ชาวบ้านนาจะหลวย อุบลฯ เผยตอนนี้อยู่อย่างหวาดระแวง ได้ยินเสียงต่างๆ ดังก็หวั่นจะเป็นปืนใหญ่ เชื่อมีสัญญาณส่อปะทะรุนแรงกว่าเดิม ให้กำลังใจทหาร ช่วงนี้สู้รบเต็มที่ได้เลย ก่อนถึงฤดูเกี่ยวข้าว
วันที่ 29 ก.ย. 2568 ทีมข่าวออนไลน์ช่อง 8 ลงพื้นที่อำเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นหนึ่งในอำเภอที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ช่องบก สอบถามนายหัน สีหะคุร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 15 บ้านแก้งเรือง ตำบลนาจะหลวย อำเภอนาจะหลวย ทราบว่า ตอนนี้สถานการณ์ตามแนวเขตชายแดนยังตึงเครียด ซึ่งจากที่ได้รับข้อมูลว่ามีโอกาสที่จะสู้รบกันอีกครั้ง และการปะทะรอบนี้อาจจะหนักกว่ารอบแรก
ซึ่งหากมีการสู้รบกันเกิดขึ้นทางหมู่บ้านจะเร่งการอพยพ โดยเริ่มจากการแจ้งผ่านหอกระจายเสียงหมู่บ้าน ซึ่งได้แจ้งไว้ว่าให้ชาวบ้านระมัดระวังและเตรียมความพร้อมเอาไว้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลากลางวันหรือกลางคืน ซึ่งจากเหตุการณ์เมื่อวานที่ฝั่งกัมพูชาได้ยิงเข้ามาในพื้นที่ของฝั่งไทย ชาวบ้านรู้สึกระแวงและกลัวต่อสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้มีประชาชนบางครอบครัวได้อพยพออกไปจากพื้นที่ตั้งแต่เมื่อวานนี้
เมื่อถามว่า ในฐานะผู้ใหญ่บ้านเป็นคนอาศัยอยู่ใกล้กับชายแดน อยากให้สถานการณ์นี้จบหรือไม่ นายหันบอกว่า ตนอยากให้สถานการณ์จบลง เพราะตอนนี้ชาวบ้านอยู่ในอาการหวาดระแวง ช่วงกลางคืนก็นอนไม่หลับ และมีอาการระแวงจากเสียงต่างๆ ที่ดังเข้ามา เกรงว่าจะเป็นเสียงปืนใหญ่ เมื่อถามว่าจากใจคนพื้นที่อยากให้มีการสู้รบกันหรือไม่ นายหันบอกว่า อยากให้มีการสู้รบกัน และให้มันแล้วเสร็จเป็นครั้งสุดท้าย
เช่นเดียวกับกลุ่มชาวบ้านแก้งเรือง ที่วันนี้ทีมข่าวได้เดินทางเข้าไปพูดคุย ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตอนนี้หวาดระแวงมาก ไม่ว่าจะเป็นเสียงฟ้าร้อง เสียงรถตกหลุม ก็กลัวว่าจะเป็นเสียงปืนใหญ่ที่ดังขึ้นบริเวณชายแดน ซึ่งในตอนนี้ทุกคนไม่กล้าออกจากบ้านไปนานๆ เนื่องจากกลัวว่าเกิดเหตุขึ้นจะอพยพไม่ทัน อีกทั้งยังเป็นห่วงลูกหลานและคนชรา ซึ่งตอนนี้ก็ได้อพยพผู้สูงวัยในครอบครัวออกไปบ้างแล้ว เพื่อความปลอดภัยที่ไม่รู้ว่าจะมีการสู้รบขึ้นอีกเมื่อไหร่
นอกจากนี้ ชาวบ้านยังได้เปิดเผยว่า หากจะมีการสู้รบก็ขอให้สู้รบอย่างเต็มที่ได้เลยในช่วงนี้ แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อไปอย่างยาวนานก็กังวลว่าจะไปอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตทางเกษตรกรรม ซึ่งในชุมชน หลายหลังคาเรือนได้ปลูกข้าว และช่วงเก็บเกี่ยวจะอยู่ในในช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม กลัวว่าหากในช่วงนี้มีการสู้รบจะทำให้สูญเสียผลผลิตในปีนี้อย่างเปล่าประโยชน์
สุดท้ายชาวบ้านทุกคนได้วิงวอนให้รัฐบาลได้ช่วยเหลือเยียวยาต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะทุกคนรายได้หดหายไม่กล้าออกไปประกอบอาชีพ พร้อมส่งกำลังใจให้กับทหารทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณด่านหน้าชายแดนไทยกัมพูชา