"ภูมิธรรม" ยันเจรจา "ฮุน มาเน็ต" บนเงื่อนไข 6 ข้อของกองทัพ เดินหนีสื่อ หลังถูกซักปมรับเงื่อนไขเพราะถูกกดดันเรื่องภาษีสหรัฐฯ

วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ ไทย-กัมพูชา มีการเจรจาหยุดยิงตั้งแต่เวลา 24:00 น. คืนที่ผ่านมาแต่พบว่าช่วงเช้ายังมีการปะทะเป็นระยะว่า ยอมรับว่า ยังมีอะไรที่ยังสื่อสารกันไม่ได้ทั้งหมด เนื่องจากมีการวางกำลังอยู่ตลอดทั้งแนวชายแดน 800 กิโลเมตร ซึ่งแต่เดิมพูดคุยกันว่าจะหยุดยิงกันในเวลา 18.00 น. แต่ขยายมาเป็น 24.00 น. ทั้งนี้ กองทัพไทยค่อนข้างมีวินัย แต่ฝั่งกัมพูชาถ้าเขาไม่มีความตั้งใจก็เป็นเพราะทหารมีวินัย เราก็ทำหน้าที่ของเราอย่างถูกต้อง และในอนาคตจะต้องคุยกันต่อไปว่า วันนี้เวลา 10.00 น. แม่ทัพภาคของทั้ง 2 ประเทศจะหารือกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกัน และหลังจากพูดคุยก็น่าจะหยุดหยิ่งชัดเจนมากยิ่งขึ้น

นายภูมิธรรม กล่าวว่า การหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข เพราะอยากให้จบ แต่ในรายละเอียดคงต้องพูดคุยกันอีก เพราะเราได้ชี้แจงแล้วว่า หลังจากนี้ไปเราจะพูดคุยผ่านกลไก RBC และ GBC เพื่อให้ได้ข้อสรุป ย้ำว่าการพูดคุยครั้งนี้ ได้นำข้อเสนอของทางกองทัพบกเข้าหารือในวงเจรจาด้วย ซึ่งก็เป็นที่ยอมรับ แต่ต้องรอดูว่าผลที่ออกมาจะเป็นลักษณะอย่างไร โดยตนขอขอบคุณกองทัพบก และวีรกรรมของทหารหาญที่ได้ปฎิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งและดีเยี่ยม โดยจะหารือกันในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าจะดูแลกำลังพลทั้งหมดเป็นกรณีพิเศษ

“เรื่องนี้จะเป็นประสบการณ์และบทเรียน ให้ได้เห็นว่ามีทหารเอาไว้ทำไม ชัดเจนว่าหากไม่มีทหาร เรื่องนี้คงแย่ไปมากกว่านี้” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องพูดบนพื้นฐานความเป็นจริง เพราะการปกป้องประเทศไม่ได้เกิดขึ้นตลอดเวลา หรือบอกว่าจะเกิดขึ้นตรงนั้นตรงนี้ตลอดทั้งปี แต่เป็นเรื่องภาวะวิกฤต อย่างที่ตนเคยบอกว่า กำลังทหารต้องอยู่ในฐานความพร้อมที่จะปกปักรักษาประเทศและอธิปไตย ตนขอขอบคุณทุกแนวรบ ที่ทหารทำหน้าที่อย่างเคร่งครัดและมีวินัย ต้องให้กำลังใจทหารหาญของประเทศ

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนไม่อยากให้ประชาชนไม่สบายใจ ปฏิบัติการที่เกิดขึ้นเราเป็นฝ่ายที่ยึดมั่นในข้อตกลง และสิ่งที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะเหตุการณ์บางจุด เพราะทหารกัมพูชาไม่มีวินัย เราตอบโต้บนพื้นฐานที่เกินเลย ยิงปืนเล็กมาเราก็ยิงปืนเล็กกลับ แต่ขณะนี้ถือว่าสถานการณ์สงบอยู่ แต่ไม่ได้มีการยกระดับ ขอให้รอดูการหารือในเวลา 10.00 น. ว่าจะเป็นอย่างไร ขณะนี้มีการมอบอำนาจชัดเจน ให้ทางแม่ทัพภาคเป็นผู้หารือ เนื่องจากอยู่ในส่วนปฎิบัติหน้าที่ตอนหน้า แต่เราประสานงานกันตลอด

นอกจากนี้ เมื่อสักครู่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้โทรศัพท์หาตน ซึ่งตนจะประสานให้มีการโทรกลับไปคุย

เมื่อถามว่า ก่อนจะไปเจรจา นายภูมิธรรมเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า การจะหยุดยิงต้องให้กัมพูชาแสดงความจริงใจ ด้วยการปรับกำลังและอาวุธหนักออกจากพื้นที่ แต่ทาง ฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ระบุว่าการหยุดยิงต้องไม่มีเงื่อนไข ไปเจรจากันยังไงถึงออกมาเป็นเช่นนี้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า สื่อคงเข้าใจผิด สิ่งที่เราพูดเรื่องการหยุดยิง คือการให้ยุติดำเนินการ ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจบ แต่การหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข คือให้ทั้งสองฝ่ายตกลงกัน ว่าจะหยุดยิงเมื่อไหร่ ส่วนการเจรจาหลังจากนั้น มีการกำหนดอยู่แล้วว่าให้เจรจาตามกลไก ซึ่งเป็นเรื่องที่กองทัพจะเจรจา

เมื่อถามย้ำว่า หมายความว่ายังไม่หยุดยิงอย่างแท้จริงใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นไปตามขั้นตอน ถามแบบนี้จะกลายเป็นทำให้ระหองระแหงกัน ขณะนี้ต้องทำให้นานาประเทศและประชาคมโลกเข้ามาดูแลและสังเกตการณ์ ซึ่งการหยุดยิงเป็นมาตรฐานของเรา ที่อยากให้มีการพูดคุยกันทั้งหมด ไม่อยากให้มีการกระทบกระเทือนถึงปัญหาระหว่างประเทศ และเรายังยึดมั่นรักษาอธิปไตยของประเทศได้

เมื่อถามว่า เป็นการที่ฝ่ายการเมืองโยนงานให้ทหารหน้างานหรือไม่ นายภูมิธรรม เอียงศีรษะ ก่อนจะกล่าวว่า พูดแบบนี้เหมือนจะให้ฝ่ายการเมืองทะเลาะกับทหาร ตนคิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น มีการพูดคุยมาตลอด ก่อนจะไปก็พูดคุยกัน เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่การโยน แต่ทางกองทัพอยากใช้เงื่อนไข ดังนั้นจะให้กองทัพเป็นคนตัดสินใจและประสานกับเรา ยืนยันว่าไม่ใช่การโยนภาระ หากพิจารณาตรงนี้ แต่สถานการณ์ในพื้นที่เห็นอะไรที่แตกต่างไป ก็จะเป็นปัญหาอีก ยืนยันว่าทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ ทั้งกระทรวงกลาโหมและ 4 เหล่าทัพ รวมถึงรัฐบาล ทำงานเป็นน้ำหนึ่งเดียวกัน

เมื่อถามว่า หลักการทั่วไปของการเจรจาหยุดยิง เราต้องให้เขาถอนอาวุธ หรือยื่นเงื่อนไขในการเจรจา แต่มีการตั้งข้อสังเกตว่า นายภูมิธรรมไปรับเงื่อนไขเขามา นายภูมิธรรมธรรม ย้อนถามว่า ถามแบบนี้เหมือนไม่เข้าใจ แต่เรายืนยันว่า หากเราไปคุยเงื่อนไขทั้งหมดก็ไม่จบ แต่ในขณะที่ยิงกัน ก็เกิดความเสียหายกับชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ดังนั้น ก่อนอื่นต้องหยุดยิง เพื่อระงับความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ตนจึงอยากให้ทำความเข้าใจ สิ่งที่ทำทั้งหมด ไม่ได้สนองความความสะใจของใคร แต่ต้องระมัดระวังและยุติความเสียหาย หากเจรจากันไม่ได้ ก็ไปเริ่มต้นใหม่ การตั้งคำถามแบบนี้ไม่ถูก คนเสียหายเวลานี้คือประชาชนและกำลังทหาร อยากให้ใช้สติในการพิจารณา ว่าการทำเช่นนี้น่าจะเป็นการยุติความเสียหาย และเงื่อนไขต่างๆ ที่เราคุยกัน

เมื่อถามว่า จะมีการเรียกร้องกัมพูชาในฐานะอาชญากรสงครามหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า อันนั้นเป็นเงื่อนไข การหยุดจริงไม่ได้หมายความว่าจะมีเงื่อนไขเป็นคดี แต่เป็นการยุติไม่ให้เกิดความเสียหาย และมาคุยกัน มอบหมายให้เป็นกลไกทวิภาคี หลังจากนี้จะเป็นการพูดคุยกัน โดยไม่มีเสียงปืนทำร้ายกัน ถ้าจะคุยกันในขณะที่มีการยิงกันอยู่ ที่ไหนก็ไม่มีใครทำได้ ส่วนจะเดินหน้าเอาผิดกัมพูชาในฐานละเมิดหรือไม่ เดี๋ยวรอพูดคุยกัน ใครทำอะไรไว้ก็ต้องรับผลตรงนั้น

นายภูมิธรรม กล่าวยํ้าว่า เงื่อนไขในการหารือคือเงื่อนไขของกองทัพบก 6 ข้อ ซึ่งกองทัพบกทราบดี ขอให้ไปถามดู ขอให้นึกถึงประเทศชาติ ซึ่งเงื่อนไขที่กองทัพบกเสนอมานั้น เรารับได้ และนำมาเจรจาต่อ ที่ประชุมก็ยอมรับ

จากนั้นมีสื่อมวลชนสำนักหนึ่งถามว่า รัฐบาลเอาเรื่องภาษีสหรัฐฯ มากดดันผูกคอกองทัพหรือไม่ นายภูมิธรรมย้อนถามว่า ท่านเอาความเชื่อมั่นมาถาม แล้วมากดดัน ตนไม่ขอตอบแล้ว ก่อนจะเดินออกจากวงสัมภาษณ์ และขึ้นตึกบัญชาการไปทันที