จนมุม! แม่ยายหลอกเขยหนุ่มวัย 23 มอบตัว หลังก่อเหตุฆ่าโหดแย่งจอบทุบหัวแม่ค้าร้านทุกอย่าง 20 บาท ชิงเงินกลางตลาดสด อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี

จากเหตุการณ์คนร้ายบุกใช้จอบสั้นทุบหัวแม่ค้าร้านขายของเบ็ดเตล็ดทุกอย่าง 20 บาท เพื่อชิงทรัพย์กลางตลาด อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี เหตุเกิดกลางดึกวันที่ 17 กันยายน 2568 ตำรวจใช้เวลาไม่ถึง 24 ชม. สืบจากกล้องวงจรปิดจนรู้ว่าคนร้ายเป็นผู้ใด ก่อนกดดันหนักทำให้แม่ยายและแฟนสาวหลอกให้หนุ่มขอนแก่นวัย 23 เขยอุดร เข้ามอบตัวในที่สุด






เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 18 กันยายน 2568 ที่ชุดสืบสวน สภ.เพ็ญ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี พ.ต.อ.จักรภพ ศรีจันทะ ผกก.สืบสวน ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.ปฐวี ก้อนวิมล ผกก.สภ.เพ็ญ พ.ต.ท.เศกสันต์ ฤาเวทย์ รอง ผกก.สส.สภ.เพ็ญ พ.ต.ท.อรรคพล วงษ์ฤทธิวัลย์ รอง ผกก.สืบสวน ภ.จว.อุดรธานี และตำรวจชุดสืบสวน ภูธรภาค 4 กำลังประชุมติดตามไล่ล่าการจับกุมผู้ต้องหาฆ่าชิงทรัพย์ น.ส.เพชราพร หรือเจ๊หน่อง อายุ 59 ปี เจ้าของร้านสินค้าเบ็ดเตล็ดทุกอย่าง 20 ที่ตลาดสดเทศบาลตำบลเพ็ญ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ที่มีคนพบศพช่วงเช้าของวันนี้ (18 ก.ย. 2568)




ขณะนั้นมี น.ส.เพียว อายุ 44 ปี น.ส.ปิ่น (นามสมมติ) อายุ 19 ปี นายธนชัย หรือนาย อายุ 23 ปี ครอบครัว ชาว อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี เดินทางมาที่ชุดสืบสวน สภ.เพ็ญ เพื่อแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ หลังจากตำรวจได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดคนร้ายที่ก่อเหตุไปสอบถามที่บ้านพักของ น.ส.เพียว ในเขต ต.เพ็ญ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ซึ่งในภาพคาดว่าคนร้ายจะเป็นนายธนชัย ลูกเขย แฟนหนุ่มของ น.ส.ปิ่น ลูกสาวตนเอง จากการสอบสวนไม่นาน นายธนชัยได้รับสารภาพว่าเป็นคนร้ายในภาพ ก่อเหตุใช้จอบทุบศีรษะเจ๊หน่อง จนเสียชีวิตเพื่อชิงทรัพย์จริง




โดยภาพวงจรปิดของร้านสะดวกซื้อ และร้านค้าบริเวณใกล้เคียงบันทึกภาพขณะที่นายธนชัย ขี่รถจักรยายนต์เข้ามาดูลาดเลาและลงมือก่อเหตุ และขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี ส่วนภาพวงจรปิดภายในร้าน สามารถจับภาพในมุมที่นายธนชัยเข้ามาก่อเหตุได้เล็กน้อย แต่ไม่เห็นจังหวะที่ใช้จอบทุบศีรษะเพื่อชิงทรัพย์ จึงเป็นหลักฐานสำคัญที่ใช้มัดตัวนายธนชัย เนื่องจากในภาพวงจรปิดเห็นลักษณะการแต่งตัว เสื้อผ้าที่สวมใส่ และรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ จึงนำไปสู่การสอบสวนและผู้ต้องหารับสารภาพในที่สุด โดยจังหวะก่อเหตุคนร้ายได้จอดรถจักรยานยนต์ไว้ฝั่งตรงข้ามเยื้องกับตลาด ก่อนจะวิ่งมาข้ามถนนมาก่อเหตุและวิ่งกลับไปขี่รถหลบหนีไป




นายธนชัย รับสารภาพว่า วันเกิดเหตุขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นรถชื่อแม่ยายแต่ตัวเองและแฟนผ่อนจ่าย ขี่มาดูลาดเลาที่ตลาดก่อน 1 ครั้ง ประมาณ 2 ทุ่มกว่า ตอนนั้นแม่ค้ายังไม่นอนจึงขี่รถวนออกไปก่อน ประมาณ 4 ทุ่มกว่าจึงวนกลับมาก่อเหตุ ตอนนั้นแม่ค้านอนหลับอยู่ ตนจึงใช้มือล้วงเข้าไปในเสื้อกันเปื้อนเพื่อขโมยเอาเงินอยู่ข้างใน แต่จังหวะนั้นแม่ค้าตื่นขึ้นมาเห็นตน แล้วหยิบเอาจอบสั้นจะมาต่อสู้ ตนจึงแย่งจอบมาทุบไปที่หัวประมาณ 3-4 ครั้ง เมื่อแม่ค้านอนนิ่งไปตนจึงล้วงเอาเงินและวิ่งหลบหนี




“ตนเคยมาก่อเหตุที่ตลาดนี้มาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกได้เงินไป 6 พัน ครั้งที่ 2 ได้ไป 2 หมื่นกว่า ตนเอาเงินไปซื้อยาบ้าเสพ เอาไปซื้อมือถือไอโฟน 13 ให้แฟนสาว และใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ตนไม่เคยรู้จักกับคนตายแต่เคยมาซื้อของที่ตลาด ตนมองว่าเขาอาจจะมีทรัพย์สินให้ขโมย ตอนนั้นตนตกใจที่เขาตื่น กลัวเขาจะจำหน้าได้ จึงก่อเหตุไปแบบนั้น อยากขอโทษผู้ตายและญาติเขา อยากขอโทษพ่อตาแม่ยายที่ทำแบบนี้ เขาเลี้ยงดูตนดีมาก แต่ตนต้องการเงินมาใช้จ่าย ลำพังแค่เป็นเด็กล้างจานและเสิร์ฟร้านหมูกระทะ ตนก็ไม่มีเงินพอใช้ ตนเคยบวชเรียนมาที่ขอนแก่น แต่ก็มาก่อเหตุลักทรัพย์ จนต้องหนีมาที่อุดรฯ หากพ้นโทษออกมาจะขอกลับตัวเป็นคนดี บอกกับแฟนสาวว่าก่อเหตุ จึงพากันมามอบตัว”




น.ส.ปิ่น แฟนสาวนายธนชัย เล่าว่า คบกับแฟนมาประมาณ 5 ปี เช่าห้องพักอยู่ด้วยกันในตัวเมืองอุดรฯ ทำงานเป็นพนักงานร้านหมูกระทะ จะกลับมาเยี่ยมบ้านอยู่ตลอด ปกติแล้วเขานิสัยดี ไม่ค่อยมีความรุนแรง เขาไม่ได้บอกว่าไปก่อเหตุมา ยังไม่ได้คุยอะไรกันเลย จนเขามาสารภาพอยู่ที่โรงพัก ตนตกใจมากที่เขาทำแบบนี้ แฟนทำแบบนี้ตนก็ไม่ให้อภัย เขาทำอะไรไว้ก็ต้องรับกรรม ปล่อยไปตามกฎหมาย เขาทำตัวเอง ตอนที่เขาซื้อมือถือใหม่ ตนก็ถามว่าเอาเงินมาจากไหน เขาก็บอกกูมีทางของตัวเอง ตนก็ไม่ถามต่อเพราะกลัวทะเลาะกันอีก ซึ่งทะเลาะกันบ่อยอยู่แล้ว ตนก็อยากขอโทษครอบครัวคนตาย เพราะไปซื้อของกับแม่บ่อย ๆ แต่ตนก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร


ด้าน น.ส.เพียว แม่ยายผู้ต้องหา เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนก็ออกไปขายของ เช้าวันนี้ตนก็ยังคุยยังใช้ลูกเขยทำงานบ้าน เขาก็ยังทำตัวตามปกติ ตนมารู้เรื่องตอนที่ตำรวจไปที่บ้าน แล้วป้าตนก็โทร. บอก ตนจึงโทร. หาลูกสาวและลูกเขยให้กลับมาบ้าน เพราะลูกทำงานอยู่ในตัวเมืองอุดรฯ ตอนนั้นตนเห็นภาพวงจรปิดที่ตำรวจเอาให้ดู ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นลูกเขย ตนจึงหว่านล้อมบอกว่าตำรวจจับคนร้ายได้แล้ว แต่ลูกเขยเป็นผู้ต้องสงสัย หากไม่ได้ทำ ถ้าไม่ใช่คนร้ายให้มาแสดงตัว และหาหลักฐานมายืนยันลูก ๆ จึงกลับมา แต่พอรู้ว่าเขาสารภาพก็ตกใจเพราะลูกเขยเป็นติ๋ม ๆ เงียบ ๆ เมียก็ไม่ค่อยเถียง จะเดินหนีตลอด ก็ให้เขารับโทษไป ถ้าเขาออกมาจากคุกก็จะไม่เอาลูเขยคนนี้แล้ว


เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา “ชิงทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” ก่อนนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป