"เขมร" ปฏิเสธข้อกล่าวหาวางกับระเบิดตาเมือนธมทำทหารไทยขาขาด ซัดไทยไม่มีหลักฐาน เตือนหลายครั้งแล้วพื้นที่ยังมีระเบิดตกค้างช่วงสงคราม

จากกรณีที่ กองทัพบก ประเทศไทย แจ้งว่า มีทหารพรานเหยียบกับระเบิดขาขาด บริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ และพบเป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 ที่คาดว่ากัมพูชาลอบวางไว้ โดยเมื่อเวลา 16.16 น. วันที่ 12 สิงหาคม 2568 พล.ท.หญิง มาลี โสเจียตา ผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมและโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้แถลงตอบโต้กรณีดังกล่าว โดยระบุว่า กระทรวงกลาโหมกัมพูชาขอปฏิเสธอย่างแข็งขันต่อข้อกล่าวหาใด ๆ ที่ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนและไม่มีมูลความจริงจากฝ่ายไทยกรณีการบาดเจ็บของทหารไทยที่เกิดจากการระเบิดของทุ่นระเบิด บริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.บันเตียอัมปึล จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 2568

กัมพูชาแสดงจุดยืนที่แน่วแน่ว่ากัมพูชาจะไม่ใช้หรือวางกับระเบิดใหม่โดยเด็ดขาด กัมพูชาเป็นรัฐภาคีในอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งให้สัตยาบันในปี 2542 และได้รับการยอมรับจากประชาคมระหว่างประเทศสำหรับความพยายามทำลายทุ่นระเบิดทั้งในและต่างประเทศ

กัมพูชาตั้งข้อสังเกตว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการสอบสวนอย่างเป็นทางการและโปร่งใสเพื่อระบุข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ นอกจากนี้ กัมพูชายังได้เตือนประเทศไทยหลายครั้งว่าพื้นที่เหล่านี้ยังคงมีวัตถุระเบิดตกค้างจากสงคราม ทุกฝ่ายควรงดเว้นการสรุปผลต่อสาธารณะก่อนที่จะค้นหาความจริง เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดที่อาจเพิ่มความตึงเครียดและการเผชิญหน้า

กัมพูชาย้ำคำมั่นสัญญาอันแน่วแน่ ชัดเจน และไม่เปลี่ยนแปลง ในการเคารพและปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงที่บรรลุผลสำเร็จเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2568 อย่างเคร่งครัด และรายงานการประชุมที่ตกลงร่วมกัน 13 ประเด็น ซึ่งได้บรรลุในระหว่างการประชุมวิสามัญของคณะกรรมการชายแดนกัมพูชา-ไทย (GBC) เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2568 พร้อมด้วยผู้สังเกตการณ์จากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐประชาชนจีน

กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยเคารพข้อกำหนดและเงื่อนไขทั้งหมดที่กำหนดไว้ในข้อตกลงหยุดยิงตลอดจนเจตนารมณ์และความตกลงในระหว่างการประชุม GBC วิสามัญ ซึ่งระบุว่าทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะคงกำลังทหารที่มีอยู่ในปัจจุบันไว้ โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นเวลาที่การหยุดยิงถึงเวลา 24.00 น. (เวลาท้องถิ่น) ของวันที่ 28 ก.ค. 2568 โดยจะไม่มีการเคลื่อนทัพรวมทั้งลาดตระเวนไปยังตำแหน่งของอีกฝ่าย

กัมพูชาขอเรียกร้องต่อไทยอีกครั้งให้ปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด เพื่อมุ่งสู่มติที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกัน ทั้งการประชุมคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (RBC) และการประชุมคณะกรรมการชายแดนกัมพูชา-ไทย (GBC) ที่จะจัดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

การดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงโดยสมบูรณ์ของทั้งสองฝ่ายจะส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยซึ่งจะนำมาซึ่งสันติภาพ เสถียรภาพ และความเป็นปกติในความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นแรงบันดาลใจของทั้งสองประเทศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประชาคมระหว่างประเทศโดยรวมด้วย พิสูจน์ได้จากข้อความแสดงความยินดีและการสนับสนุนต่างๆ สำหรับข้อตกลงหยุดยิงและผลลัพธ์เชิงบวกอันเป็นผลมาจากการประชุม GBC สมัยวิสามัญระหว่างกัมพูชาและไทย

พร้อมระบุว่า กัมพูชามุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างสร้างสรรค์ ด้วยความสุจริตใจ และร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับไทย มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆ และประชาคมที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อให้มั่นใจว่าการหยุดยิงจะดำเนินการอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ และแก้ไขข้อพิพาททั้งหมดด้วยสันติวิธี ตามกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ และกฎบัตรอาเซียน