"นายกฯ อนุทิน" ลงพื้นที่ตรวจถนนสามเสนทรุด หน้าวชิรพยาบาล กลางดึก รับเจ้าหน้าที่ต้องทำงานแข่งกับเวลา นำรถเครนขนาด 200 ตัน กู้บล็อกคอนกรีต จำนวน 4 ชิ้น ก่อนอัดกระสอบทราย เตรียมลงพื้นที่ชายแดน ลั่นจะไม่ยอมให้เสียอธิปไตย

เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2568 เวลา 22.30 น. ได้มีการนำรถเครนขนาด 160 ตันเคลื่อนย้ายเข้ามามายังจุดเกิดเหตุบริเวณถนนสามเสน เพื่อที่จะทำการเคลียร์พื้นที่บริเวณจุดรอยต่อที่เป็นอุโมงค์เข้าไปไปยังทางเชื่อมรถไฟรถไฟฟ้าใต้ดิน โดยจะมีการเคลื่อนย้ายท่อประปา คอนกรีต รถยนต์ที่อยู่บริเวณดังกล่าวออกนอกพื้นที่ ก่อนที่จะมีการ ใช้รถแม็คโครตักกระสอบทรายเพื่ออุดอุโมงค์ที่เกิดขึ้นและไม่ให้มีดินสไลด์เข้าไปในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเพิ่มเติม แล้วจะมีการเทคอนกรีตทับบริเวณดังกล่าวเพื่อให้มีความแข็งแรงมากขึ้น

ต่อมาเวลา 22.50น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ ต่อมา นายอนุทิน ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล ไปยังจุดเกิดเหตุถนนทรุด บริเวณหน้า รพ.วชิรพยาบาล

ขณะที่บรรยากาศล่าสุด ยังไม่สามารถอุดบริเวณปล่องที่ยุบลงไปบริเวณอุโมงค์รถไฟฟ้าสายสีม่วงได้ เนื่องจากติดปัญหา ตรงที่มีบล็อกคอนกรีตขนาด 4-8 เมตร ซึ่งเป็นบ่อพักสายไฟของการไฟฟ้าฯ จำนวน 4 ชิ้น ชิ้นละประมาณ 30 ตัน ที่สไลด์ลงไปขวางทาง ทำให้ไม่สามารถอัดกระสอบทรายลงไปได้ และเสี่ยงต่อการที่น้ำ และดินจะไหลเข้าไปซ้ำ จึงต้องใช้เครนขนาด 200 ตัน ที่ใช้ในการกู้อาคาร สตง.ถล่ม ที่เดินทางมาจากปทุมธานี ลงไปเกี่ยวบล็อกแล้วนำขึ้นมาก่อน ซึ่งจะได้เร่งทำให้เสร็จในค่ำคืนนี้

จากนั้น เวลา 23.05 น. นายอนุทิน เดินทางมาถึงที่ รพ.วชิรพยาบาล โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. และเจ้าหน้าที่รับผิดชอบ รายงานสถานการณ์ล่าสุดให้รับทราบ นายอนุทิน เผยว่า เราต้องมาดูงาน พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ต้องทุ่มเทเพื่อแก้ไขปัญหาให้ได้มากที่สุด พร้อมเร่งคืนพื้นผิวจราจรให้ได้มากที่สุด ให้เร็วที่สุด พรุ่งนี้ทาง รฟม. และผู้รับจ้างจะมีการแถลงข่าวประมาณ 11 โมง ในเรื่องเทคนิคไม่อยากพูดไปก่อน แต่อยากให้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นผู้ชี้แจงดีกว่า

เมื่อถามว่า เท่าที่ดูมีปัญหาที่หนักใจหรือไม่ นายอนุทิน เผยว่า ปริมาณดินที่ถล่มลงไป และสิ่งที่เราจะต้องซ่อมในส่วนของอุโมงค์ที่อาจจะมีการยุบตัว รวมถึงเรื่องโครงสร้างที่เป็นส่วนประกอบ สายไฟฟ้า ความปลอดภัยของอาคารโดยรอบ ถือเป็นสิ่งเร่งด่วนที่ผู้รับผิดชอบทราบ และกำลังเร่งแก้ไข ทั้งการหยุดน้ำ และปิดกั้นรอยรั่วต่างๆ ส่วนเรื่องฝนนั้น ถ้ามีปริมาณฝนตกลงมามาก อาจทำให้เกิดดินสไลด์มากขึ้น ซึ่งเราต้องทำงานแข่งกับเวลา ช่วงนี้ต้องพยายามถม และบดอัดในส่วนที่ยังทำได้อยู่ ส่วนรายละเอียดอยากให้รอถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพรุ่งนี้

ส่วนตึกสูงโดยรอบนั้นทางโยธาธิการ จะมีการตรวจสอบอยู่แล้ว อย่างวชิรพยาบาล ที่เป็นตึกสูง มีที่จอดรถใต้ดิน จะมีกำแพงอยู่ใต้ดินอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งเราจะสังเกตว่าดินที่ถล่มลงไปนั้นจะเป็นอาคารที่ไม่สูง ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ตอนนี้เร่งอพยพคนออกไปทั้งหมดแล้ว และไม่มีการใช้งานอาคาร ทาง รฟม. ก็คงมีแผนว่าจะไปแก้ไขอาคารเหล่านั้นอย่างไร เนื่องจากมีบางอาคารที่เสาเข็มขาด เพราะเจาะเสาเข็มลงไปแค่ 21 เมตร จึงต้องมาดูว่า ในส่วนของอาคารที่เสาเข็มขาด จะเสริมกลับเข้ามาอย่างไร แต่ทุกอย่างต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก เมื่อถามถึงการยกบล็อก ขนาด 30 ตันขึ้นจากอุโมงค์ นายอนุทิน เผยว่า ก็เห็นกันอยู่แล้วว่าบล็อกที่สามารถตัดเป็นตอนๆ และทยอยยกขึ้นมาได้ และรถเครนสามารถเข้าไปใกล้จุดที่บล็อกคอนกรีตขวางอยู่ได้ เพื่อให้ถมกระสอบทรายได้เต็มที่ ซึ่งกระสอบทรายจะทำให้เกิดการแน่นหนาของดิน และลดความเสี่ยงของการถล่มของดินเพิ่มเติม

นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังบอกด้วยว่า ในฐานะที่เป็นรัฐบาล ต้องกราบขออภัยพี่น้องประชาชนทุกท่าน ในสิ่งที่มันเกิดขึ้น เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโทษใคร แต่ต้องเร่งคืนสภาพให้มากที่สุด ส่วนการรับผิดชอบในเรื่องความเสียหายต่างๆ หรือการรับผิดชอบสัญญาทางแพ่ง ทางอาญา ก็จะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด

เมื่อถามว่าเห็นว่ามีประชาชนร้องเรียนก่อนหน้านี้ นายอนุทิน ระบุว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด ตอนเช้าที่มายังไม่ได้รับตำแหน่ง ตอนนี้รับตำแหน่งแล้ว ก็มาดูแลอย่างใกล้ชิด แต่ตนและทางผู้ว่าฯ กทม. ทีมงาน ก็เป็นหน้าเดิมทั้งนั้น ก็ต่อสู้กันมาตั้งแต่แผ่นดินไหว ที่อาคาร สตง. กำลังสร้างถล่ม เหตุดินถล่มที่โคราช เมื่อ ก.ย. ปีที่แล้ว ลักษณะพื้นฐานไม่ต่างกันเท่าไร สิ่งที่เป็นปัญหาคือปริมาณดินจำนวนมากที่ไหลลงไปทับ แล้วหน้างานจะทำอย่างไร เพื่อขนย้ายดินเหล่านี้ออกมาให้ได้มากที่สุด

เมื่อถามว่าหลังรับตำแหน่งแล้ว จะลงพื้นที่ชายแดนหรือไม่ นายกฯ อนุทิน บอกว่า ต้องไปอยู่แล้ว เพราะมีตำแหน่งเป็น รมว.มหาดไทย อีกหนึ่งตำแหน่ง ตอนนี้ที่ชายแดน เรามีทั้งกองทัพ ทหาร ฝ่ายปกครอง อส. ทำหน้าที่อยู่ และโดยความรับผิดชอบก็ต้องไปด้วยตัวเองอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกับทางรัฐบาลกัมพูชาอย่างเป็นทางการ แต่จุดยืนของเราชัดเจนว่า ในการรักษาอธิปไตย ยังให้กองทัพตัดสินใจผ่าน สมช. และกระทำได้โดยผู้ที่รับผิดชอบ ซึ่งตอนนี้คือแม่ทัพภาคที่ 2 ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแม่ทัพภาคที่ 2 หลังเดือนกันยายนนี้ คนใหม่ก็อยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังได้แต่งตั้งให้ พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ มาช่วยอีกแรง เนื่องจากเคยเป็นอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ท่าทีของไทยในเรื่องของการทูตก็ยังเหมือนเดิม จะต้องมีการขนอาวุธร้ายแรง ระเบิดต่างๆ กำลังพลต่างๆ ให้ออกไปจากพื้นที่ของไทย ไม่อย่างนั้นก็ยังคุยอะไรไม่ได้ เรายังมีจุดยืนในเรื่องการปิดด่านต่างๆ จนกว่าความเป็นภัยของกัมพูชาจะหมดไป

ส่วนคิดอย่างไรที่กัมพูชาบอกว่า ปิดด่าน 100 ปี ก็ไม่เป็นไร นายอนุทิน บอกว่า ถ้าพูดจากใจ เดี๋ยวยิ่งกระทบความสัมพันธ์ อย่าให้เป็นแบบนั้นเลย เราก็พยายามให้ดีที่สุด แต่เราจะไม่ยอมเสียอธิปไตย หรือเสียเปรียบใดๆ เด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ยิ่งกัมพูชาขนอาวุธหนัก หรือกำลังพลเข้าพื้นที่ การเจรจาก็จะไม่เกิดขึ้น และคงจะมีมาตรการที่เข้มข้นขึ้น 
ส่วนเรื่องเงินเยียวยานั้น ได้เร่งเต็มที่ ซึ่งหลังจากที่มีการแถลงนโยบายเสร็จ ก็จะได้เร่งดำเนินการเรื่องเงินเยียวยาทันที