พี่สาวร่ำไห้โฮ หลังเห็นศพน้องชายหนุ่มเชฟ เสียชีวิตอย่างอนาถในปอยเปต
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 8 ต.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีหนุ่มเชฟคนไทยป่วยเสียชีวิตฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยทราบชื่อต่อมาคือ นายเมธาชาญ ยอแสง หรือ "มีน" อายุ 24 ปี ซึ่งมีอาชีพเป็นเชฟหนุ่มจาก อ.พระพรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช หลังป่วยและอยู่ในสภาพเร่ร่อนอยู่ข้างถนนหน้าอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง และถูกปฏิเสธการรักษา จากโรงพยาบาลปอยเปต ฝั่งกัมพูชา เพราะไม่มีเงินและเอกสารยืนยันตัวตน กระทั่งต้องนอนเสียชีวิตตามลำพังบริเวณดังกล่าวเหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ กลายเป็นกรณีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องการปฏิบัติด้านมนุษยธรรมของประเทศเพื่อนบ้านอย่างหนัก ทางสื่อโซเชียลมีเดียฯ
ล่าสุด กรณีของนายเมธาชาญ ทางศูนย์ประสานช่วยเหลือคนไทยในต่างแดน ได้ประสานญาติ นางนาวี ยอแสง ผู้เป็นแม่ มอบหมายให้พี่สาว นางสุภาวดี ยอแสง หรือ "คุณมาย" พี่สาวของคนตาย และพี่เขย เดินทางมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิประชาร่วมใจ จาก จ.นครศรีธรรมราช เพื่อมารับศพ ที่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา หน้าด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักงานประสานงานชายแดนไทยกัมพูชา หรือ สน.ปทก. และเจ้าหน้าที่ทหารพราน นำโดย พ.อ.เมธี คำเต็ม ผบ.ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 ได้ประสานงานกับทางการกัมพูชาและสถานกงสุลไทย เพื่อยืนยันตัวตนและทำเรื่องขอนำศพข้ามกลับมายังประเทศไทย โดยมีสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ เดินทางมาร่วมทำข่าวกรณีนี้จำนวนมาก ซึ่งช่วงเวลา 14.20 น. มูลนิธิกู้ภัยอรัญประเทศ ได้นำโลงศพมาจัดเตรียมไว้ ที่บริเวณหน้าประตูเหล็ก สะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เพื่อเปลี่ยนถ่ายร่างของผู้เสียชีวิต จากรถกู้ภัยของฝั่งประเทศกัมพูชา ใส่โลงศพ ก่อนนำไปส่งต่อให้กับญาติด้วย
สำหรับนายเมธาชาญ ญาติให้ข้อมูลว่า จบวิทยาลัยอาชีวะและทำงานเป็นเชฟบนเรือสำราญ เดินทางไปทั่วโลก มีสัญญาจ้างและรายได้ค่อนข้างสูง แต่ได้ขาดการติดต่อไปนานกว่าหนึ่งปี คาดว่า ลูกชายจะหมดสัญญาจ้างบนเรือ แล้วถูกชักชวนให้ไปทำงานต่อฝั่งกัมพูชา และอาจถูกทำร้ายร่างกาย ยึดเอกสารส่วนตัว จนต้องหนีออกมาเร่ร่อน กระทั่ง มาถูกพบตัวในสภาพป่วยหนัก ปวดท้อง และช่วยตัวเองไม่ได้ ไม่มีทั้งเงิน และไม่มีเอกสารติดตัว โดยคนไทยในปอยเปตและเครือข่ายศูนย์ประสานงานฯ ได้พยายามเข้าช่วยเหลือและพาตัวส่งโรงพยาบาลในฝั่งกัมพูชา แต่ทางโรงพยาบาลปอยเปตปฏิเสธการรับรักษา เนื่องจากนายเมธาชาญ เป็นคนไทยและไม่มีหลักฐานทางการเงินหรือเอกสารระบุตัวตน
พ.อ.เมธี คำเต็ม ผบ.ชค.ทพ.12 กล่าวว่า กรณีที่คนไทยทุก ๆ ตกทุกข์ได้ยากฝั่งกัมพูชา หากมีการประสานงานมาทางเรา ก็จะประสานเพื่อให้การช่วยเหลือ ซึ่งกรณีที่มีการปิดด่าน การดำเนินการจะทำได้ลำบาก จึงอยากประชาสัมพันธ์ให้ใครที่มีญาติพี่น้อง ทำงานอยู่ฝั่งปอยเปต ขอให้แจ้งเตือนและให้กลับมาฝั่งประเทศไทย กรณีของผู้เสียชีวิตเป็นการประสานงานล่าช้า ทำให้เสียชีวิตไปก่อนที่จะได้กลับเข้ามารักษาในฝั่งประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเวลาประมาณ 15.30 น.พี่สาวของคนตายและเจ้าหน้าที่ประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา (สน.ปทก.) ได้เดินข้ามสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา ผ่านประตูเล็กด้านซ้าย ไปยังฝั่งกัมพูชา เพื่อเซ็นหนังสือรับร่างของนายเมธาชาญฯ หลังจากนั้น ได้มีการหามโลงศพที่มีร่างของคนตายข้ามมายังบริเวณกึ่งกลางสะพาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยอรัญประเทศ รับช่วงต่อนำโลงศพมาขึ้นรถกู้ภัย ในช่วงเวลาประมาณ 15.40 น.และเคลื่องร่างออกไปจากบริเวณหน้าด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก เพื่อไปยังที่ทำการมูลนิธิกู้ภัยอรัญประเทศ สำหรับสับเปลี่ยนใส่รถกู้ภัยของมูลนิธิประชาร่วมใจ จ.นครศรีธรรมราช สำหรับนำร่างกลับไปทำพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิดในวันพรุ่งนี้
นางสุภาวดี ยอแสง พี่สาวคนตาย เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า น้องชายเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด เพราะแต่ก่อนที่น้องชายจะออกเดินทางไปทำงานเป็นเชฟในเรือสำราญ ก็มีการตรวจสุขภาพทุกอย่าง ไม่มีบอกว่า เป็นโรคอะไร ถ้าเป็นโรคอะไรเขาคงไม่ให้ไป ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้พบว่า มีหมายจับบัญชีม้าของน้องชาย ส่งมาที่บ้าน ทางญาติก็ตกใจ แต่ก็อยากจะถามน้องเหมือนกัน ว่าไปทำอะไรอยู่ที่ฝั่งกัมพูชา สำหรับการตรวจชันสูตรศพนั้น ทางญาติติดใจในสาเหตุการณ์ตาย แต่ก็สงสารน้องกำลังพูดคุยกับทางญาติอีกครั้ง เพราะไหน ๆ น้องก็เสียไปแล้ว จึงไม่อยากจะทำอะไรกับร่างของน้องอีก ส่วนกรณีที่ก่อนน้องจะเสียชีวิต ได้พยายามเดินมาขอความช่วยเหลือที่บริเวณหน้าด่านฝั่งกัมพูชานั้น อาจจะจริงเพราะมีภาพปรากฏ หรือกรณีที่น้องเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจอย่างที่กัมพูชาสรุปก็คงไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้
นางสุภาวดี กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้น้องทะเลาะกับแฟน และช่วงก่อนเสียชีวิตได้พยายามติดต่อทางเฟซบุ๊กและไอจี และได้คุยกับพักหนึ่งเพื่อขอให้โอนเงินให้ คาดว่า น่าจะเอาไปรักษาตัว แต่ก็ไม่ได้โอนจนกระทั่งประสานงานกับทีมงานช่วยเหลืออีกและมาทราบว่า น้องเสียชีวิต หลังน้องออกไปเดินเรือ ก็ไม่เคยกลับบ้านเลย โดยน้องเดินเรือไปหลายประเทศ จีน อินเดีย มีเพียงการส่งรูปมาให้ดูบ้างเท่านั้น น้องเสียชีวิตเสียใจแน่นอน ซึ่งตนกับน้องชายมีแค่ 2 คน หากมีโรคประจำตัวที่บ้านก็ต้องรับรู้ ก็ไม่อยากเชื่อว่า น้องเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจตามที่ทางการกัมพูชาแจ้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่หน่วยกู้ภัยฯมูลนิธกู้ภัยอรัญประเทศ ได้เปิดโลงศพออก ปรากฏว่า นางสุภาวดี ยอแสง พี่สาวและพี่เขยของนายเมธาชาญฯ ได้กอดกันร้องไห้โฮ เพราะความสงสารน้องชาย ซึ่งครอบครัวนี้มีกันเพียง 2 คนเท่านั้น โดยหลังญาติได้ดูศพเพื่อยืนยันว่า เป็นนายเมธาชาญ แล้ว ทางกู้ภัยฯ ได้ทำการปิดโลงและผนึกอย่างดีก่อนนำขึ้นรถกู้ภัยอาสามูลนิธิประชาร่วมใจ เพื่อนำกลับไปยังบ้านเกิดในพื้นที่ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช เพื่อจัดพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป