"พล.ท.กนก-วาสนา" แนะจุดสังเกตกับระเบิดช่องบกของใหม่-ของเก่า แนะสวนหมัด "กัมพูชา" เข้มเข้าปราสาทตาเมือนธม

วันที่ 18 ก.ค.68 พล.ท.กนก เนตระคะเวสนะ อดีตรองแม่ทัพภาคที่2 และอดีตผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี และ คุณวาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวอาวุโสสายทหาร ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทีมข่าวออนไลน์ช่อง8 ต่อกรณีประเด็นร้อนพลทหารไทยเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนช่องบก

คุณวาสนา ระบุว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่ากับระเบิดที่ช่องบก เป็นทุ่นระเบิดใหม่ เพราะเส้นทางที่ลาดตระเวนเป็นพื้นที่ที่เดินเป็นประจำ หากวางไว้นานแล้วต้องเหยียบไปก่อนหน้านี้ ส่วนตัวคาดว่าฝั่งกัมพูชาน่าจะเข้ามาวางในช่วงที่เป็นช่องว่างที่ทหารไทยไม่ได้ลาดตระเวน ก็สามารถเข้ามาได้

นอกจากนี้ ยังกล่าวอ้างถึง สื่อกัมพูชา ออกมาระบุว่าระเบิดเป็นของไทย แต่ไทยเองที่ลืม พล.ท.กนก เผยว่า ต้องไปตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุเพราะพื้นที่วางทุ่นระเบิดจะไม่มีการวางแค่ทุ่นเดียว เราจึงต้องไปตรวจในพื้นที่ว่ามีทุ่นอื่นกี่ทุ่น และเราจะได้รู้ว่าเป็นทุ่นระเบิดของใคร แต่ทั้งนี้ในความเป็นจริงไทยไม่มีการใช้ทุ่นระเบิดมานานแล้ว

ขณะที่ คุณวาสนา กล่าวเสริมว่า ทุ่นระเบิด PMN-2 ในประเทศไทยไม่เคยใช้ และไม่เคยมีมาก่อน ด้านงานการข่าวของหน่วยปฏิบัติการเก็บทุ่นระเบิดในพื้นที่ มีการเปิดเผยว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่สีเขียว และผ่านการเช็กหมดแล้ว แต่เรื่องของการตกค้างของทุ่นระเบิดก็มีโอกาสได้ แต่จุดนี้พบว่างานการข่าวในพื้นที่โดยข่าวกรองทราบว่า กัมพูชามีการสั่งการให้มีการวางทุ่นระเบิด เพื่อเดาการลาดตระเวนของเจ้าหน้าที่ทหารไทย ทั้งนี้จุดเกิดเหตุเป็นพื้นที่ที่กัมพูชาเคยเข้ายึดแต่ถอยออกไปแล้วอาจมีการวางเอาไว้ก่อนแล้ว รวมถึงก่อนหน้าที่พลทหารจะเหยีบบพบว่าในพื้นที่ค้นพบและเก็บกู้ไปแล้ว 3 ลูกชนิดเดียวกัน ก่อนเกิดเหตุเพียง 1 วัน

ทั้งนี้ที่ตนเชื่อว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่นั้น เป็นเพราะว่าทหารกัมพูชาต้องการเช็กแนวด้วย เพราะเมื่อไหร่ที่เสียงทุ่นระเบิดดังขึ้น แปลว่าทหารไทยไปบริเวณนั้น ทำให้รู้ว่าทหารไทยจะเริ่มตระเวนเยอะขึ้นต้องระมัดระวังมากขึ้น

เมื่อถามว่าหากกัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา จะมีผลอย่างไร โดยกัมพูชาเองก็ไม่แคร์อยู่แล้ว โดย พล.ท.กนก เผยว่า ในปี 2551 เราก็พิสูจน์ไปแล้ว เราเองก็ได้มีการรายงานผ่านกระทรวงการต่างประเทศไปหมดแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากนี้เราต้องประณามกัมพูชาเอาความจริงมาเปิดเผย เอาหลักฐานมาแถลงข่าวส่งไปที่องค์กรณ์ระหว่างประเทศ และเราเองก็สามารถฟ้อง UN ได้ด้วยว่ามีการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา เป็นการฟ้องให้ชาวโลกได้เห็น เพราะไม่มีบทลงโทษอะไรนอกเหนือจากนี้แล้ว และเราต้องเพิ่มความเข้มงวด ทหารต้องขยันลาดตระเวน และหัดซุ่มโจมตีให้เป็นด้วย กัมพูชาได้ไม่กล้าเข้ามา

เมื่อถามว่าทางการไทยต้องปรับยุทธวิธีอย่างไรเพื่อให้ทันเกมของกัมพูชา คุณวาสนา เผยว่า นี้เป็นโจทย์ที่ยากที่สุดของประเทศไทยในเวลานี้ เหมือนกัมพูชาจะขี่คอเราโดยตลอด เพราะเราไปติดตรงที่เราเป็นประเทศที่ใหญ่กว่า เราเริ่มก่อนไม่ได้ จึงกลายเป็นว่าตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้

ส่วนที่ปราสาทตาเมือนธม ที่พบความไม่สงบหลังจากมีหญิงชาวกัมพูชาขึ้นมาปะทะคารมกับเจ้าหน้าที่ทหารไทย จะมีมาตรการอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดความไม่สงบขึ้นอีก พล.ท.กนก เผยว่า ทางการไทยมีการควบคุม แต่กัมพูชาไม่มีการควบคุมเลยปัญหาจึงมาถึงจุดนี้ หน่วยที่อยู่ในพื้นที่ต้องคุยกันว่าถ้าคงสถานการณ์ให้เป็นแบบนี้ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นบ้างจะดีต่อทั้ง 2 ฝ่ายหรือไม่ ทั้ง 2 ฝ่ายต้องมีการคุยกัน

ขณะที่ คุณวาสนา เสนอมาตรการว่า ต้องห้ามไม่ให้ทหารกัมพูชาขึ้นมาเพราะเรามีชุดประสานงานของกัมพูชาอยู่แล้ว 7 คนไว้ดูแลนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาพอ ไม่จำเป็นต้องให้ทหารที่อ้างว่าท่องเที่ยวขึ้นมาเป็น 40-50 คนขึ้นมา และต้องมีการแสดงให้เห็นว่านี่คือพื้นที่ของประเทศไทย ต้องเจรจาไม่ให้ทหารกัมพูชาเข้ามาท่องเที่ยว เพราะที่เห็นวันนึงมาเป็น 100 คน ทำให้มีปัญหาเกิดขึ้นตามมา ขณะเดียวกัน ควรต้องคัดกรองนักท่องเที่ยวของกัมพูชา ไม่ใช่เปิดให้ใครขึ้นมาก็ได้ รวมทั้ง แนวต้นขี้เหล็กที่เป็นข้อตกลงว่าแนวนี้ต้องทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นประตูที่กำลังเข้าสู่แผ่นดินไทย โดยทหารไทยต้องยืนตรึงแนวเอาไว้เลย

ส่วนกรณีที่ฮุนเซน บอกว่า หากไทยสร้างรั้วรอบปราสาทตาเมือนธมเมื่อไหร่ รบแน่นอน เรื่องนี้ พล.ท.กนก แสดงความเห็นว่า เราอย่าไปกลัวเขาแค่ขู่เท่านั้น เหมือนกับที่บอกว่ายิงจรวดที่ถึงกรุงเทพ แต่ก็ไม่จริง ด้าน คุณวาสนา กล่าวเสริมว่า หากทหารได้รับคำสั่งให้สร้างรั้วจริง ทหารมีแผนรองรับอยู่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสดีไม่อย่างนั้นเราจะกลายเป็นลูกไล่กัมพูชาอยู่แบบนี้ ดังนั้นเราต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้ให้กัมพูชายำเกรงทหารไทยบ้าง

พล.ท.กนก พูดถึงกรณีที่ตนยังดำรงตำแหน่ง ว่าสมัยตนไม่มีรัฐบาลมาเกี่ยวข้อง เพราะตนรายงานให้ผู้บัญชาการทหารบกได้รับทราบและรับคำสั่งลงมา รัฐบาลไม่เข้ามายุ่งเลย สมัยตนไม่สนใจ ยิงเมื่อไหร่ ปิดด่านเมื่อนั้น แต่สมัยนี้ยังต้องเปิด-ปิดตามเวลา

พล.ท.กนก ยังพูดถึงการประชุม JBC ว่า การประชุม JBCเป็นลูกของ MOU43 มีแผนที่ 1:200,000 อยู่ ตนมองว่าไม่สมควร เพราะเราต้องทำให้แผนที่ 1:200,000 ที่ผิดต้องชี้แจงให้โลกได้รู้ว่าผิดจากสนธิสัญญา โดยกระทรวงการต่างประเทศต้องเป็นผู้ดำเนินการ

เมื่อถามถึงการที่ไทยมีสิทธิ์ที่จะนำเรื่องขึ้นสู่ศาลโลกได้หรือไม่นั้น พล.ท.กนก เผยว่า อย่าไป ไปก็แพ้เพราะได้มีการล็อบบี้ไว้หมดแล้ว เพราะคราวปี2556 กัมพูชาชนะ แล้วเราก็ยังสู้ไม่จริงอีกด้วย

ต่อข้อคำถามว่า อนาคตมีโอกาสที่สถานการณ์สามารถลุกลามมากยิ่งขึ้นหรือไม่ พล.ท.กนก เผยว่า เรื่องนี้มี 2 ระดับคือระดับพื้นที่ และระดับบน การเจรจาการคุยกันในระดับพื้นที่ก็พยายามเจรจาเพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลาย แต่ระดับบนก็ต้องพยายามด้วย ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ ทำให้เราเสียเปรียบทั้งนั้น โดยระดับบนมีความสำคัญและมีความเด็ดขาด และแม้แต่ข้างบนก็ยังไม่มีความเป็นหนึ่ง เพราะไม่เคยว่ากัมพูชารุกล้ำอธิปไตยเราเลย บอกแค่เพียงว่าเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ พื้นที่ทับซ้อน ตนอยากถามว่าคนที่พูดแบบนี้เป็นคนไทยหรือไม่ เพราะกัมพูชาไม่เคยคิดแบบนั้น จะคิดอย่างเดียวว่าพื้นที่เป็นของตัวเองหมด

ส่วนเรื่องพื้นที่ภูมะเขือไม่ได้มีความรุนแรงเหมือนปราสาทตาเมือนธม แต่ก็ยังคงต้องโฟกัส และมีกำลังทหารให้เพียงพอเพื่อปกป้องอธิปไตยเราเอาไว้

"พล.ท.กนก-วาสนา" แนะจุดสังเกตกับระเบิดช่องบกของใหม่-ของเก่า แนะสวนหมัด "กัมพูชา" เข้มเข้าปราสาทตาเมือนธม