ช่อง 8 ปีนเขาส่อง "ปราสาทคนา" ชาวบ้านยัน ปราสาทเป็นของไทยตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ วอนทหารไล่เขมรพ้นตัวปราสาท จวกนายกฯ อย่าพูดกำกวม ลั่นเขมรควรถอนกำลังออกไป
วันนี้ 9 พ.ย. 68 ทีมข่าวออนไลน์ช่อง 8 เดินทางมายังพื้นที่บ้านแนงมุด ต.แนงมุด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เพื่อไปยังวัดเขาแหลมรัตนมุนี ซึ่งเป็นจุดที่สามารถมองเห็น ปราสาทคนาได้จากระยะไกล ซึ่งห่างออกไปราว 6- 8 กิโลเมตร ซึ่งระหว่างเส้นทางที่ทีมข่าวเดินขึ้นไปนั้น พบว่าเป็นเส้นทางภูเขาสูงชันสลับกับทางราบ แต่ด้วยความที่ฝนตกลงมาอย่างหนักตลอดสองวันที่ผ่านมา ทำให้เส้นทางเดินขึ้นไปด้วยความยากลำบาก



ทีมข่าวใช้ระยะเวลาเกือบ 1 ชั่วโมง ผ่านระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร ที่เต็มไปด้วยเห็นและกิ่งไม้ตลอดทาง พร้อมกับเส้นทางที่ลื่น กระทั่งทีมข่าวเดินขึ้นไปถึงยอดเขาแหลม พบว่าบริเวณด้านบนนั้นเป็นแนวสันเขาที่สามารถมองไปยังฝั่งกัมพูชาได้ ซึ่งจุดดังกล่าวอยู่ตรงข้ามกับปราสาทคนา แต่ขณะที่ทีมข่าวขึ้นไปนั้นพบว่ามีกลุ่มเมฆหมอกปกคลุมหนาแน่น แต่ยังมีบางช่วงที่ลมพัดกลุ่มเมฆหมอกผ่านไปก็สามารถเห็นสันเขาฝั่งปราสาทคนาได้บางช่วง แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นตัวประสาทได้เนื่องจากตัวประสาทถูกปกคลุมด้วยต้นไม้ตลอดแนว




ต่อมาทีมข่าวได้คุยกับ นายวีรวัฒน์ พันธุ์ศิลป์ อายุ 64 ปี ชาวบ้านบ้านแนงมุด ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ใกล้กับปราสาทคนา และเขาแหลมมากที่สุด นายวีรวัฒน์เปิดเผยว่า จุดยอดเขาแหลมที่ทีมข่าวได้ขึ้นไปนั้นสามารถมองเห็นปราสาทขนาดได้ในระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร ซึ่งปราสาทคนา หากดูตามแผนที่เป็นของไทย 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งชาวบ้านแถวนี้ก็รู้ ว่าเป็นประสาทของใครอยู่แล้ว เพราะก่อนหน้านี้ชาวบ้านก็สามารถเข้าไปตัวปราสาทได้ตามปกติตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษแล้ว แล้วตนก็เข้าไปไม่กี่ครั้งล่าสุดที่เข้าไปที่ปราสาทคนาคือปี 2524 ซึ่งก็สามารถเข้าไปหาของป่าได้ตลอด ต่อมาประมาณปี 2544 กรมศิลปากรก็ได้เดินทางเข้ามาที่ปราสาทเพื่อเตรียมบูรณะ และในปี 2547 พลตรีณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ขณะนั้นเป็นคุมหน่วยทหารพราน ได้เข้ามาตั้งกองร้อย และสร้างถนนขึ้นไปยังหนองคนา ซึ่งห่างจากตัวประสาทราว 200 เมตร แต่ในปี 2554 ก็เกิดการปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาในกรณีปราสาทเขาพระวิหาร ทหารกัมพูชาก็เข้ายึดครองปราสาทคนานับตั้งแต่นั้นมา

นายวีรวัฒน์ ยังบอกอีกว่า หากมองจากฝั่งปราสาทคนา ที่ตั้งอยู่แนวตีนเขาขโนดโต จะสามารถมองเห็นฝั่งเขาแหลม ที่ทีมข่าวยืนอยู่ และยังมองเห็นเขาแหลมน้อย ที่อยู่ใกล้เคียงได้อีกด้วย
“ตอนนี้ในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ที่เคยไปเหยียบปราสาทคนา ตรงนั้นเป็นพื้นที่ของประเทศไทยตนเยอะจึงอยากถามว่าใครจะอยากเสียพื้นที่ตรงนั้นไป แม้ตัวปราสาทจะไม่สมบูรณ์และไม่สวยงาม แต่นั่นเป็นพื้นที่ของประเทศไทย เราก็ไม่ควรให้ชาวเขมรเข้ามาอยู่และครองพื้นที่ของเราประเทศเรา” นายวีรวัฒน์กล่าว

นายวีรวัฒน์ เปิดเผยต่อว่า เมื่อประมาณ 2-3 วันที่ผ่านมา ตนได้ฝากหน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่นหน่วยงานทางการทหารเชื่อว่าขณะนี้ท่านกำลังผลักดันอยู่ เพื่อทวงคืนปราสาทคนา ซึ่งตนและชาวบ้านก็ขอส่งกำลังใจให้กับทหารด่านหน้า และอยากฝากบอกว่า อยากเห็นพื้นที่ตรงนี้ กลับคืนมาเป็นของไทย โดยที่ไม่ต้องให้ฟังกัมพูชาเรียกปราสาทดังกล่าวว่าเป็นของเขา และตนอยากฝากบอกไปยังฝั่งรัฐบาล ว่าอย่าพูดอะไรที่มันก้ำกึ่งว่าเป็นพื้นที่สำรวจร่วม เพราะตรงนั้นเป็นพื้นที่สันปันน้ำและยืนยันว่าเป็นพื้นที่ของประเทศไทย พร้อมทั้งฝากบอกฝั่งกัมพูชาว่า ที่คิดว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นของกัมพูชา พวกท่านนั้นคิดผิด เพราะพื้นที่ตรงนั้นที่ฝั่งกัมพูชาขึ้นมาไม่ใช่พื้นที่ที่เดินได้สะดวกแต่กลับการสร้างกระเช้าขึ้นมา ซึ่งเชื่อว่าฝั่งนั้นก็รู้ว่าตรงนี้เป็นพื้นที่ของแผ่นดินไทย แต่กลับอ้างว่าปราสาทตรงนั้นเป็นของกัมพูชา ก็ขอให้คิดใหม่ เพราะพื้นที่ตรงนั้นแบ่งปันกันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แล้วต้นขอยืนยันว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ของไทยมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ

















