กกล.บูรพา เชิญสื่อลงพื้นที่เก็บกู้ทุ่นระเบิด พบสื่อ-ทหาร "กัมพูชา" สังเกตการณ์อยู่ด้วย
กองทัพภาคที่ 1 - กองกำลังบูรพา นำทัพสื่อมวลชน ดูปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งถือเป็นหนึ่งในมาตรการผลักดันกัมพูชา หลังพบทุ่นระเบิดฝังไว้ที่ขอบชายป่า 3 ทุ่น สภาพพร้อมใช้งาน รับ “ฝน” เป็นอุปสรรคสำคัญในการเข้าปฎิบัติภารกิจ แต่ยืนยันจะเร่งเคลียร์พื้นที่ให้ปลอดภัย เพื่อให้ชาวบ้านได้กลับเข้าไปใช้ประโยชน์ ยันไม่หวั่น แม้จะมีชาวกัมพูชา คอยป่วน ยืนสังเกตการณ์ประชิดแนวรั้ว เพราะนี่คือแผ่นดินไทย
วันที่ 12 ต.ค. เวลา 14.00 น. กองทัพภาคที่ 1 และกองกำลังบูรพา ได้นำทัพสื่อมวลชนเข้าไปดูปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ในพื้นที่ “บ้านหนองหญ้าแก้ว” อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และวันนี้ถือเป็นวันที่ 3 ของการที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปเก็บกู้ทุ่นระเบิด หลังไทยสามารถยึดพื้นที่กลับคืนมาได้จากกัมพูชา และนี่นับว่าเป็นหนึ่งในมาตรการผลักดันของทหารด้วย
โดยสภาพผืนป่าที่ถูกปรับพื้นที่แล้ว นอกเส้นโพลิสไลน์ พบว่าเต็มไปด้วยดินโคลน ซึ่งขั้นตอนการเก็บกู้ทุ่นระเบิดนั้น เจ้าหน้าที่ใช้ GCH-200 หรือ เครื่องจักรกวาดล้างทุ่นระเบิด 1 คัน ที่อเมริกามอบให้กับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ขับนำทาง พร้อมเครื่องจักรสนับสนุนการกวาดล้างทุ่นระเบิด 1 คัน ช่วยถากถางหญ้า เคลียร์เส้นทางให้เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิด 4 คน เดินเรียงโดยใช้อุปกรณ์สแกนหาวัตถุระเบิด
และหากช่วงที่เครื่องจักรกวาดล้างทุ่นระเบิดกำลังทำงาน แล้วปรากฏว่าเกิดระเบิดขึ้น จะทำให้สะเก็ดระเบิดกระจาย แต่จะมีเครื่องจักรกวาดล้างระเบิดบังสะเก็ดระเบิดเอาไว้อยู่ เพื่อป้องกันความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
ด้าน พันโทศราวุธ สระทองเทียน ผู้บังคับกองพันทหารช่างที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจ 12 กองกำลังบูรพา ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ให้ข้อมูลว่า แผนดำเนินการในวันนี้ เจ้าหน้าที่จะทำการถางป่าหญ้าเพิ่มเติมจากเมื่อวานนี้ และใช้กําลังเจ้าหน้าที่เดินตาม ซึ่งคาดว่าจะทําให้พบทุ่นระเบิดที่ตกค้างเพิ่มเติม
สําหรับพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัยที่หนองหญ้าแก้ว ที่จํากัดวงเป็นพื้นที่สีแดงมีประมาณ 102,874 ตารางเมตร ในจํานวนนี้ได้แบ่ง เป็น 4 โซนในการดําเนินการ ซึ่งโซนเอมีอยู่ประมาณ 29,726 ตารางเมตร ในการตรวจค้นทุ่นระเบิดและทําพื้นที่ให้ปลอดภัย
ปัจจุบันสามารถคืนพื้นที่ได้เรียบร้อยแล้ว 15,042 ตารางเมตร / ส่วนที่เหลือคาดว่าจะใช้ระยะเวลาอีก 1 สัปดาห์ เนื่องจากมีอุปสรรคของสภาพอากาศเข้ามาเป็นปัจจัยสําคัญในการทำงาน ซึ่งการดําเนินการทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ด้วย
พันโทศราวุธ ย้ำอีกว่า “ที่ผ่านมาทางกัมพูชาพยายามขัดขวางไทยมาโดยตลอด จึงเป็นที่มาของภารกิจตลอด 3 วันที่ผ่านมา ซึ่งผลปฏิบัติการจากเมื่อวาน พบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล 3 ทุ่น บริเวณที่ขอบชายป่า ฝังอยู่ใกล้กันทั้งหมด สภาพพร้อมใช้งาน เป็นทุ่นระเบิดเก่า โดยพื้นที่ทั้งหมดเจ้าหน้าที่จำเป็นจะต้องเข้าเคลียร์ เพื่อให้ชาวบ้านได้เข้าไปใช้ประโยชน์ต่อ เพราะเป็นพื้นที่ตั้งแต่สงครามเมื่อหลายปีก่อน จึงยังไม่ปลอดภัย ทุกอย่างจึงจะต้องดำเนินการให้ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ก่อน ทั้งการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและการเคลียร์ระเบิด จึงจะถือว่าปลอดภัย”
ส่วนอุปสรรคสําคัญ คือ “ฝนที่ตกตลอด“ ที่ส่งผลต่อการทํางาน ซึ่งหากจะให้ครบทั้ง 4 โซน คาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ขณะที่พื้นที่บ้านหนองจานจะอยู่ในแผนต่อไปหลังเสร็จสิ้นพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้วแล้ว
พันเอกภิชฌ์ยุทธ พรหมโท รองเสนาธิการกองทัพภาค 1 ระบุว่า พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้วที่ทําการเก็บกู้วัตถุระเบิดตกค้างนั้น เป็นแผนประจําปีของ นปท. หรือหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดทางด้านมนุษยธรรม เป็นหนึ่งในแผนปฏิบัติการเก็บกู้ระเบิดด้านมนุษยธรรมของประเทศไทยตามมนุษย์ ซึ่งเราได้ส่งแผนไปที่ออตตาวาอยู่แล้ว แต่ในหลายปีที่ผ่านมาไทยไม่สามารถปฏิบัติการพื้นที่ดังกล่าวได้ เพราะถูกกัมพูชาขัดขวางมาโดยตลอด แต่พอฝ่ายความมั่นคงไทยสามารถยึดคืนพื้นที่ดังกล่าวกลับคืนมาได้เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ถึงเพิ่งได้เข้ามาเคลียร์พื้นที่
ผู้สื่อข่าวถามว่าภารกิจในครั้งนี้ถือเป็นการคืนพื้นที่อธิปไตยไทยได้หรือไม่ พันเอกภิชฌ์ยุทธ ตอบว่า “ถือว่าได้ เป็นการนับหนึ่งไปเป็นขั้นตอน ขณะเดียวกันก็จะเห็นว่าทางจังหวัด ก็เริ่มซักซ้อมแผนอพยพแล้วเช่นเดียวกัน”
ส่วนทุ่นระเบิดที่พบนั้นยืนยันได้หรือไม่ว่าที่ผ่านมากัมพูชาไม่เคยดําเนินการตามข้อตกลง / พันเอกภิชฌ์ยุทธ ตอบว่า “ก็เป็นส่วนหนึ่ง”
ทั้งนี้พันเอกภิชฌ์ยุทธ ย้ำว่าพื้นที่อธิปไตยไทยของเรา เราสามารถทำได้เลย โดยไม่ต้องขออนุญาต เราแค่ทําหนังสือแจ้งเท่านั้น เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด เพียงแต่ที่ผ่านมาทางกัมพูชาจะอ้างว่าเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ ที่ผ่านมาฝ่ายไทยก็ไม่อยากจะให้มีปัญหา แต่ตอนนี้เราเห็นว่าทําได้ เราก็ทําทันที เบื้องต้นวันนี้ยังไม่เจอทุ่นระเบิดเพิ่ม
อย่างไรก็ตามช่วงที่ทหารพาสื่อมวลชนเข้าไปดูปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดนั้น พบชาวกัมพูชาและทหารมายืนดูสังเกตการณ์อยู่ที่หน้าแนวรั้วลวดหนามและข้างป่ายูคาจำนวนมาก และพยายามเดินเข้ามาประชิดใกล้กับสื่อมวลชนของไทย พร้อมยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปตลอดเวลา
ซึ่งทหารให้ข้อมูลว่าช่วงตลอดเวลาที่เข้าปฎิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด มักจะพบชาวกัมพูชาจะเข้ามาสังเกตการณ์ในพื้นที่หน้าแนวตลอด และพยายามที่จะฟ้องว่าไทยเข้ามาทำในพื้นที่ของเขา แต่มันไม่ใช่ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงเลย
สำหรับการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เจ้าหน้าที่ตั้งไว้ที่จะเคลียร์พื้นที่ป่า 3 แสนตารางเมตร และนี่ถือเป็นเฟสแรก ในพื้นที่ป่า 1 แสนตารางเมตร
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่สื่อมวลชนลงพื้นที่พบว่ามีทหาร สื่อมวลชน และมวลชน ของฝั่งกัมพูชา มายืนดูการปฎิบัติหน้าที่ด้วย