยาไนด์ออกมาจากร้านทองที่ตัวเองทำงานอยู่จริง โดยรู้เห็นเป็นใจกับผู้เสียชีวิต ซึ่งมีการนัดหมายนำสารไซยาไนด์ มามอบให้ที่บ้านพักของผู้เสียชีวิตเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ในขณะที่ผู้เสียชีวิตไม่อยู่บ้าน ซึ่งตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและมีหลักฐานชัดเจน
ส่วนปริมาณประมาณสารไซยาไนด์ ที่นำมาส่งมอบให้มีปริมาณ 2 ช้อนชา โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือเส้นทางการเงินปรากฏว่ามีการซื้อขายกัน และจากการตรวจสอบพบว่าได้ใช้ไปจำนวนหนึ่งแล้ว ซึ่งยังคงต้องเข้าตรวจสอบหลักฐานในบ้านผู้เสียชีวิตเพื่อนำมาเปรียบเทียบอีกครั้งหนึ่ง เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา นาย ก. ฐานมีวัตถุออกฤทธิ์วัตถุอันตรายประเภทที่ 3 เอาไว้ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังจากที่ตำรวจนำตัวไปตรวจค้นที่บ้านพักและร้านทองที่ตัวเองเป็นลูกจ้างอยู่ สำหรับสารไซยาไนด์ นอกจากนาย ก. แล้ว ผู้เสียชีวิตก็ต้องถูกแจ้งข้อกล่าวหาด้วย แต่ด้วยกฎหมาย ผู้กระทำความผิดเสียชีวิตไปแล้วก็จะสั่งไม่ฟ้อง
สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ยอมรับว่า ยังมีความบกพร่องต่อหน้าที่ ส่วนกรณีที่มีบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่นำพยานหลักฐานออกไปจากบ้านที่เกิดเหตุ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้มอบหมายให้กับฝ่ายสืบสวน ตรวจสอบข้อเท็จจริง และสอบสวนถึงเจตนาในการนำวัตถุพยานออกไปจากที่เกิดเหตุ เข้าข่ายการกระทำความผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา
ส่วนการสอบปากคำพยานคนใกล้ชิดและคนสนิททั้ง 5 คนเมื่อวานนี้ ทุกคนให้การไปในทิศทางเดียวกัน และเป็นประโยชน์ต่อลูกคดี แต่ตำรวจไม่ได้ปักใจเชื่อประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ยังคงตั้งประเด็นเอาไว้เรื่องของการทำร้ายตัวเอง และมีบุคคลทำให้เสียชีวิต ซึ่งยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง หลังจากนี้อาจจะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญรวมถึงเครื่องจับเท็จ มาสอบกับคำพูดที่เกี่ยวข้อง 4-5 คนอีกครั้งหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังมีการให้การของคนสนิทระบุถึงการพยายามที่จะทำร้ายตัวเองมาแล้วหลายครั้ง รวมถึงมีการระบุถึงอาการป่วยทางจิตเวชที่มีมาก่อนหน้านี้ แต่ตำรวจยังไม่พบหลักฐานเป็นทางการแพทย์ ซึ่งต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วยอีกครั้งหนึ่ง
โดยในวันนี้ พนักงานสอบสวนยังได้เข้าไปขอข้อมูลเพิ่มเติมจากแพทย์ผู้ชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบปากคำ โดยจะนำข้อมูลทั้งหมดมาพิจารณาประกอบกับหลักฐานที่มีอยู่ในขณะนี้ ซึ่งตำรวจจะเตรียมเข้าตรวจสอบภายในบ้านที่เกิดเหตุอีกครั้งหนึ่ง เพื่อนำกล้องวงจรปิดแต่ละมุมมาตรวจสอบอย่างละเอียด ในวันที่ 11 ธันวาคมที่จะถึงนี้ พร้อมกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต และจะสอบถามครอบครัวผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม

















