"นายกฯอนุทิน" เผย ห่วง ปชช. ทุกคนตามแนวชายแดน - เร่งจ่ายเงินเยียวยา หลังแถลงนโยบายต่อสภาฯ มองการเจรจาไม่เกิดขึ้น หากกัมพูชาเสริมกำลังพล อาวุธหนัก ยัน 4 เดือนทำเต็มที่ ไม่สูญเสียอธิปไตยของไทย
เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 เวลา 23.00 น. ณ โรงพยาบาลวชิรพยาบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่าจะลงไปเยี่ยมพื้นที่ชายแดนอยู่แล้ว เพราะมีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอีกหนึ่งตำแหน่งด้วย ตอนนี้ชายแดนมีทั้งกองทัพ ทหาร และฝ่ายปกครอง โดยหน้าที่และความรับผิดชอบต้องไปด้วยตัวเองอยู่แล้ว
โดยนายอนุทินระบุว่า ตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับรัฐบาลกัมพูชาอย่างเป็นทางการ แต่จุดยืนยังมีความชัดเจนในการรักษาอธิปไตย ยังให้ฝ่ายกองทัพตัดสินใจ ผ่านสภาความมั่นคงแห่งชาติ และในพื้นที่ได้มีการประกาศกฎอัยการอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการตัดสินใจสามารถกระทำได้โดยผู้ที่รับผิดชอบ คือแม่ทัพภาคที่ 2 แม้จะมีการเปลี่ยนตัวหลังเดือนกันยายนนี้ โดยแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ก็อยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว คงมีการส่งไม้ต่อกันอย่างราบรื่น และวันนี้ยังได้แต่งตั้งให้ พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ เข้ามาช่วยในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เพราะเคยเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ในอดีต จะมีคนที่มีความชำนาญในพื้นที่คอยกำกับดูแลสถานการณ์อยู่ ท่าทีของไทยในด้านการทูตก็เหมือนเดิม โดยจะคุยกันและต้องมีการขนย้ายอาวุธร้ายแรงกับระเบิด กำลังพลต่างๆ ที่ทางฝั่งกัมพูชาเข้ามากดดันตามชายแดน หากไม่มีการเคลื่อนย้ายก็ยังคุยอะไรไม่ได้ พร้อมยังยืนในการปิดด่านต่างๆ จนกว่าความเป็นภัยจากกัมพูชาจะหมดลงไป
โดยนายอนุทิน เผยว่าจะพยายามอย่างเต็มที่ให้ดีที่สุด รับรองว่าจะไม่มีการสูญเสียอธิปไตย หรือเสียเปรียบใดๆ ของประเทศไทยเป็นอันขาด ส่วนกรณีความเคลื่อนไหวของกัมพูชาที่ขนอาวุธหนักใน 1-2 วันนี้ และมีโดรนบินเข้ามาในชายแดนหลายๆ จุด นายอนุทิน กล่าวว่า หากยิ่งทำเช่นนี้การเจรจาก็จะไม่เกิดขึ้น และคงจะมีมาตรการที่เข้มข้นเพิ่มมากขึ้น ตอนนี้แค่ปิดด่าน แต่อาจจะไปถึงในเรื่องของการให้บริการสาธารณูปโภคต่างๆ
นายอนุทิน ระบุว่า การประชุม GBC ที่ผ่านมาในข้อตกลง 5 ข้อ ที่กัมพูชาแค่ข้อแรกก็ไม่ปฏิบัติตามนั้น ยิ่งทำให้เห็นว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายที่ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง การประชุมหารือต่างๆ ฝ่ายไทยปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด จะยิ่งมีหลักฐานบ่งชี้ให้เห็นได้ชัดว่าเราไม่ได้เป็นฝ่ายที่ผิดข้อตกลง และการเจรจาของผู้ที่เป็นประเทศที่สามที่พยายามจะทำด้วยความปรารถนาดีให้เกิดสันติภาพมากขึ้น เราก็จะมีเหตุผลที่จะทำให้เขาพูดกับประเทศกัมพูชาว่ากัมพูชาก็ต้องปฏิบัติตามข้อตกลง ทั้ง GBC และวงเจรจาทวิภาคีอีกหลายวง
“เป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องห่วงใยประชาชนทุกคนอยู่แล้ว ห่วงยิ่งกว่าตัวเองอีก และการอพยพก็ต้องมีความเตรียมพร้อม ซึ่งปลัดกระทรวงมหาดไทยก็ได้รับข้อสั่งการไปเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลังจากที่สามารถสั่งการในเชิงปฏิบัติได้แล้ว ให้เร่งเตรียมเรื่องของศูนย์อพยพต่างๆ สิ่งที่ได้ดำเนินการในครั้งที่แล้วก็ยังเห็นได้ชัดว่าเราสามารถที่จะเร่งจัดให้มีศูนย์อพยพได้ด้วยความรวดเร็ว ส่วนเรื่องการจ่ายเงินเยียวยานั้นก็จะเร่งให้เต็มที่ ภายหลังการแถลงนโยบายเสร็จสิ้น เรื่องเงินเยียวยาทุกประเภทก็อยู่ในขั้นตอนอยู่แล้ว เพราะตรงนี้เป็นอำนาจการนำเสนอของหัวหน้ารัฐบาลอยู่แล้ว ในเรื่องของการอนุมัติใช้เงินเยียวยา”