แม่แตงโม-อ.ปานเทพ ยื่นเอกสารคัดสำนวนคดีแตงโม 5 ลัง ส่งมอบให้ดีเอสไอ ขณะที่ "พ.ต.ต.ณฐพล" เผยเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา ได้ยื่นภาพถ่ายสำคัญ 4 ภาพที่ได้มา ให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจสอบ อุบมีเจ้าหน้าที่บิดเบือนคดีหรือไม่ คาดสรุปสำนวนได้ภายในเดือนตุลาคมนี้
วันที่ 12 ก.ย. 2568 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต พร้อมด้วยนางพนิดา ศิริยุทธโยธิน หรือ แม่ของแตงโม นิดา นักแสดงสาวชื่อดังที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ตกเรือกลางแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 ได้เดินทางมาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เพื่อนำเอกสารเนื้อหาหมายเลขคดีแตงโม โจทก์ฟ้องคนบนเรือ และพยานในสำนวนคดีเพิ่มเติม จำนวน 5 ลัง ที่ได้ไปคัดมาจากศาลจังหวัดนนทบุรี รวมไปถึงเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด มามอบให้กับพันตำรวจตรีณฐพล ดิษยธรรม ผู้อำนวยการกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนคดีแตงโม ก่อนเปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีในวันนี้ว่า "ความสำเร็จนี้เกิดจากคุณแม่แตงโม ในฐานะที่เป็นโจทก์ร่วม จึงได้สิทธิ์และความชอบธรรมในการไปคัดสำนวนโจทก์และจำเลยออกมา โดยได้พยานหลักฐานทั้งหมด มี 2 ส่วน คือ เอกสารในส่วนที่โจทก์ฟ้องคุณปอและคุณโรเบิร์ต และเอกสารในส่วนโจทก์ฟ้องคุณแซนและพวก ทั้ง 2 ส่วน ใช้พยานหลักฐานเชื่อมโยงกัน มีรายละเอียดเป็นเอกสารคำให้การและเป็นเอกสารที่เกี่ยวข้อง ได้มาเกือบทั้งหมด ขาดเพียง 3 ชิ้น ทำให้คุณแม่ได้ไปขยายเวลาช่วงอุทธรณ์ได้"
ส่วนหลักฐานที่เป็นวัตถุพยาน ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญ มีทั้งทรัมป์ไดร์ฟ มีไฟล์และซีดีทั้งหมด ในจำนวนนี้ไม่ครบ ยังมีวัตถุพยานที่ชำรุดไปในระหว่างคดีความ 1 แผ่น เป็นแผ่นซีดี เบื้องต้นทราบว่าน่าจะเป็นกล้องวงจรปิด (CCTV) ของท่าเรือบริษัทพูลพิพัฒน์ 1 จุด ส่วนเอกสารหลักฐานที่เป็นเอกสารหายไป 2 ชิ้น กำลังตามหาอยู่เพิ่มเติม ยังไม่รู้ว่าคืออะไร
อาจารย์ปานเทพ ยังย้ำว่า “การได้เอกสารมาในครั้งนี้ ถือเป็นการได้หลักฐานที่ครบถ้วนมากที่สุด ยังขาดบ้างเล็กน้อย ยืนยันว่าเราไม่ได้หายไปไหน หลังได้เอกสารมา เราใช้เวลานานกว่าปกติ เป็นเดือน ในการเรียบเรียงเอกสารต่างๆ และตามหาหลักฐานที่ไม่ครบ ก่อนทำเอกสารยื่นคำร้องขอขยายเวลาในการอุทธรณ์ และขอพยานหลักฐานเพิ่ม โดยทีมงานบ้านพระอาทิตย์ เราใช้ทนายความของมูลนิธิรับผิดชอบช่วยคุณแม่ไปก่อน ในระหว่างที่คุณแม่ยังไม่มีทนายความ ซึ่งไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น“
อาจารย์ปานเทพ บอกอีกว่า “คดีนี้ ณ ขณะนี้มีการร้องคดีทางอ้อมก่อน เป็นเรื่องเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเว้นในการปฎิบัติหน้าที่ เพื่อช่วยเหลือคนบนเรือ เชื่อว่าเจ้าหน้ามี่มีหลักฐานแล้ว และถ้าเราสามารถพิสูจน์ได้ว่าเจ้าหน้าที่มีการช่วยเหลือคนบนเรือจริง แปลว่าคดีที่มีการสู้กันตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีการเอื้อประโยชน์ให้กับจำเลยหรือไม่ ซึ่งเราจะใช้เอกสารหลักฐานทั้งหมดนี้ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อได้ความจริงแล้ว เราก็จะนำเอาข้อมูลมาปรึกษาหารือกับคุณแม่ว่าทางเลือกมีอะไรบ้าง เพราะคุณแม่อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ เราสามารถช่วยเหลือคุณแม่ได้หรือไม่ เพื่อให้คุณแม่ได้เลือกในฐานข้อมูลของเรา พร้อมยืนยันว่าที่ผ่านมาคุณแม่สู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกสาวตัวเองมาโดยตลอด สู้มาอย่างโดดเดี่ยว จึงรู้สึกเห็นใจ และอยากให้ได้รับความเป็นธรรม ยืนยันว่าคุณแม่ไม่ได้เห็นแก่เรื่องเงิน“
ส่วนวันที่ 18 กันยายน นี้ มีนัดกับผู้เชี่ยวชาญคดีนี้ เพื่อช่วยกันเจาะลึกเอกสารทีละแผ่น พร้อมเน้นย้ำในประเด็นที่เรายังมีข้อสงสัยว่า บางไฟล์มีการยื่นเข้าในสำนวนหรือไม่ หากมีความคืบหน้าก็จะมาแจ้งสื่อมวลชนให้ทราบอีกครั้ง โดยยืนยันว่าคุณแม่มีความตั้งใจที่จะยื่นเอกสารให้ DSI ตรวจสอบ เพื่อให้ความจริงปรากฏ และให้เกิดความเป็นธรรมกับแตงโมมากที่สุด
ด้านนางพนิดา บอกถึงความรู้สึกในวันนี้ว่า “เรื่องเดิมก็จบไปแล้ว วันนี้ทางอาจารย์ปานเทพก็ทำให้เป็นเรื่องใหม่ ส่วนที่ผ่านมายังไม่ได้รับการติดต่อจากปอและโรเบิร์ตเลย แต่ได้รับเงินตลอด วันนี้จึงอยากบอกว่า อยากคุยกับปอมากที่สุด เขาเป็นลูกชายคุณแม่ ก็อยากถามอยากพูดคุยเรื่องของคดี เพราะเป็นห่วงเขาอยู่ ส่วนคนไม่ให้อภัย คือ ”กระติก” เพราะเขาไม่ติดต่อมาหาบ้างเลย ลึกๆ ก็เป็นห่วง อยากถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ เพราะเขาเป็นเพื่อนสนิทกับลูกสาวด้วย“
ในส่วนคดีที่จบไปแล้ว ยืนยัน ไม่ได้เคลือบแคลงใจอะไร วันที่ศาลตัดสินยกฟ้อง ตอนที่เดินลงมาจากศาลในวันนั้น ก็เบลอๆ พูดไม่ออก ยอมรับว่าคิดถึงลูกทุกวัน เศร้าจนเริ่มจะเป็นโรคประสาทแล้ว คิดหรือทำอะไรก็ช้าไปหมด คิดถึงแต่หน้าลูกสาว ร้องไห้ทุกวัน จะไปไหนก็ต้องบอกเขาตลอด และเชื่อว่าลูกสาวยังอยู่กับตัวเอง เห็นว่าโดนสะกดวิญญาณอยู่ที่วัดค้างคาว ซึ่งเป็นจุดที่ลูกสาวตกเรือ
ส่วนความรู้สึกการต่อสู้คดีนี้ที่ยาวนานนั้น คุณแม่น้ำตาคลอ พูดไม่ออก ก่อนบอกว่า “ไม่เหนื่อย ไม่ท้อ” ก่อนเข้าพบพันตำรวจตรีณฐพล และบอกว่า “ความหวังของคุณแม่อยู่ที่เอกสารเหล่านี้ อยากทราบข้อเท็จจริงว่าสรุปแล้วใครทำร้ายลูกสาว และเขาทำเพราะเหตุผลอะไร สำหรับการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่ได้โดดเดี่ยวอะไร สบายใจขึ้น เพราะมีหลายคนช่วยเหลือ พร้อมเดินหน้าสู้ต่อ หากสำเร็จคงจะดีใจมาก เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องซับซ้อน มีคนเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะ”
นางพนิดา ยังบอกทิ้งท้ายว่า “ยืนยันการออกมาในครั้งนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเงินแน่นอน การที่ตัวเองไปเอาเอกสารออกมา ถือเป็นการต่อสู้เพื่อทวงความยุติธรรมให้ลูกสาว ที่ผ่านมาไม่ได้รับเงินจากใครทั้งสิ้น“
สำหรับวันที่ 13 กันยายนนี้ ก็จะเป็นวันเกิดของลูกสาวด้วย มีแพลนที่จะไปทำบุญให้ ทุกปีก็ทำบุญให้ตลอด เชื่อว่าลูกสาวน่าจะไปสบาย ไปอยู่บนฟ้า อยู่สุขสบายแล้ว เพราะไม่มาหาตัวเองเลย
ด้าน พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งเเวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวน เปิดเผยว่า วันนี้คุณแม่ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีร่วมกับนายปานเทพภาคประชาชน นำเอกสารที่ขอคัดจากศาล เพื่อที่จะส่งมอบให้กับพนักงานสืบสวนในการดำเนินการสืบสวน โดยในปัจจุบันทำสำนวนไปแล้วเสร็จกว่า 90% และล่าสุดเมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา ตนและคณะพนักงานสืบสวน ได้ส่งภาพถ่ายสำคัญจำนวน 4 ภาพ ให้กับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ตรวจสอบว่าภาพดังกล่าวมีการแก้ไขหรือดัดแปลง หรือดำเนินการกับภาพหรือไม่ โดยภาพได้มาจากพยานและภาคประชาชนที่ส่งมอบให้กับพนักงานสืบสวน
หลังจากนี้จะดำเนินการวิเคราะห์เอกสารที่ได้ในวันนี้กับเอกสารต่างๆ ที่ได้จากหน่วยงานราชการและจะลงพื้นที่อีกครั้งในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ เพื่อเป็นการวิเคราะห์สุดท้ายว่าข้อมูลที่ได้ทั้งหมดมีกระบวนการบิดเบือน ตรงกับข้อเท็จจริงของพยานแต่ละคนที่ให้การไว้หรือไม่
สำหรับข้อมูลโทรศัพท์ของคุณแตงโม ได้ส่งให้กับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ตรวจสอบว่ามีประเด็นที่สอดคล้องกับพยานหลักฐานที่นำมาสอบทั้งหมด 52 ปาก ซึ่งก่อนหน้ามีข้อมูลว่าบางส่วนมีส่วนเกี่ยวข้อง โดยจะนำข้อมูล ข้อเท็จจริง ตำแหน่งที่ตั้งของโทรศัพท์ มาตรวจวิเคราะห์
เมื่อถามว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าข่ายร่วมขบวนการในครั้งนี้หรือไม่นั้น พันตำรวจตรีณฐพล ตอบว่า จากที่ได้คัดคำให้การของพยาน 52 ปาก และเอกสารที่ได้จากหน่วยงานราชการทั้งหมด ตอนนี้เหลือเพียงหลักฐานจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เรื่องการพิสูจน์ภาพถ่ายจากโทรศัพท์มือถือที่ได้มา โดยจะนำมาประกอบกับพยานและคำให้การว่าสอดคล้องหรือขัดกันหรือไม่
เมื่อถามว่าแน่ชัดหรือไม่ว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาใครนั้น พันตำรวจตรีณฐพล ตอบอีกว่า ขอปกปิดไว้ก่อน ทุกอย่างอยู่ในสำนวนการสืบสวน ขอให้รวบรวมพยานหลักฐานและหลังจากรวบรวมแล้วเสร็จจะแถลงข่าวอีกครั้งว่ามีความเห็นทางคดีเป็นอย่างไร
“เราลงเรือทั้งหมด 2 รอบ และยังมีส่วนที่ทำด้านภูมิศาสตร์ของ DSI ลงพื้นที่เก็บบนบก แต่ไม่ได้เป็นข่าว เราได้สงสัยพยานบางอย่าง จึงได้ส่งภาพถ่ายและประสานกับภาคประชาชน เพื่อขอภาพถ่าย โดยส่งไปตรวจที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา และจะนำข้อมูลต่างๆทั้งหมดมาสรุปอีกครั้งในตอนท้าย รายละเอียดทั้งหมดเราจะแถลงในนัดสุดท้ายก่อนที่จะมีการส่งสำนวน”
สำหรับกระบวนการสืบสวน หากพบมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้องก็จะสรุปสำนวนและส่งสำนวนให้กับ ป.ป.ช. แต่หากไม่พบเจ้าหน้าที่รัฐเข้าเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการรับเป็นคดีพิเศษและส่งสำนวนให้กับอัยการ อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการสืบสวน และในวันนี้จะมีการสอบปากคำคุณแม่เพิ่มเติม เพราะท่านส่งเอกสารให้เรา และคาดว่าจะสรุปสำนวนได้ภายในเดือนตุลาคมนี้