ชาวบ้านเหยียบระเบิดขาขาด 1 และถูกสะเก็ดระเบิดเจ็บอีก 1 ขณะ EOD และเจ้าหน้าที่ตรวจเหมืองแร่ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ที่คนร้ายเผาและทำลายรถแบ็กโฮ-รถสิบล้อ รวม 7 คัน ปมไม่จ่ายค่าคุ้มครอง
วันที่ 26 ส.ค. 2568 เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี รอบ ผบช.ภ.9 รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พ.ต.อ.ประยงค์ โคตรสาขา รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พ.ต.อ.ดิเรก โฉมยงค์ รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พ.ต.อ.วีระศักดิ์ เพอแสละ ผกก.สภ.จะแนะ พ.ต.ธีรเทพ จันทร์สุริย์ นายทหารฝ่ายยุทธการ กรมทหารพรานที่ 49 เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส และ EOD อโณทัย เจ้าหน้าที่กองงพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบเหตุคนร้ายวางเพลิงและทำลายแบ็กโฮและรถบรรทุกเทท้าย 10 ล้อ ของบริษัท เอเชียเหมืองแร่อุตสาหกรรม จำกัด ซึ่งตั้งอยู่บ้านไอซือเร๊ะ ม.3 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากเจ้าหน้าที่เกรงว่าคนร้ายจะวางแผนลวงเพื่อดักสังหาร ซึ่งในระหว่างนั้นได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานกรมทหารพรานที่ 49 เคลียร์พื้นที่ จนเจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุได้ในวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา แต่ยังไม่แล้วเสร็จ
วันนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบอีกครั้งเป็นวันที่ 2 เพื่อให้แล้วเสร็จ โดยเฉพาะบริเวณใต้รถบรรทุกเทท้าย 10 ล้อ ที่คนร้ายใช้บุ้งกี๋ของรถแบ็กโฮกระชากจนตะแคง ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าอาจจะมีวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดซุกซ่อนไว้ จึงได้มีการประสานไปยังนายนายซับรี อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นผู้ดูแลเหมืองแร่ เพื่อขอสนับสนุนรถแบ็กโฮให้ช่วยยกรถบรรทุกเทท้าย 10 ล้อ ให้หงายขึ้นในการตรวจสอบใต้ท้องรถ
นายซับรี ได้ประสานนายอัสมี อายุ 54 ปี พนักงานขับรถแบกโฮ มาช่วยขับรถแบ็กโฮ แต่ในระหว่างที่นายอัสมี และนายซับรี เดินไปหยิบอุปกรณ์รวมถึงน้ำมันมาเติมรถแบ็กโฮที่บ้านพักคนงาน เพื่อที่จะสนับสนุนเจ้าหน้าที่นั้น นายอัสมีได้เดินไปเหยียบกับระเบิดของคนร้ายที่ฝังอยู่แนวทางเดิน จนเกิดระเบิดขึ้นทำให้นายอัสมีและนายซับรีล้มทั้งยืน แต่นายอัสมีโชคร้ายถูกสะเก็ดระเบิดขาด้านขวาขาด ส่วนนายซับรีมีอาการแน่นหน้าอกและหูอื้อ เจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยเหลือส่งรักษาที่โรงพยาบาลจะแนะอย่างเร่งด่วน
ต่อมา นายพิชิต รุ่งประเสริฐ นายอำเภอจะแนะ หลังรับแจ้งเหตุได้เดินทางมาดูอาการผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 คน เมื่อแพทย์ปฐมพยาบาลในเบื้องต้น ได้ส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบหลุมระเบิดลึก 1 ฟุต กว้าง 1 ฟุต มีซากเศษชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในแป๊ปเหล็กทรงกลม หนักประมาณ 2 กก. ตกกระจายเกลื่อนพื้น
ซึ่งจุดเกิดเหตุที่เหมืองแร่มีด้วยกัน 2 จุดใหญ่ ที่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบในช่วงวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา คือ จุดที่ 1. ที่ตั้งบริษัทฯ โดยคนร้ายได้ทำลายอาคารที่ตั้งของสำนักงาน ด้วยการใช้ของแข็งทุบฝาผนังตัวอาคารและทรัพย์สินเครื่องใช้ในสำนักงานได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ บ้านพักคนงานได้รับความเสียหายอีก 1 หลัง เหมือนลักษณะคนร้ายใช้รถแบ็กโฮรื้อถอน จนได้รับความเสียหายเหลือเพียงซากให้เจ้าหน้าที่ได้พบเห็น
โดยจุดดังกล่าวที่บริเวณลานกว้างเจ้าหน้าที่พบรถแบ็กโฮถูกวางเพลิง จำนวน 2 คัน และมีรถบรรทุกเทท้าย 10 ล้อ จำนวน 4 คัน ซึ่งทุกคันมีลักษณะหัวเก๋งถูกคนร้ายใช้บุ้งกี๋ของรถแบกโฮกระชากหลุดออกจากตัวรถ รวมทั้งใช้แบ็กโฮพลิกรถบรรทุกเทท้ายให้ตะแคงได้รับความเสียหาย จนไม่สามารถใช้งานได้
ส่วนจุดที่ 2 ซึ่งเป็นถนนทางหลวงชนบท 4013 เขตรอยต่อระหว่างบ้านน้ำวนกับบ้านน้ำหอม ม.1 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ มีซากรถบรรทุกเทท้าย 10 ล้อ จำนวน 1 คัน ถูกคนร้ายวางเพลิงที่บริเวณช่วงหัวเก๋งห้องโดยสารได้รับความเสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้ จอดอยู่ริมถนน แต่เจ้าหน้าที่ไม่ตรวจสอบพบวัตถุต้องสงสัยแต่อย่างใด
จากการสอบสวนคนงานเหมืองแร่ในเบื้องต้น ทราบว่า ในวันเกิดเหตุที่ 21 ส.ค. 68 ได้มีคนร้ายแต่งกายชุดสีดำ ประมาณ 30 คน มีอาวุธปืนครบมือ บุกเข้ามาจับมัดมือไขว้หลังคนงาน 7 คน แล้วนำไปควบคุมในป่าข้างเหมืองแร่ ส่วนคนงานอีก 1 คน คนร้าย 3 คนได้ใช้ปืนข่มขู่ให้คนงานดังกล่าวใช้รถแบ็กโฮของเหมืองแร่ ขับทำลายรถบรรทุกเทท้าย 10 ล้อ 4 คัน พร้อมใช้บุ้งกี๋ของรถแบ็กโฮพลิกรถบรรทุกเทท้าย 10 ล้อให้ตะแคง ส่วนคนร้ายที่เหลือได้เข้าไปทำลายอาคารสำนักงานและบ้านพัก โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง แล้วคนร้ายได้ปล่อยตัวคนงานดังกล่าว แล้วคนงานดังกล่าวจึงมาช่วยแก้มัดคนงานที่ถูกจับมือไพล่หลัง แล้วจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หลังคนร้ายปล่อยตัว 1 คนงานที่บังคับให้ขับรถแบ็กโฮทำลายรถบรรทุกเทท้าย 10 ล้อ คนร้ายยังได้ถือโอกาสขับรถบรรทุกเทท้าย 10 ล้อ จากเหมืองแร่หลบหนีไปอีก 1 คัน และคนร้ายได้นำรถยนต์คันดังกล่าวมาเผาทิ้งที่บริเวณริมถนนสายทางหลวงชนบทที่ 4013 ระหว่างรอยต่อบ้านน้ำวนกับบ้านน้ำหอม ม.1 ตช้างเผือก อ.จะแนะ ได้รับความเสียหายอีก 1 คัน
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า กลุ่มสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรงได้มีจดหมายเรียกค่าคุ้มครองจากบริษัทเหมืองแร่ดังกล่าว ไม่ทราบจำนวนเงินที่แน่ชัด แต่ทางบริษัทเหมืองแร่เพิกเฉย และเลยเวลาขีดเส้นตาย คนร้ายจึงบุกวางเพลิงรถและทำลายอาคารสำนักงานและบ้านพักคนงานดังกล่าว แถมยังมีการข่มขู่ไม่ให้คนงานที่ทำงานเหมืองแร่เข้ามาทำงาน หากไม่เชื่อฟังจะไม่รับรองความปลอดภัย