เกษตรกรรอมาเป็นเดือน ประชุมจบ แนวทางใหม่แทบไม่มี ก.เกษตรฯ เสนอปรับพื้นที่ปลูก โยนให้กลับไปทบทวน พร้อมผุดไอเดีย จ้างเลิกทำนาปรัง ไร่ละ 2,000 ถามจริง คุ้มไหมกับความเสี่ยง? ปิดท้ายจับ จับตา บิ๊กเกษตรฯ พ. จ่อนั่ง สศก.
อีเสี้ยม ขยี้เกษตร เข้าเวรรายงานตัวด่วนจี๋ เมื่อวานนี้ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรี อนุทิน นั่งหัวโต๊ะประธาน นบข. คุมทัพจัดการประชุมเอง ชาวนาทั่วประเทศก็ตั้งตารอ ชะเง้อคอมาเป็นเดือนๆ นึกว่าจะมี ทีเด็ด หรือ นโยบายใหม่ๆ ออกมาช่วยกู้ชีพราคาข้าว แต่ อีเสี้ยม ได้กลิ่นทะแม่งๆ มานานแล้ว ข่าววงในเม้าท์กันให้แซ่ดว่า งานนี้มีรายการ เตะถ่วง หรือเปล่า

เพราะก่อนหน้านี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เจ้ากระทรวงเกษตรฯ ได้เกริ่นกับท่านนายกฯ ไว้แล้วว่า จะขออาสามานั่งเป็น ประธาน นบข. เองเพื่อจะได้สั่งการแก้ไขปัญหาให้ชาวนาได้แบบเบ็ดเสร็จ รวดเร็ว ทันใจ แต่ไปๆ มาๆ หวยพลิก นายกฯ เปลี่ยนใจ ไม่ยอมปล่อยมือ ขอรวบอำนาจมาเป็น ประธาน นบข. เอง ผลเป็นยังไง เวลาผ่านไปเกือบเดือน กว่าจะนัดประชุมกันได้ ชาวนารอกันจนเหงือกแห้ง สุดท้ายมติที่ออกมาก็ ว่างเปล่า แทบไม่มีอะไรใหม่ แถมยังเป็นนโยบายเดิมๆ ที่ชาวนาต้องกุมขมับ

อีเสี้ยมขอชำแหละ 3 ประเด็นร้อน ที่สะท้อนว่า เกมการเมือง สำคัญกว่า ปากท้องชาวนา
ดอกที่หนึ่ง: เกาเหลาชามโต ไม่คุยกันก่อนประชุมหรือไง?
เรื่องนี้ตลกไม่ออก กระทรวงเกษตรฯ อุตส่าห์ชงเรื่อง เสนอปรับลดพื้นที่ปลูกข้าว ให้หันไปปลูกข้าวโพด และถั่วเหลือง แทนเพื่อแก้ปัญหาข้าวล้นตลาด แต่พอเข้าที่ประชุม นบข. กลับโดน ตีตกบอกให้นำกลับไปศึกษาก่อน อีเสี้ยม ตบโต๊ะผาง นี่พวกท่านทำงานกันยังไง ที่ผ่านมาเป็นเดือนๆ ไม่ได้คุย ไม่ได้หารือกันนอกรอบก่อนหรือ? ถึงได้มาหักหน้ากันกลางที่ประชุม แบบนี้เกษตรกรไร้ทิศทางชัดเจนตกลงจะให้ปลูกหรือไม่ให้ปลูก ถ้าเตรียมดินไปแล้ว รัฐไม่หนุนใครรับผิดชอบ?


ดอกที่สอง: จ้างเลิกปลูกไร่ละ 2,000 คุ้มค่าความเสี่ยง หรือแค่เศษเงิน?
มาตรการใหม่ที่ภูมิใจนำเสนอให้ชาวนาปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอย่างอื่นโดยสนับสนุนไร่ละ 2,000 บาท จำกัดไม่เกิน 10 ไร่ต่อครัวเรือน (รวมสูงสุด 20,000 บาท) เป้าหมาย 1 ล้านไร่ อีเสี้ยม ถามดังๆ ว่าเงิน 20,000 บาท มันคุ้มไหมกับการที่ชาวนาต้องรื้อระบบการทำนาทิ้ง ต้องไปเรียนรู้การปลูกพืชใหม่ ต้องหาตลาดใหม่? ที่บอกว่า ให้ไปปลูกพืชที่ตลาดต้องการคือพืชอะไร? ข้าวโพด? ถั่วเหลือง? แล้ว ตลาดที่ว่า อยู่ตรงไหน? มีประกันราคาไหม? ถ้าแห่ไปปลูกแล้วราคาตกใครรับผิดชอบ? การเอาเงินมาล่อให้ชาวนาแบกรับความเสี่ยง โดยไม่มีตลาดรองรับที่ชัดเจน มันคือการผลักภาระให้พ้นตัวชัดๆ!

ดอกที่สาม: ราคาข้าวขาวร่วงกราวรูด กับมาตรการ "บวก 300" ที่ฟังแล้วน้ำตาจะไหล!
ข่าวดีจีนซื้อ ข่าวดีสิงคโปร์ซื้อ ท่านบอกดันส่งออกทะลุ 8-9 ล้านตัน แต่ท่านดูราคาตลาด ณ วันที่ 17 พ.ย. สิ ข้าวหอมมะลิ 13,000-14,000 บาท อันนี้ยอมรับว่าดี แต่หันมาดูข้าวขาวราคาอยู่ที่ 5,000-6,000 บาท นี่มันถูกกว่ามาม่าแล้ว! พอไปดูมาตรการช่วยเหลือ ท่านบอกมีโครงการดูดซับข้าวเปลือก 3 ล้านตัน "เน้นข้าวขาว" โดยจะรับซื้อในราคานำตลาด บวกเพิ่มไม่เกิน 300 บาท/ตัน! อีเสี้ยม อยากจะหัวเราะทั้งน้ำตา ราคา 5,000 บวกให้อีก 300 เป็น 5,300 บาท... มันจะไปพอยาไส้อะไร? นี่มันเศษเงินชัดๆ! แถมเอาข้าวไปแปรรูปขาย คุก และค่ายทหาร เหมือนเดิม มันคือการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนตรงไหน? ส่วนไอ้โครงการหรู "ข้าวคุณภาพสูง" (ข้าวประณีต) ที่จะแจกเครื่องสีข้าว จับคู่ธุรกิจเนี่ย เป้าหมายช่วยแค่ 200 กลุ่ม! แล้วชาวนาข้าวขาวอีกเป็นล้านครอบครัวที่กำลังจะอดตายกับเงินบวก 300 บาทล่ะ? ท่านทิ้งเขาไว้ข้างหลังชัดๆ! นโยบายสวยหรูแต่ "กลวง" แบบนี้ ผิดหวังจริงๆ นึกว่าจะมีอะไร "ว้าว" กว่านี้

ปิดท้ายข่าวเช่นเคย ด้วยเสียงซุบซิบรอบนี้หลายฝ่ายจับตาว่าหวยจะมาออกที่ใคร ที่ต้องมานั่งตำแหน่ง "เลขาฯ สศก." ที่ว่างลง งานนี้หลายฝ่ายต่างฟันธงไปอยู่ที่ "บิ๊กเกษตรฯ พ." ซึ่งน่าจะมีความพร้อมทั้งด้านตัวเลข และเชิงข้อมูลด้านการเกษตร ซึ่งคาดว่าเร็วๆ นี้ ร.อ. ธรรมนัส รมว.เกษตรฯ จะเรียก บิ๊กเกษตรฯ พ. มาคุย แต่ในมุมอีเสี้ยมก็เห็นด้วยถ้าท่านมาคุม สศก. "ถูกคน ถูกที่" ความละเอียดระดับคุณชาย มาเป็นแม่บ้านกระทรวงเกษตรฯ ย่อมมีโอกาสสร้างผลงาน ฉายแววลุ้นเป็นพระยาแรกนาได้มากกว่านั่งในตำแหน่งเดิม เพราะได้ข่าวอยู่บ้านเก่าก็อึดอัด ข้าราชการส่วนใหญ่ไม่ให้การยอมรับเท่าที่ควร... แถวบ้านอีเสี้ยมเรียกว่า "ดื้อเงียบ" แต่ตำแหน่งเดิมก็มีผู้หมายตาอยากนั่งหลายคน ช่วงนี้คงอาศัยจังหวะวิ่งกันน่าดู แต่ที่สนใจคือ จะวิ่งไปนั่ง สศก. หรือวิ่งไปนั่งแทนที่ บิ๊กเกษตรฯ พ. (กรมระดับเกรด A) งานนี้ก็ลุ้นกันต่อไปว่าใครจะมา ใครจะไป ขอให้ทำเพื่อเกษตรกรละกัน อีเสี้ยมขยี้เกษตร....ฝากให้คิด!











