โฆษก ทบ. ซัดกัมพูชาไม่เคยยอมรับผิด หลังไทยเจอคลิปเขมรสอนใช้ทุ่นระเบิด เผยคณะ IOT ลงพื้นที่มีสัญญาณดี

วันที่ 20 สิงหาคม 2568 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังพาคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) ลงพื้นที่บ้านโนนมะยาง ช่องจุ๊ปตะโมก ว่าตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวจะมี 2 ส่วนด้วยกัน คือ 1.คณะ IOT จะเข้ามาสังเกตการณ์ว่าทั้ง 2 ฝ่ายเป็นไปตามข้อตกลงการหยุดยิง 13 ข้อหรือไม่

โดยมุ่งเน้น 3 ข้อหลัก คือ 1. การหยุดใช้อาวุธ โดยฝ่ายไทยพยายามที่จะแสดงหลักฐานต่างๆ เพื่อให้คณะ IOT เห็นว่ากัมพูชามีการใช้อาวุธ โดยเฉพาะทุ่นระเบิด ซึ่งได้พาคณะ IOT ไปเห็นในพื้นที่จริง คือ จุดเกิดเหตุ และอธิบายให้ฟัง ซึ่งทุ่นระเบิดเหล่านี้จะสอดคล้องกับยุทธวิธีทางทหาร และการใช้อาวุธ ทั้งนี้ หลังวันที่ 7 สิงหาคม (หลังประชุม GBC) มีการใช้ทุ่นระเบิดถึง 2 ครั้งจากฝ่ายกัมพูชา โดยในวันนี้ได้พาไปดูในจุดที่มีการใช้ทุ่นระเบิดครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นลักษณะการลักลอบวางในพื้นที่ทหารลาดตระเวนเป็นประจำ แสดงให้เห็นว่าไม่ได้เป็นการบังเอิญ โดยประเด็นนี้คณะ IOT ได้รับทราบ และจะทำรายงานของคณะต่อไป

ส่วนข้อที่ 2 คือยังมีการใช้โดรนในรูปแบบต่างๆ บินล้ำแดนเข้ามาในฝั่งไทย โดยเรื่องนี้คณะ IOT มีข้อมูลแล้ว

และข้อที่ 3 คือ ที่มีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และการเผยแพร่ข่าวสารที่บิดเบือน ยกตัวอย่าง เมื่อเห็นคลิปที่มีการเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย ในทันทีกัมพูชาจะไม่มีการตรวจสอบอะไร จะตอบปฏิเสธมาทันมี โดยอ้างว่าเป็นเฟคนิวส์บ้าง ตนมองว่าคณะ IOT จะเข้าใจ และไม่มีคำถามใดๆ กับฝั่งไทย จึงถือเป็นสัญญาณในทางบวก และโดยเฉพาะการให้ข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือน จะทำให้เกิดผลต่อเนื่อง ประชาชนคนไทยรู้สึกไม่ดี เพราะไม่เคยเจอระบบการให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นลักษณะมั่ว และไม่มีหลักเกณฑ์ยึดถือ

ส่วนกองทัพบกได้ให้คณะ IOT ได้ดูการใช้ทุ่นระเบิด และได้พาคณะ IOT ไปดูสถานที่จริงที่กัมพูชาได้ใช้อาวุธหนักโจมตีสถานที่ของพลเรือนอย่างโรงพยาบาลพนมดงรักเสริมด้วย ซึ่งคณะ IOT ได้เข้ามาในพื้นที่จะเห็นรูปแบบและกระบวนการที่เกิดขึ้นในที่เกิดเหตุ ว่า เกิดอะไรขึ้นที่โรงพยาบาล และทางโรงพยาบาลแก้ไขปัญหาอย่างไร ซึ่งการเตรียมความพร้อมของโรงพยาบาลในวันนั้นถือว่าดี เพราะมีการอพยพผู้ป่วยหนักออกไปโรงพยาบาลอื่นก่อน และอพยพผู้ป่วยที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ไปหลุมหลบภัยจึงถือว่าเป็นเรื่องดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

โดยคณะ IOT ได้ชื่นชมโรงพยาบาลพนมดงรัก ในเรื่องของการเตรียมความพร้อม เพราะช่วงเช้ามีการใช้อาวุธเล็ก แต่โรงพยาบาลก็สั่งให้อพยพผู้ป่วยในทันที

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อดูแล้วจะเป็นผลบวกกับฝั่งไทยหรือไม่ ในสิ่งที่พาคณะ IOT ลงพื้นที่ พล.ต.วินธัย เผยว่า ในที่ประชุมมีการพูดว่าฝ่ายไทยอยู่ในกรอบกติกาที่เป็นมาตรฐานสากล และมีลักษณะชื่นชม แต่ไม่ได้เสียมารยาทไปพูดถึงคนอื่น ฝั่งไทยที่นั่งอยู่ในที่ประชุมก็รู้สึกดี ที่คณะ IOT ชุดนี้มีความเข้าใจสถานการณ์ และติดตามสถานการณ์มาก่อน จึงรู้ข้อมูล

ทั้งนี้ สำหรับการใช้ทุ่นระเบิดคนที่เป็นทหารจะมองออก และเข้าใจ แต่เมื่อมีการปฏิเสธที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ ก็อาจจะทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดีจากคณะ IOT ที่เข้ามาสังเกตการณ์ แต่ในที่ประชุมก็ไม่ได้มีการแสดงออกอย่างชัดเจน

ส่วนกรณีที่ในที่ประชุมที่มีการรายงานว่า กัมพูชาได้ประสานเข้ามาติดต่อบอกว่าทหารกัมพูชาที่โวยวายนั้นเป็นคนเมา พล.ต.วินธัย บอกว่า พื้นที่จุดนั้นเป็นพื้นที่ที่ทั้ง 2 ฝ่ายลาดตระเวนได้ แต่ไม่สามารถติดอาวุธได้ เพราะอย่างตอนที่กัมพูชาพาคณะ IOT เข้ามา ฝั่งไทยก็เข้าไปดูและตำหนิว่าไม่ได้แจ้งทางการไทย แต่ไม่ได้แสดงท่าทีที่ไม่พอใจหรือเสียมารยาทแบบนี้ แต่เมื่อฝั่งไทยนำคณะ IOT เข้าไป รวมถึงสื่อมวลชน ก็ทำให้สังคมโลกได้เห็น ซึ่งทำให้เห็นว่ากัมพูชานั้นไม่ได้อยู่ในกรอบมาตรฐานที่ควรจะเป็นเมื่อเทียบกับไทย ซึ่งได้แจ้งเข้ามาเป็นการภายในโดยพูดว่า ที่ทหารมีอาการลักษณะนั้นเพราะว่าเมา แต่ไม่รู้ว่าจะมีใครเชื่อหรือไม่ ซึ่งอาจทำหนังสือประท้วงไปว่าเป็นการยั่วยุ เพราะที่ผ่านมาไทยทำตั้งแต่ก่อนสถานการณ์และเกิดสถานการณ์รวมถึงปัจจุบันนี้

ส่วนประเด็นที่ทหารเรือเจอโทรศัพท์มือถือและคลิปภาพการวางทุ่นระเบิด และทางฝั่งกัมพูชาก็ออกมาปฏิเสธว่า เป็นฝั่งไทยสวมชุดทหารกัมพูชาเพื่อสร้างเฟคนิวส์ ตนก็ไม่เคยเห็นว่ากัมพูชาจะยอมรับอะไรเลย และกัมพูชาก็เชื่อว่าตัวเองใช้ทุ่นระเบิดเยอะ จึงพูดดักทางเอาไว้ เพราะเห็นว่าสื่อมวลชนไทยเก็บรายละเอียดหลักฐานได้ดี ทำให้กัมพูช ต้องพูดดักทางไว้ว่าเป็นเฟคนิวส์ เพราะที่ผ่านมากัมพูชาก็บอกว่าไทยชอบทำข่าวปลอม และพูดถึงว่าไทยซื้อเสื้อผ้าจากตลาดโรงเกลือมาใส่ ซึ่งเป็นการพูดก่อนที่จะเจอคลิปหลักฐานเหล่านี้ ทำให้เห็นได้ว่าเป็นเทคนิคของการสื่อสารของกัมพูชา ซึ่งกองทัพบกมองจากสิ่งที่เห็นจริงๆ

ส่วนคลิปในมือถือยังอยู่ในระหว่างกระบวนการตรวจสอบของทางการข่าว จึงยังไม่มีรายละเอียดมากนัก เพราะอย่างกรณีการเจอคลิปต่างๆ จะต้องรอใช้ประโยชน์จากตรงนี้ แต่ยืนยันว่าถ้าดูจากภาพและเสียงอารมณ์ของสิ่งที่เกิดขึ้นในคลิป ไม่ได้เป็นการสร้างขึ้นมา

ยืนยันไม่ใช่คนสุรินทร์ เพราะสำเนียงการพูดก็จะรู้ว่าเป็นกัมพูชาหรือสุรินทร์ ที่ผ่านมากัมพูชาพยายามพูดตลอดว่าไทยวางทุ่นระเบิดให้ฝ่ายเดียวกันเองได้รับบาดเจ็บ ซึ่งตรรกะนี้ไม่มีในโลกอย่างแน่นอน เพราะนอกเหนือกติกา และทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บและมันไม่เมคเซ็นส์ รวมถึงกล่าวหาว่าฝั่งไทยเอาเชลยศึกไปทำเป็นคลิป ย้ำว่าไทยเองดูแลเชลยศึกตามหลักมนุษยธรรม และเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ และได้เปิดโอกาสให้กลไกระหว่างประเทศดำเนินการตรวจสอบตลอด

ขณะที่ คณะ IOT ก็เคยพูดถึงเรื่องนี้ด้วย ว่าไม่ได้มีข้อกังวลเรื่องเชลยศึกที่ไทย เพราะไทยอยู่ในกติกาสากล คือไทยเป็นสุภาพบุรุษ และคณะ IOT ล่าสุดก็ได้เข้าเยี่ยมเชลยศึกด้วยเช่นกัน