"บิ๊กเต่า" เข้าพบเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ แจงพฤติกรรมอดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส มีสัมพันธ์ "สีกากอล์ฟ" หลังเจ้าตัวชิงลาสิขาไปเมื่อวาน (10 ก.ค.) ก่อนหายตัวไป
วันที่ 11 ก.ค. 2568 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. เดินทางไปที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อเข้าพบพระเทพภาวนาวชิรคุณ วิ. เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เพื่อชี้แจงข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับ อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัด ที่มีหลักฐานพัวพันกับ "สีกากอล์ฟ" ในลักษณะพฤติกรรมลึกซึ้งผิดวินัยสงฆ์จนถึงขั้นปาราชิก
หลังใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ก็เปิดเผยกับสื่อมวลชน ยืนยันว่าอดีตพระครูสิริวิรยธาดาได้สึกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะท่านรู้ตัวว่าต้องลาสิกขา และวันนี้ที่ตำรวจต้องมาพบกับเจ้าอาวาส เพราะต้องการจะพูดคุยกับผู้ช่วยเจ้าอาวาสที่สึกไป เนื่องจากแม้จะสึกไปแล้วแต่ตำรวจก็อยากจะเชิญตัวมาให้ข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อที่จะไปดำเนินการกับ "สีกากอล์ฟ" เพราะมีพฤติกรรมที่เป็นภัยกับพระพุทธศาสนา ตำรวจจึงต้องประสานงานผ่านทางวัดและเจ้าอาวาส
ส่วนหลักฐานเอกสารต่าง ๆ ตำรวจได้ประสานงานกับทางวัดอยู่ตลอดตั้งแต่ที่อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสหนีไป แต่เบื้องต้นพฤติกรรมที่อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสเจอก็คล้าย ๆ กับพระรูปอื่น คือ ถูกถ่ายรูปถ่ายคลิปให้ได้ยินเสียงพูดต่าง ๆ ออกมา แต่รายละเอียดว่าถูกสีกากอล์ฟเรียกเงินด้วยหรือไม่ ยังไม่ขอเปิดเผย เพราะเป็นเรื่องการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนสีกากอล์ฟยังมีพยานหลักฐานว่าก่อเหตุเพียงคนเดียว แต่ก็อาจจะมีผู้สนับสนุนช่วยเหลือ เช่น ขับรถพาไปส่ง เป็นเพื่อนมานั่งกินข้าวด้วยกัน ก่อนที่สีกากอล์ฟจะไปปฏิบัติการ เมื่อเสร็จก็พากลับมาส่ง เป็นต้น แต่ยังไม่พบลักษณะการจ้างให้หญิงอื่นไปก่อเหตุเพื่อแบล็กเมล์พระ
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ตอนนี้จะดำเนินการเรื่องวินัยสงฆ์ก่อน ส่วนคดีอาญาดำเนินการตามมาภายหลังได้ ซึ่งหลังจากนี้ตำรวจก็จะต้องไปพบเจ้าอาวาสทุกวัด หรือคนสนิทของพระที่สึกไป เพื่อให้ช่วยประสานขอความร่วมมือกับพระทุกรูปให้เข้าให้ข้อมูลแต่ ณ เวลานี้ เหตุเพิ่งเกิดน่าจะเป็นช่วงที่แต่ละรูปกำลังตั้งสติอยู่ จึงไม่รู้ว่าจะให้ความร่วมมือหรือไม่ แต่ตำรวจก็จะพยายามประสาน ส่วนจะถึงขั้นมีหมายเรียกใด ๆ หรือไม่ ก็ต้องขอดูตามพยานหลักฐานที่จะสามารถกระทำได้ก่อน อะไรที่เจรจาแล้วสามารถนำข้อมูลมาเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีก็จะทำ และวันนี้ก็ได้รับความร่วมมือที่ดีจากเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ ร่วมถึงผู้ประสานงานติดต่ออดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส และคาดว่าจะมีการเจรจากันหลังจากนี้ เพื่อจะเกลี่ยกล่อมให้อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจ เพราะสีกากอล์ฟ ถือว่าเป็นภัยต่อสถาบันพุทธศาสนา หากปล่อยให้อยู่ต่อไปก็จะไปสร้างความเสียหายอีกมาก แต่ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งพระและสีกากอล์ฟ
ด้าน พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก ไวยาวัจกรวัดโสธรฯ เปิดเผยว่าวันนี้ “บิ๊กเต่า” เข้าพบเจ้าอาวาส เพื่อชี้แจงพฤติกรรมของ อดีตพระครูสิริวิริยธาดา เพราะที่ผ่านมาเจ้าอาวาสไม่ได้ทราบรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย ทราบเฉพาะที่ปรากฏผ่านสื่อมวลชนอย่างเดียว แต่ยอมรับว่า เจ้าอาวาสเคยพบสีกากอล์ฟ เมื่อปี 2565 เพราะอดีตพระครูสิริวิริยธาดา เคยพาสีกากอล์ฟมาถวายสังฆทานที่กุฏิ แต่ก็เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่เจออีกเลยเพราะเมื่อถวายสังฆทานเสร็จก็ต่างฝ่ายต่างแยกย้าย ไม่รู้ว่าสีกากอล์ฟได้มาที่วัดอีกหรือไม่ และแม้ในวัดจะมีกล้องวงจรปิดหลายจุด แต่บริเวณกุฏิของอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ไม่ได้มีกล้องวงจรปิด
ส่วนวันนี้ทางวัดก็ไม่ได้มอบเอกสารข้อมูลใด ๆ เป็นเพียงแค่ตำรวจมาขอความร่วมมือให้เจ้าอาวาสและไวยาวัจกรช่วยติดต่ออดีตพระครูสิริวิริยธาดา ให้กลับมาให้ข้อมูลเพราะตำรวจเชื่อว่าสีกากอล์ฟกระทำพฤติการณ์ลักษณะนี้กับพระหลายรูป ล่อแหลมไปทางผิดกฎหมาย ลักษณะคล้ายกรรโชกทรัพย์เช่น “เจ้าคุณอาชว์” แต่ที่ผ่านมายังไม่มีพระรูปไหนให้ข้อมูลเลย ซึ่งเจ้าอาวาสก็ไม่สามารถติดต่ออดีตพระครูสิริวิริยธาดาได้ มีเพียงอดีตพระครูสิริวิริยธาดาที่ส่งข้อความและรูปมาให้พระเลขาเจ้าอาวาส ว่าสึกแล้วที่จังหวัดชัยภูมิ
นอกจากนี้ไวยาวัจกรยืนยันด้วยว่า อดีตพระครูสิริวิริยธาดามีหน้าที่อบรมและเทศนา ไม่ได้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการเงินของวัด และเรื่องการเงินของวัดจะมีระบบดูแลที่หนาแน่น เพราะมีไวยาวัจกร 2 คน ที่เป็นอดีตผู้จัดการธนาคาร จะดูแลเส้นทางการเงินของวัด โดยมีนโยบายเน้นให้ญาติโยมสแกน QR Code เพื่อทำบุญ หรือถ้าเป็นเงินสด ทางธนาคารจะต้องมารับเงินจากที่วัดในทุกเย็นของทุกวัน ดังนั้นไม่มีทางที่เงินจะรั่วไหลไปสู่บัญชีของพระรูปใดรูปหนึ่งหรือไปถึงสีกากอล์ฟแน่นอน
ทั้งนี้หลังเป็นข่าวเจ้าอาวาสก็ไม่ได้เครียด เพียงแค่รับทราบข้อมูลที่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องชื่อเสียงของวัดก็มองว่าไม่ได้กระทบ เพราะมันเป็นเรื่องของบุคคล ไม่ได้เกี่ยวกับวัด