ครอบครัวและลูกสาววัย 3 ขวบ พร้อมญาติพลทหารอดิศร เข้าเยี่ยมที่โรงพยาบาลสุรินทร์ ขณะที่แพทย์ผ่าตัดสะเก็ดระเบิดที่ข้อมือขวา ใบหน้า และตามร่างกายออกหมดแล้ว แต่รักษาข้อเท้าไว้ไม่ได้ ต้องเสียตั้งแต่ช่วงหน้าแข้ง
วันที่ 28 สิงหาคม 2568 เมื่อเวลา 09:40 น. ที่ตึกอุบัติเหตุ โรงพยาบาลสุรินทร์ ญาติและครอบครัวของพลทหารอดิศร ป้อมกลาง เดินทางมาถึงที่โรงพยาบาลสุรินทร์ เดินทางรถถตู้ 1 คัน และรถกระบะ อีก 1 คัน รวม 30 ชีวิต ออกจากจังหวัดนครราชสีมาตั้งแต่เช้าตรู่
โดยก่อนที่จะขึ้นไปเยี่ยมนางเสาวลักษณ์ ป้อมกลาง อายุ 46 ปี แม่ของพลทหารอดิศร เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ในวันนี้ครอบครัว และญาติๆ กว่า 30 คน ตั้งใจมาเยี่ยมลูกชาย ซึ่งหลังเกิดเหตุตนเองยังไม่ได้โทรคุยกัน วันนี้จึงเป็นครั้งแรกที่ได้เจอหน้าลูกชายหลังเกิดเหตุ พร้อมยอมรับว่ายังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ตนเองได้นำชายผ้าถุงให้ลูกชายพกติดตัวไว้ ในขณะที่มาประจำการในพื้นที่ชายแดน ซึ่งที่ผ่านมา ลูกชายก็แคล้วคลาดปลอดภัยมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ ที่มีเหตุการณ์ทหารแนวหน้าถูกระเบิดเสียชีวิต ลูกชายของตนเองก็เคยเกือบถูกระเบิดเช่นกัน แต่ก็รอดมาได้ แต่ในครั้งนี้ ลูกชายโทรมาบอกตนเองว่าชายผ้าถุงที่แม่ให้นั้นหายไป ตนเองจึงทำได้แค่ส่งกำลังใจให้ลูก
ส่วนหลานสาว วัย 3 ขวบ ซึ่งเป็นลูกชายของพลทหารอดิศร ตอนนี้ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ทางครอบครัวบอกว่า พ่อไม่สบาย เป็นไข้ รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ในวันนี้ก็พาหลานสาวมาเยี่ยมด้วยเช่นกัน
แม่ของคนทหารอดิศร ยังกล่าวทิ้งท้ายทั้งน้ำตาว่า หลังเกิดเหตุการณ์กับลูกตนเองขึ้น ตนเองจุกในอก และไม่รู้จะพูดหรือฝากอะไรถึงฝั่งกัมพูชา แต่อยากวอนให้รัฐบาลไทยเอาคืนกับฝั่งกัมพูชาให้หนัก ขณะที่ นายไหล ป้อมกลาง อายุ 56 ปี พ่อของพลทหารอดิศร ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าเยี่ยมลูกชายว่า ยังรู้สึกใจหายที่ลูกชายเหยียบกับระเบิดจนขาขาด แต่ก็รู้สึกภูมิใจมาก ที่ลุกชายได้ทำหน้าที่ทหารอย่างเต็มที่ในการรักษาเขตแดน และก็อยากให้กำลังใจทหารนายอื่นๆ ที่ทำหน้าที่อยู่แนวหน้า รวมถึงอยากให้กำลังใจแม่ทัพ หลังจากนี้หากลูกชายหายดีแล้วก็จะพาลูกชายกลับไปดูแลต่อที่บ้าน ส่วนเรื่องของการเยียวยานั้นก็เป็นเรื่องรัฐบาลต่อไป
ส่วนบรรยากาศในหอผู้ป่วย ทันทีที่ครอบครัว เดินทางเข้าไปเห็นสภาพของพลทหารอดิศร นอนรักษาอยู่ ก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ จากนั้นก็ได้มีการนำด้าย สายสิญจน์มาผูกข้อไม้ข้อมือ เพื่อเป็นการเรียกขวัญและกำลังใจ
ด้าน นพ.นาวิน ขันธรักษา ศัลยแพทย์โรงพยาบาลสุรินทร์ แพทย์ที่ทำการผ่าตัดรักษา เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ใช้เวลาผ่าตัดเกือบ 2 ชั่วโมง โดยไม่สามารถรักษาข้อเท้าขวาไว้ได้ จึงต้องตัดช่วงหน้าแข้ง และผ่าตัดเอาสะเก็ดระเบิดที่ข้อมือขวา ใบหน้า และตามร่างกายออกทั้งหมด โดยมีเพื่อนของพลทหารอดิศร ได้บริจาคเลือดมาให้ทำให้การผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี ตอนนี้ก็ไม่ได้มีเลือดออกแล้ว แต่ยังต้องเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด เพื่อระวังแผลติดเชื้อและจะต้องพักรักษาตัวต่อเนื่อง 2-3 สัปดาห์ที่โรงพยาบาล
ขณะที่ แพทย์หญิงกฤษณา ร้อยศรี รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุรินทร์ รักษาการผู้อำนวยการ บอกว่า ตอนนี้มีประชาชนได้แสดงความจำนงเข้ามาเป็นจำนวนมากในการบริจาคเลือด ซึ่งต้องแจ้งให้ทราบว่า ขณะนี้ทางโรงพยาบาลมีเลือดเพียงพอทุกกรุ๊ปเลือด จึงขอให้ประชาชนชะลอการบริจาคเลือดก่อน หากมีเหตุฉุกเฉินครั้งต่อไป จะมีการประชาสัมพันธ์และติดต่อให้เข้ามาบริจาคเลือดอีกครั้ง