"เต้" พ่อเลี้ยงรับสารภาพแล้ว อ้างน้องขงเบ้งเสียงดัง ผลักหงายหลัง ศีรษะกระแทกพื้นเสียชีวิต ตร.คุมตัวทำแผนภายในบ้านย่านบางบัวทอง
วันที่ 7 กรกฎาคม 2568 เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ควบคุมตัวนายธนวัฒน์ หรือ เต้ อายุ 24 ปี แฟนใหม่ของแม่น้องขงเบ้ง มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพภายในบ้านพักที่เกิดเหตุ ในพื้นที่ตำบลบางบัวทอง อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี หลังจากเจ้าหน้าที่ใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 6 ชั่วโมง
ขณะตำรวจคุมตัวนายเต้เข้าบ้านพัก เจ้าตัวไม่ให้สัมภาษณ์หรือพูดคุยกับสื่อมวลชนแต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้นำหมวกกันน็อก เสื้อกันกระสุน และตุ๊กตาของเด็กที่เสียชีวิต มาที่บ้านดังกล่าว พร้อมกันพื้นที่บริเวณหน้าบ้านและรอบๆ จุดเกิดเหตุอย่างเข้มงวด เพื่อเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติม
นายธนวัฒน์ ให้การรับสารภาพกับตำรวจว่า ขณะเกิดเหตุ ตนกำลังนอนเล่นอยู่ข้างคอกเด็ก น้องขงเบ้งส่งเสียงร้องดังและยืนเกาะคอกกั้น ตนจึงลุกขึ้นแล้วใช้สองมือผลักไหล่ของน้องอย่างแรง ทำให้น้องหงายหลังล้มลง พื้นที่ตรงจุดที่ล้มมีเพียงผ้ารองนอนบางๆ และหมอน แต่ศีรษะของน้องไปกระแทกกับส่วนที่ไม่มีหมอนรองรับ กระแทกพื้นอย่างแรง น้องขงเบ้งนอนหงายร้องไห้ ตนจึงรีบอุ้มมาโอ๋เพื่อให้เงียบ แต่พบว่ามือน้องกำแน่นและเริ่มมีอาการชักเกร็ง ตนจึงรีบวางลงบนที่นอน จากนั้นค้นหาข้อมูลทางโทรศัพท์ดูว่าน้องเป็นอะไร ก่อนโทรแจ้งภรรยาซึ่งเป็นแม่ของเด็ก
พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานชัดเจน ยืนยันตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว แต่ในเรื่องของข้อหายังต้องหารือกับแพทย์และพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม โดยจากการสอบปากคำ นายเต้ ยอมรับว่าทำร้ายร่างกายเด็กจริง สาเหตุเพราะเด็กส่งเสียงร้องดังรบกวน จึงเกิดความโมโหผลักเด็กจนล้ม ศีรษะด้านหลังไปกระแทกกับพื้น เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เสียชีวิต
ส่วนบาดแผลรอยจ้ำตามร่างกายและบาดแผลอื่นๆ ผู้ต้องหายังไม่รับสารภาพว่ามีการทำร้ายเพิ่มเติม ต้องรอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ประกอบอีกครั้ง ซึ่งทางครอบครัวนี้อยู่ด้วยกันมาประมาณ 3 เดือน เหตุการณ์ทำร้ายเกิดบนชั้นสองของบ้าน และจากหลักฐานที่พบทั้งทางนิติวิทยาศาสตร์และภาพจากกล้องวงจรปิดที่ไม่มีบุคคลอื่นเข้าออกบ้านช่วงเวลาที่เด็กเสียชีวิต สอดคล้องกับคำให้การของผู้ต้องหาว่า เหตุเกิดช่วงเวลา 18.00-20.00 น.
ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี พ่อแท้ๆ ของนายธนวัฒน์ เดินทางมาที่บ้านเกิดเหตุ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ตนเสียใจและขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าลูกชายเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย แต่ยอมรับว่าลูกมีอารมณ์ร้อน และคาดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นการพลาดพลั้ง ไม่ได้มีเจตนาฆ่าน้องขงเบ้ง
ตนขอโทษทุกคน และต้องโทษตัวเองที่อบรมลูกไม่ดี ผิดก็ต้องยอมรับตามกฎหมาย ยืนยันว่าลูกตนไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด อยากกราบขอโทษครอบครัวฝ่ายเด็ก ขอให้อโหสิกรรมให้กับลูกของผมที่พลาดพลั้งไป
นายเอ กล่าวทั้งน้ำตา พร้อมเผยว่า ก่อนหน้านี้ลูกชายมีอาชีพทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และตนตั้งใจจะเดินทางไปร่วมงานศพของน้องขงเบ้งด้วย เพื่อแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง พร้อมเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่ หลังจากให้สัมภาษณ์ นายเอ ได้ยกมือไหว้และกราบขอขมา น.ส.ศิริญญา หรือ อาย อายุ 25 ปี แม่ของเด็ก ซึ่งอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจอย่างหนัก โดยฝ่ายแม่น้องขงเบ้งไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อแต่อย่างใด
ด้านนางแต้ม อายุ 46 ปี เพื่อนบ้าน เล่าว่า ตนมีบ้านอยู่ติดกับบ้านหลังที่เกิดเหตุ เคยได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ และบางครั้งก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกับผู้ชายทะเลาะกันเสียงดัง แต่เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก โดยเฉพาะเวลาที่ตนเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่ติดกับบ้านฝั่งนั้น จะได้ยินเสียงชัดเจน
นางแต้ม เล่าต่อว่า เมื่อประมาณสองถึงสามวันก่อนเกิดเหตุ ลูกของตนเองก็เคยได้ยินเสียงเด็กร้องไห้เสียงดังเป็นเวลานาน ประมาณช่วง 2-3 ทุ่ม ซึ่งเป็นช่วงที่แม่ของเด็กไม่อยู่บ้าน เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้คนในบ้านรู้สึกเครียด เพราะผู้ชายที่อยู่บ้านหลังนั้นไม่ยอมทำงาน กลางวันจะนอนเงียบๆ แต่พอตกกลางคืนมักจะเปิด-ปิดประตูเสียงดัง จนบางครั้งเสียงดังถึงขนาดบ้านสะเทือน ทำให้คนในบ้านพักผ่อนไม่ได้ บางคืนเสียงดังรบกวนถึงตี 3 ตี 4 ตอนนั้นก็คิดอยากจะโทรแจ้งเจ้าของบ้านเช่าเหมือนกัน แต่ก็อดทนไว้ ไม่ได้ทำอะไร
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า ช่วงเวลาที่เด็กเสียชีวิตมีคนได้ยินเสียงเด็กร้องไห้นั้น ตอนนั้นขณะเกิดเหตุ ตนเองนั่งอยู่ที่บ้านชั้นล่าง แต่ไม่ได้ยินเสียงเด็กร้อง ได้ยินเพียงเสียงสุนัขเห่าเท่านั้น
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบสารเสพติดในร่างกายนายเต้ ไม่พบสารเสพติดหรือสารเมทกัญชาแต่อย่างใด ส่วนประวัติอาชญากรรมและข้อมูลอื่นๆ อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม โดยเบื้องต้นได้พิจารณาแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย อย่างไรก็ตาม ข้อกล่าวหาดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาตามพฤติการณ์ และจะต้องรอผลการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ประกอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนแจ้งข้อกล่าวหาตามพยานหลักฐานที่ชัดเจนต่อไป