ผู้ว่าฯ สระแก้ว แถลงการณ์โต้หนังสือประท้วงจากผู้ว่าฯ บันเตียนเมียนเจย เลิกยั่วยุหลังกล่าวอ้างอย่างน่าละอายว่าอยู่อาศัยมานาน จี้ทำแผนย้ายเขมรพ้นหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว ภายใน 10 ต.ค. หากไม่ดำเนินการจะไม่รับฟังการประท้วงทุกกรณี ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ออกแถลงการณ์จังหวัดสระแก้ว โดยระบุว่า จังหวัดสระแก้วได้รับหนังสือประท้วงจากจังหวัดบันเตียนเมียนเจย จำนวน 2 ฉบับ ดังนี้ ฉบับที่ 1 เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 68 ประท้วงกรณีกองกำลังทหารฝ่ายไทย ได้นำเครื่องจักร รถบรรทุกดิน ทำการถมดินปรับเกลี่ยดิน ทำทางและวางเสาไฟฟ้า รวมทั้งติดตั้งกล้องวงจรปิด ในพื้นที่บ้านโจกเจย และบ้านเปรยจันทร์ ตำบลโอบายเจือน อาเภอโอร์โจโรว จ.บันเตียนเมียนเจย
ขณะที่แถลงการฉบับที่ 2 เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 68 ประท้วงกรณีจังหวัดสระแก้ว ประกาศใช้กฎหมายภายในประเทศไทยกับประชาชนชาวกัมพูชา ที่อาศัยอยู่หมู่บ้านโจกเจย และบ้านเปรยจันทร์ ตำบลโอบายเจือน อำเภอโอร์โจโรว ทั้งนี้ จังหวัดสระแก้ว ได้พิจารณาข้อประท้วงของ จ.บันเตียนเมียนเจย และแจ้งให้ทราบดังนี้
1. การประท้วงเกี่ยวกับการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคชั้นพื้นฐานและระบบรักษาความปลอดภัย ที่อยู่ในพื้นพื้นที่ของไทย ถือเป็นการประท้วงที่บิดเบือนความเป็นจริง และเป็นที่น่าผิดหวังที่ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียนเมียนเจย พยายามนำเสนอถึงข้อตกลงต่าง ๆ ที่ตนเองไม่เคยเคารพปฏิบัติตามและพยายามกล่าวอ้างอย่างน่าละอาย ถึงการอยู่อาศัยมานาน หลายทศวรรษ ทั้ง ๆ ที่เป็นพื้นที่ในราชอาณาจักรไทย ที่ประเทศไทยตัดสินใจด้านมนุษยธรรมในการเปิดพรมแดนในช่วงปี 2526 ให้ชาวกัมพูชาหลายแสนคนที่หนีภัยสงครามกลางเมืองในประเทศกัมพูชาเข้ามาหาที่พักพิงในไทย และในปัจจุบันก็ยังไม่เคยหยุดการดำเนินการยั่วยุ อันนำมาซึ่งความขัดแย้งและเพิ่มความตึงเครียดด้วยตนเอง
2. จังหวัดบันเตียนเมียนเจย ควรจะต้องกลับไปเร่งพิจารณาจัดทำแผนอพยพราษฎรกัมพูชา ที่รุกล้ำพื้นที่ของราชอาณาจักรไทย และอยู่นอกพื้นที่อ้างสิทธิ์ ตามที่จังหวัดสระแก้วเสนอโดยเร่งด่วน พร้อมส่งแผนอพยพดังกล่าวให้จังหวัดสระแก้ว ภายในวันที่ 10 ต.ค. 68 รวมทั้งดำเนินการย้ายราษฎรกัมพูชาที่รุกล้ำ พื้นที่ของราชอาณาจักรไทยและอยู่นอกพื้นที่อ้างสิทธิ์ กลับราชอาณาจักรกัมพูชาตามแผนอพยพ อันจะเป็นการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีและเป็นไปตามหลักการสากล ซึ่งจะเหมาะสมกว่าการประท้วงอย่างบิดเบือนความเป็นจริง และการกล่าวอ้างที่น่าละอายดังกล่าว
3. จังหวัดบันเตียนเมียนเจย จะต้องหยุดการดำเนินการต่อการยั่วยุสร้างความขัดแย้งหรือการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่การก่อสร้างต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการถาวรหรือชั่วคราว นอกพื้นที่อ้างสิทธิ์ทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นการกระทำด้วยตนเอง ใช้หรือจ้างวานประชาชนชาวกัมพูชาดำเนินการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบังคับใช้กฎหมายป่าไม้ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 ซึ่งกระบวนการทางกฎหมายท้ายสุดแล้ว ในชั้นศาลอาจจะมีคำพิพากษาให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด
4. หากจังหวัดบันเตียนเมียนจย ไม่ดำเนินการ ตามข้อ 2 และข้อ 3 จังหวัดสระแก้ว จะไม่รับฟังการประท้วงทุกกรณีและไม่พิจารณาข้อเสนอใด ๆ ของจังหวัดบันเตียนเมียเจย นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป