ชาวบ้านใกล้ "ตาควาย" ยังไม่อพยพ ทหารแจ้งสถานการณ์ปกติ ยันไม่มีปิดข่าวเตรียมความพร้อมตลอดเวลา วอนอินฟลูฯ-สื่อออนไลน์ หยุดปั่น เพราะทำประชาชนในพื้นที่เดือดร้อน ย้ำปราสาทตาควายเป็นของไทย แต่ MOU ก่อให้เกิดปัญหา จนไทยต้องสูญเสียให้เขมร

ภายหลังเกิดเหตุได้รับรายงานเสียงระเบิดดังขึ้น 1 ครั้ง เมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมาในพื้นที่ปราสาทตาควาย ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ นั้น

ล่าสุดวันนี้ 27 ก.ย. 68 นางขวัญฤทัย ภาสดา รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบักได แสดงความกังวลกับทีมข่าวออนไลน์ช่อง 8 หลังมีกระแสข่าวที่ใส่สีตีไข่จากกลุ่มอินฟลูฯ และเพจข่าวบางเพจจนทำให้ข่าวมีความหมายที่เปลี่ยนไป ยืนยันว่าเสียงระเบิดที่ดังขึ้นเมื่อวานนี้มาจากฝั่งกัมพูชา และไม่มีเหตุปะทะเกิดขึ้นในพื้นที่ ซึ่งได้รับการรายงานจากทหารด่านหน้าว่าสถานการณ์ยังปกติ

เมื่อสอบถามว่าในตอนนี้มีการเตรียมความพร้อมที่จะอพยพแล้วหรือไม่ นางขวัญฤทัย บอกว่า ขณะนี้ประชาชนที่อยู่ในความดูแลของตำบลบักได ที่อยู่ใกล้จุดชายแดนมากที่สุดในตอนนี้มีความพร้อมในการอพยพตลอด 24 ชั่วโมงหากมีคำสั่งให้อพยพก็จะทำตามแผนที่เคยซักซ้อมไว้ แต่ในขณะนี้สถานการณ์ยังปกติประชาชน ก็ใช้ชีวิตปกติแต่ยังมีความกังวลอยู่บ้างแต่เมื่อเห็นข่าวก็ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจในพื้นที่ทำให้ประชาชนบางส่วนอพยพออกไป ตนจึงขอวิงวอนให้สื่อหรือกลุ่มอินฟลูฯ อย่าประโคมข่าวจนกลายเป็นเรื่องใหญ่เพราะผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือคนในพื้นที่และยืนยันว่าไม่มีการปิดข่าวแต่อย่างใดเพราะทุกคนคำนึงถึงความปลอดภัยหากมีการปะทะเกิดขึ้นต้องรีบแจ้งให้ทราบอยู่แล้วในส่วนของพื้นที่ประสาทตาควาย ยังคงมีทหารที่ดูความเคลื่อนไหวและเตรียมความพร้อมทุกสถานการณ์ อยู่ตลอด

นอกจากนี้ นางขวัญฤทัยได้ยืนยันกับทีมข่าวออนไลน์ช่อง 8 ว่าพื้นที่ปราสาทตาควายได้รับการดูแลและบุกเบิกโดยฝั่งไทย อีกทั้งยังอยู่ในพื้นที่ของประเทศไทยไม่เหมือนคำกล่าวอ้างของฝั่งกัมพูชา หากอ้างอิงจากแผนที่ฉบับของฝรั่งเศสก็เห็นได้ชัดว่าพื้นที่ตรงนั้นอยู่ในดินแดนของไทย และพื้นที่ตรงนั้นก็มีลักษณะทางกายภาพของภูมิประเทศที่แบ่งอย่างชัดเจนเพราะประสาทตาควายอยู่บนที่ราบสูงซึ่งเป็นพื้นที่ของประเทศไทยแต่ฝั่งกัมพูชาอยู่ใต้หน้าผาด้านล่างแต่พยายามจะสร้างทางขึ้นมาที่ประสาทตาควายให้ได้// ซึ่งก่อนหน้านี้ประชาชนทั้งสองประเทศ ก็ไปมาหาสู่กันได้ จนกระทั่งมีการทำเอ็มโอยูเกิดขึ้นทำให้การดูแลประสาทตาควาย ต้องดูแลร่วมกัน แต่ฝั่งกัมพูชาได้คืบมักจะเอาศอก พยายามรุกล้ำเข้ามาเรื่อยๆ

เมื่อสอบถามประชาชนในพื้นที่อยากจะยุติปัญหาความขัดแย้งหรือไม่ นางขวัญฤทัย เผยว่า หากสามารถยุติได้ก็เป็นเรื่องที่ดี ถ้าพูดคุยกันรู้เรื่องและไม่ให้อยากรุกพื้นที่ป่าก็ทำได้ แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็อยากให้สร้างกำแพงขึ้นมาเพื่อกั้นทั้ง 2 ประเทศเพื่อแบ่งอาณาเขตให้ชัดเจน และเป็นการป้องกันการรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ของประเทศไทยด้วย

นอกจากนี้นางขวัญฤทัย ยังได้สะท้อนถึงปัญหาข้อมูลข่าวสารภายในประเทศ ว่าควรมีจุดเซ็นเตอร์ในการนำเสนอข่าวสารปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เนื่องจากตอนนี้ชาวบ้านต้องรับสารหลายฝ่ายไม่ว่าจะเป็นทหาร รัฐบาล หรือกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งแต่ละฝ่ายก็ให้ข้อมูลที่คาดเคลื่อนกัน ทำให้มีผลกระทบต่อคนในพื้นที่ด้วย