"บิ๊กโจ๊ก" จวกนายกฯ ใจดำ กดยอดผู้เสียชีวิตต่ำเลี่ยงเยียวยาผู้เสียชีวิตศพละ 2 ล้าน และกลัวถูกตั้งฉายา "นายก 1,000 ศพ" ชี้ขั้นตอนการเยียวยาล่าช้าขัดกับคำสั่งให้ลดขั้นตอน

วันที่ 1 พ.ย. 2568 พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือ "บิ๊กโจ๊ก" อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกมาเปิดเผยถึงกรณีสถานการณ์น้ำท่วมในหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ว่าปัญหาใหญ่ตอนนี้ไม่ใช่แค่ความเสียหายที่เห็นต่อหน้า แต่คือข้อมูลไม่ตรงกันระหว่างสิ่งที่ประชาชนในพื้นที่สะท้อน และข้อมูลที่รัฐบาลประกาศ โดย พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ บอกว่า ตนลงพื้นที่เอง พูดคุยกับผู้นำชุมชนหลายแห่ง ทำให้ประเมินว่าจำนวนผู้เสียชีวิต “อย่างไรก็เกิน 1,000 ราย” แต่ตัวเลขภาครัฐกลับสวนทาง เพราะมีการ “กดข้อมูล” และแบ่งแยกศพว่าไหนตายนอกโรงพยาบาล ไหนตายในโรงพยาบาล เพื่อให้จำนวนผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวกับน้ำท่วมลดลง ทั้งที่หลายศพต้นเหตุชัดเจนว่ามาจากน้ำท่วม เช่น คนฟอกไตไม่ได้เพราะโรงพยาบาลไฟดับ ต้องมาเสียชีวิตในโรงพยาบาล หรือบางรายถูกไฟชอร์ตจนหัวใจเต้นอ่อนก่อนจะเสียชีวิตหลังเข้ารักษา ซึ่งหากแพทย์ลงสาเหตุการเสียชีวิตเป็นไตวายหรือขาดอากาศหายใจ แล้วนายกรัฐมนตรีตีความว่าไม่ใช่การตายจากน้ำท่วม ก็เท่ากับญาติ “หมดสิทธิ์” รับเงินเยียวยา 2,000,000 บาท

พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ย้ำว่า เรื่องนี้ไม่ถูกต้อง และไม่ควรเกิดขึ้นในสถานการณ์แบบนี้ พร้อมตำหนินายกรัฐมนตรีว่า ในฐานะผู้นำประเทศควรเข้าใจความลำบากของประชาชนมากกว่านี้ โดยบอกว่า “วันนี้ถือว่าท่านใจดำมาก” เพราะภาพรวมการบริหารจัดการรัฐในพื้นที่ตอนนี้อยู่ในสภาพที่แย่มาก ตนเองเพิ่งกลับจากภาคใต้มาคืนก่อน และกำลังจะกลับลงไปอีกเพราะยังมีหลายจุดที่เข้าถึงไม่ได้ และหลายศพที่ยังนำออกมาไม่ได้ โดยบอกว่าถ้านายกฯ ลงมาพื้นที่จะเห็นว่ากลิ่นศพแรงขนาดไหน และการมาแบ่งแยกรายละเอียดเพื่อไม่ต้องนับว่าเป็นผู้ตายจากน้ำท่วม มันไม่ถูกต้อง คนก็คือคน จะสัญชาติไหนก็เป็นชีวิตเหมือนกัน หลายศพเป็นแรงงานต่างด้าวไม่มีญาติ ไม่มีใครแจ้งหาย แล้วสุดท้ายจะไม่นับเป็นหนึ่งชีวิตหรืออย่างไร

พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ยังพูดถึงปัญหาความปลอดภัยในพื้นที่ด้วยว่า ตอนนี้ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก ตำรวจก็เดือดร้อนไม่ต่างกัน เพราะหลายคนเป็นผู้ประสบภัยเอง กำลังไม่พอ หลายโรงพักทำงานกันจนเช้า แต่ก็ยังมีเหตุโจรกรรมจำนวนมากเพราะพื้นที่น้ำเยอะ การเข้าถึงยาก แล้วก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลไม่เกณฑ์ตำรวจจากนอกพื้นที่มาช่วย เพราะตำรวจในพื้นที่ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว ขณะที่หลายบ้านยังเข้าไม่ถึง หลายศพแม้เห็นชัดแต่เก็บออกมาไม่ได้ เขาบอกว่าเป็นสถานการณ์ที่ยากมาก และรัฐต้องลงมาดูด้วยตาตัวเอง

รัฐบาลกำลังกดตัวเลขผู้เสียชีวิตเพื่อเหตุผลทางการเมือง เพราะหากยอมรับว่ามีผู้ตายทะลุ 1,000 ราย ก็จะกระทบโดยตรงกับภาพลักษณ์ของนายกรัฐมนตรี และงบเยียวยาศพละ 2,000,000 บาทก็เป็นจำนวนเงินสูง แต่ก็ยังไม่เท่ากับผลกระทบต่อสถานะทางการเมือง โดยบอกว่า ตนในฐานะข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ “รู้ว่าท่านกำลังทำอะไรอยู่” และย้ำว่าตัวเลขคือเรื่องการเมืองล้วน ๆ ซึ่งสุดท้ายแล้ว ต่อให้ไม่อยากรับก็ต้องรับเพราะคือข้อเท็จจริง พร้อมเรียกร้องให้นายกฯ ตั้งโต๊ะแถลงข่าว เปิดข้อมูลตามจริง และขอโทษประชาชน เพราะถ้านายกฯ ไม่พูดเอง ไม่มีใครกล้าเปิดข้อมูล เพราะทุกคนกลัวตำแหน่งของตัวเอง

พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ เสนอว่า ตอนนี้ต้องเร่งระดมเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน และกระทรวงยุติธรรมลงพื้นที่ ตรวจศพให้ละเอียด คืนศพให้ญาติอย่างรวดเร็ว และจัดหาที่เผาศพฟรี เพราะจำนวนร่างมีมากจนพื้นที่จัดการไม่ทัน พร้อมบอกว่า ตอนนี้ตนเองเตรียมถุงซิปบรรจุศพไว้ 300 ชุด เพื่อนำไปแจกมูลนิธิต่าง ๆ เพราะแม้แต่ถุงซิปใส่ศพภาครัฐยังต้องเปิดรับบริจาค ทั้งที่ควรเป็นหน้าที่รัฐ

ตนมองว่า สภาพในพื้นที่ตอนนี้คือ “รัฐล้มเหลวเต็มรูปแบบ” และสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องต่อสู้เพื่อสิทธิ์ของคนหาดใหญ่ที่ควรได้รับเงินเยียวยา 2,000,000 บาท พร้อมเรียกร้องให้นายกฯ ลงไปบัญชาการด้วยตัวเอง และยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กลับไปใช้ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่มีความชัดเจนกว่าและเหมาะกับสถานการณ์นี้มากกว่า

ในส่วนของประเด็นเรื่องยาเสพติดในเขต 8 พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ชี้ว่า ไม่รุนแรงอย่างที่มีการกล่าวอ้าง เพราะพื้นที่นี้ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยอาศัยอยู่จำนวนมาก อดีตเคยมีผับบาร์ แต่ตอนนี้เศรษฐกิจซบเซา เหลือแต่นักศึกษา ไม่ได้เป็นแหล่งรวมโจรหรือมีพฤติกรรมรุนแรงเหมือนที่บางฝ่ายพูด

เช่นเดียวกับกรณียิงปืนที่ผ่านมา ตนเองลงพื้นที่ตรวจสอบเอง พบว่า วันเกิดเหตุ คนยิงเป็นลูกจ้างเฝ้าโกดังข้าวมูลค่าสูง ได้ยินเสียงเหมือนคนพยายามเปิดประตูจึงยิงขึ้นฟ้าขู่ ไม่ใช่เหตุอาชญากรรมรุนแรงอย่างที่มีการตีความ อีกทั้งกรณีที่ตรวจพบของบางอย่างลอยมาบนน้ำก็ไม่ใช่ยาเสพติดตามที่ถูกกล่าวอ้าง ตอนนี้เขต 8 เป็นพื้นที่ที่ลำบากที่สุด มีตรอกซอกซอยจำนวนมากและมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดจากน้ำท่วมครั้งนี้