รมว.ยุติธรรม ลั่นรับไม่ได้! ปมคุก VIP เอื้อนักโทษจีนเทา ยืนยันเอาผิดไม่เว้นใคร สั่งสอบลึก-ลุยตรวจพื้นที่พรุ่งนี้ (22 พ.ย.)

วันนี้ (21 พ.ย. 2568) ที่กระทรวงยุติธรรม พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดโครงการเวทีสาธารณะ “เห็นคุณค่าทุกชีวิต เดินหน้ากับร่างพระราชบัญญัติขจัดการเลือกปฏิบัติต่อบุคคล พ.ศ. ….”


ร่างกฎหมายฉบับนี้จัดทำโดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เตรียมเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เพื่อผลักดันให้เป็นกฎหมายสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมเท่าเทียม ขจัดการเลือกปฏิบัติ และยกระดับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนของไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยยึดตามหลักปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน


หลังพิธีเปิดงาน ผู้สื่อข่าวสอบถามรัฐมนตรีฯ ถึงกรณีกรมราชทัณฑ์มีคำสั่งย้ายผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ภายหลังพบพฤติการณ์เอื้อประโยชน์ให้ผู้ต้องขังชาวจีน พล.ต.ท.รุทธพล ระบุว่า ตั้งแต่รับราชการจนเกษียณไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน และยอมรับไม่ได้อย่างยิ่ง เพราะเป็นการบ่อนทำลายกระบวนการยุติธรรมของประเทศ พร้อมเชื่อว่าประชาชนก็ไม่อาจยอมรับเรื่องนี้เช่นกัน




รัฐมนตรีเผยว่า ตนได้รับรายงานเบื้องต้นด้วยวาจาตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก่อนที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์จะสั่งตรวจค้นและโยกย้ายผู้บัญชาการเรือนจำทันที โดยรายละเอียดที่ได้รับรายงานก็เป็นไปตามที่เป็นข่าว พร้อมสั่งการให้อธิบดีและคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจัดทำรายงานสรุป เพื่อนำเสนอในการประชุมช่วงบ่ายวันนี้ที่กระทรวงยุติธรรม


พล.ต.ท.รุทธพล ย้ำว่า กระทรวงจะดำเนินการตรวจสอบอย่างเต็มที่ ทั้งพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง พร้อมเร่งรัดดำเนินคดีทั้งทางอาญาและทางวินัยกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง ไม่มีปล่อยผ่าน และหากจำเป็นจะตรวจสอบย้อนหลังการปฏิบัติงานของผู้บัญชาการเรือนจำคนดังกล่าวอย่างครอบคลุม


ในส่วนของข้อมูลที่ปรากฏในข่าวทั้งเรื่อง “ห้องใต้บันได”, ถุงยางอนามัย และการนำหญิงสาวเข้าไปให้บริการผู้ต้องขังชาวจีน รัฐมนตรีระบุว่า จากรายงานเบื้องต้นเป็นเรื่องจริง แต่ต้องตรวจสอบพยานหลักฐานให้ละเอียดอีกครั้งเพื่อแก้ไขในส่วนที่จำเป็น และจะใช้โอกาสนี้ปรับปรุงระบบเรือนจำของไทยทั้งระบบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำ


ทั้งนี้ รัฐมนตรีฯ ระบุว่า วันพรุ่งนี้ เวลา 09.00 น. ตนจะลงพื้นที่ตรวจสอบเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พร้อมกรมราชทัณฑ์และคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนจะเปิดให้สื่อมวลชนร่วมตรวจสอบหรือไม่ ต้องพิจารณาตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์อีกครั้ง