"ธรรมนัส" รัฐมนตรีเกษตรฯ เตือนชาวนาอย่าเข้าใจว่า ข้าวหอมสยาม คือ ข้าวหอมมะลิ หวั่นชาวนาเข้าใจผิดว่าขายได้ราคาข้าวหอมมะลิ

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ห่วงใยพี่น้องชาวนา ออกโรงเตือนอย่าหลงเชื่อว่าข้าวพันธุ์ “หอมสยาม” เป็นกลุ่มเดียวกับ “ข้าวหอมมะลิไทย” ชี้ยังไม่ใช่พันธุ์รับรอง หากแห่ปลูกระวังเจ็บตัว โรงสีเมินรับซื้อ เสี่ยงถูกกดราคาต่ำ

ผู้สื่อข่าว ลุยข่าวเกษตร ช่อง 8 รายงานว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้ออกมาแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์การเพาะปลูกข้าวในรอบใหม่ โดยฝากเตือนไปยังพี่น้องเกษตรกรชาวนาทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือ ให้ระมัดระวังและทำความเข้าใจให้ถูกต้องเกี่ยวกับพันธุ์ข้าว “หอมสยาม” ที่กำลังมีการพูดถึงในขณะนี้

​“ขอฝากเตือนพ่อแม่พี่น้องชาวนา อย่าเข้าใจผิดว่า ข้าวหอมสยาม คือ ข้าวหอมมะลิ เพราะนี่คือคนละพันธุ์กัน ข้าวหอมมะลิไทยที่เป็นเกรดพรีเมียมส่งออกต้องเป็นพันธุ์ ขาวดอกมะลิ 105 หรือ กข15 เท่านั้น ส่วนหอมสยามยังไม่ผ่านการรับรองพันธุ์จากกรมการข้าว หากพี่น้องนำไปปลูกปะปนกัน หรือเข้าใจผิดนำไปขายเป็นหอมมะลิ จะเกิดปัญหาใหญ่ตามมา คือโรงสีอาจปฏิเสธการรับซื้อ หรือถูกกดราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งคนที่เสียเปรียบที่สุดคือตัวชาวนาเอง” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว



ด้าน ​นายอานนท์ นนทรีย์ อธิบดีกรมการข้าว ได้เปิดเผยข้อมูลเพื่อสร้างความชัดเจนในประเด็นดังกล่าวว่า :
​1. สถานะของ “ข้าวหอมสยาม”
ปัจจุบัน “หอมสยาม” ยังไม่ได้รับการรับรองพันธุ์ จากกรมการข้าว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมข้อมูลยื่นขอรับรองพันธุ์ โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในช่วงเดือนมีนาคม 2569 ดังนั้น ในทางราชการ ข้าวพันธุ์นี้จึงยังไม่มีสถานะเทียบเท่าพันธุ์ข้าวรับรอง (เช่น ตระกูล กข ต่างๆ)

2. ความเสี่ยงเรื่องราคาและการตลาด
สมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และโรงสีข้าวไทยที่ทำตลาดส่งออก ได้ส่งสัญญาณชัดเจนในการปฏิเสธการรับซื้อข้าวพันธุ์หอมสยาม หรือหากรับซื้อก็จะให้ราคาที่ต่ำกว่าข้าวหอมมะลิไทยมาก เนื่องจากหากมีข้าวพันธุ์นี้ปะปนไปกับข้าวหอมมะลิไทย จะทำให้ตรวจ DNA ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานข้าวหอมมะลิไทย ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อความเชื่อมั่นในตลาดโลก

3. ข้อเท็จจริงของพื้นที่ปลูก
จากการตรวจสอบข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกร (ณ วันที่ 12 พ.ย. 2568) พบพื้นที่ปลูกข้าวหอมสยามเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเป็น 2,684 ไร่ โดยกระจายตัวในจังหวัดพิจิตร, มหาสารคาม, ขอนแก่น และนครราชสีมา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลหากมีการขยายพื้นที่ปลูกโดยไม่มีตลาดรองรับที่ชัดเจน

นายอานนท์ นนทรีย์ อธิบดีกรมการข้าว กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการข้าว จึงขอแนะนำให้เกษตรกรพิจารณาถึงผลกระทบอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อเมล็ดพันธุ์ และควรเลือกซื้อจากแหล่งผลิตที่ขึ้นทะเบียนพันธุ์กับกรมวิชาการเกษตรอย่างถูกต้อง เพื่อให้มั่นใจว่าได้เมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพและตรงตามความต้องการของตลาดอย่างแท้จริง