ทีมข่าวช่อง 8 พบพยานแฉ! "ต้า" หมายเลขบัตร 139 ไอเป็นเลือด ถูกแก๊งสแกมเมอร์ทุบตี ไฟฟ้าชอร์ต รักษาแค่ให้น้ำเกลือที่คลินิกใต้ตึก ก่อนตายน้องให้พาไปเลี้ยงหมูกระทะเป็นมื้อสุดท้าย

จากกรณีศูนย์ประสานช่วยเหลือคนไทยในต่างแดน IMF ภาคตะวันออก ได้รับข้อมูลของ "น้องต้า" วัย 19 ปี ชาวจังหวัดเพชรบุรี เหยื่อสแกมเมอร์ที่ถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ในประเทศกัมพูชา ทีมข่าวช่อง 8 ได้ติดต่อพูดคุย ผ่านวิดีโอคอล กับ น.ส.เจน อายุ 27 ปี เหยื่อที่เคยถูกหลอกเป็นสแกมเมอร์ฟิลแฟน ที่ชายแดนบาเวต จังหวัดสวายเรียง ติดกับประเทศเวียดนาม กว่า 5 เดือน และถูกทำร้ายร่างกายทั้งทุบตีและชอร์ตไฟฟ้า และเจ้าตัวยังทำงานบริษัทเดียวกับน้องต้า วัย 19 ปี ที่เสียชีวิต

น.ส.เจน เล่าว่า หลังจากตนเองถูกหลอกไปทำงานที่ฝั่งปอยเปต ตนเองได้ถูกขายไปที่บริษัทแห่งหนึ่งในชายแดนเวียดนามทำงานแสกมเมอร์ จึงได้เจอกับน้องต้า (ผู้เสียชีวิต) ในช่วงเดือนเมษายน จึงได้มีโอกาสพูดคุยและทำความรู้จักกัน โดยตอนนั้นตนเองไม่ทราบน้องต้าป่วยเป็นโรคอะไร แต่สังเกตว่า เจ้าตัวมีอาการไอเหมือนจะไม่สบาย และยังได้บอกกับตนอีกว่า “ ผมเป็นอะไรไม่รู้ไอเป็นเลือด” ขณะเดียวกัน บริษัทของตนเองมีบอสจีน และบอสคนไทยเป็นคนดูแล ยังได้พาน้องต้าไปให้น้ำเกลือในคลินิกที่อยู่ด้านล่างตึก เพื่อบังคับให้พนักงานกลับไปทำงานต่อ ไม่ได้มีการรักษาตรวจอย่างละเอียดอย่างไร

ตัวของน้องต้า (ผู้เสียชีวิต) ถูกบังคับให้ทำยอดหลักแสนขึ้นไปและหาลูกค้า โดยถูกบังคับทำงานตั้งแต่ช่วง 9 โมงเช้า หากวันไหนทำยอดไม่ได้ก็จะถูกบังคับให้ทำงานล่วงเวลา ได้นอนช่วงประมาณเที่ยงคืน ซึ่งน้องต้าเมื่อก่อนทำงานฟีลแฟน ทำยอดไม่ได้ก็จะถูกทุบตีและถูกไฟฟ้าชอร์ตทุกวัน แต่พอเปลี่ยนมาเป็นตำแหน่งแอดมินก็เคยเห็นว่า ต้าร์จะถูกตี ทำร้ายร่างกายทุกๆ 5 วัน ของแต่ละสัปดาห์ ทั้งใช้ท่อพีวีซี ท่อแอร์ ถูกตีบริเวณก้น และขา รวมถึงยังใช้กระบองไฟฟ้าชอร์ตอย่างทารุณ

นางสาวเจน ยังเล่าอีกว่า ระยะแรกน้องต้ายังพูดคุยหัวเราะได้ปกติ แต่พอพักหลังกลับถูกทำร้ายร่างกายจนสติเหม่อลอย จนกระทั่งผ่านไป 6 เดือน อาการน้องต้าก็เริ่มทรุดทุกวัน มีอาการหนาวสั่นเข้ากระดูก พอถึงคืนสุดท้าย ก่อนน้องจะเสียชีวิต วันที่ 10 ต.ค.

น้องต้า ได้พูดเป็นลางกับตนเองว่า “พากูไปกินหมูกระทะหน่อย สักมื้อ เป็นมื้อสุดท้าย ” ตนเองก็ยัง ตกใจคำพูดบอกกับน้องต้าว่า “ ทำไมมึงเล่นแรงจัง อยากกินเดี๋ยวพาไปกินเลิกงาน” พอหลังจากกินหมูกะทะเสร็จก็กลับมานอน ตื่นเช้ามา น้องก็นอนเสียชีวิตอยู่ภายในห้องนอนคาตึกทำงาน โดยไม่เห็นร่องรอยบาดแผลเนื่องจากผู้ตายสวมใส่เสื้อผ้าแขนยาว

หลังจากนั้นก็ไม่ทราบว่า ศพของน้องต้าถูกนำไปที่ไหน บ้างก็ได้ยินว่า “เอาศพส่งที่สถานทูตไทย” บ้างก็ได้ยินว่า มีการจ่ายเงินและเผาศพไปแล้ว

นอกจาก น.ส.เจน ยังเล่าอีกว่า ตนเองเคยสอบถามนายต้า ว่าเป็นเพราะอะไรถึงได้มาทำงาน “เจ้าตัว บอกว่า ถูกหลอกให้มาทำงานสแกมเมอร์ แต่ตอนแรกเจ้าตัวได้สมัครงานแอดมินเว็บพนันที่ปอยเปต ซึ่งตลอดที่อยู่ด้วยกัน น้องต้าเคยบอกว่าอาศัยอยู่กับยาย 2 คน และใจอยากจะหาเงินเอาไปให้ลูกได้เยอะๆ เพื่อมีอนาคตที่ดีขึ้น

นางสาวเจน ยังทิ้งท้ายอีกว่า ก่อนน้องต้าร์จะเสียชีวิตเคยพูดเอาไว้ว่า “กูอยากกลับบ้าน กูอยากกลับไปหายายกูนะ แต่กูก็อยากเห็นอนาคตของลูกสดใส”

จากนั้น ทีมข่าวได้พูดคุยกับพี่เบิร์ด ตัวแทนศูนย์ประสานช่วยเหลือคนไทยในต่างแดน IMF ภาคตะวันออก เผยว่า ส่วนใหญ่คนไทยที่อยู่ในฝั่งปอยเปต กัมพูชา จะมีการประสานผ่านมาทาง Facebook ส่วนตัว หรือ ช่องทาง LINE และเบอร์โทรส่วนตัว ซึ่งเรียกได้ว่าการประสานระหว่างไทยค่อนข้างลำบาก เนื่องด้วยสถานการณ์ความมั่นคง ซึ่งจะต้องมีการประสานให้ทางมีการร้องขอ ในการส่งตัว จากโรงพยาบาลทางฝั่งกัมพูชา ทางศูนย์ IMF จึงจะสามารถช่วยเหลือได้

ส่วนกรณีของน้องต้าวัย 19 ปี ที่เสียชีวิต เรียกว่า ยิ่งล้วงลึกยิ่งพบตัวละครที่เกี่ยวข้องโผล่เข้ามาเพิ่ม เช่น ชาวจีนผู้บงการที่ใช้กระบองไฟฟ้าชอร์ตน้องต้าร์จนเสียชีวิต โดยสายลับของตนเองที่อยู่ในตึก ได้รายงานมาว่า ชาวจีนรายดังกล่าวได้ถูกปล่อยข่าวว่าถูกจับกุมเรียบร้อยแล้ว ส่วนเด็ก อีก 5 คน ที่อยู่อาศัยในห้องเดียวกับน้องต้าร์ ก็เพิ่งถูกผลักดันกลับมาฝั่งประเทศไทย และมีคดีบัญชีม้าติดตัว ล่าสุดถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบตัวไปแล้ววันนี้ 4 คน ส่วนอีก 1 คน เป็น LGBTQ ก็จะอยู่ระหว่างติดตามหาตัว เพื่ออยากให้เหยื่อได้เข้ามาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และน้องต้าร์ต้องไม่เสียชีวิตฟรี ในฝั่งกัมพูชา ที่ถูกกระทำโดยวิธีการไร้มนุษยธรรม

หมายเลข 139 "ต้า" พยานแฉถูกแก๊งสแกมเมอร์ทารุณ จนตายคาตึก