"จตุพร" พร้อมแกนนำ ย้ำจุดยืนไม่เอารัฐประหาร เตรียมจัดชุมนุมกระจายทุกภาค ส่วนชุมนุมใหญ่อีกครั้งคาดกลางเดือน ส.ค.นี้
วันที่ 1 ก.ค. 2568 ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) สรุปรายละเอียดกิจกรรมชุมนุมเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ในภาพรวมถือว่าเป็นการแสดงพลังที่มีคุณค่าต่อประเทศไทย ที่ประชาชนนำธงชาติไทยมาโบกสะบัดและร้องเพลงชาติไทยไปพร้อมๆ กัน ส่วนการรักษาความปลอดภัยก็เป็นไปได้ดี งานชุมนุมในวันดังกล่าวจึงถือเป็นการรวมพลังแผ่นดินครั้งใหญ่ของประชาชนทุกภาคส่วน ส่วนครั้งต่อไปกิจกรรมจะเข้มข้นขึ้นและจะพยายามจัดเวทีให้ครบทุกภูมิภาค
ต่อมา นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เปิดเผยว่า การชุมนุมที่ผ่านมา ประชาชนมาร่วมด้วยตนเองโดยไม่มีการจัดตั้ง ก่อนการชุมนุมมีการกล่าวหาว่าการจุดชุมนุมจะเป็นการปูทางให้การรัฐประหาร ซึ่งตนเองและแกนนำได้แถลงชัดเจนว่าไม่เอารัฐประหาร มีข้อเรียกร้องเพียง 3 ข้อ เท่านั้น คือ นายกฯ ต้องลาออก, พรรคร่วมรัฐบาลต้องถอนตัว และปกป้องอธิปไตยของชาติ
นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาชนไม่เห็นด้วยกับการที่ประธาน สว. ยื่นเรื่องร้องเรียนไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงที่พรรคภูมิใจไทยยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ในประเด็นเรื่องความมั่นคงของชาติ กรณีคลิปเสียงหลุดและพฤติกรรมต่างๆ แต่จนถึงตอนนี้พรรคประชาชนยังไม่เห็นชอบ จึงอยากถามว่าพรรคประชาชนเป็นฝ่ายไหนกันแน่ เพราะการที่ประชาชนออกมาชุมนุมเรียกร้องให้นายกฯ ลาออก พรรคประชาชนกลับเรียกร้องให้ประชาชนถอนตัวจากการชุมนุม จึงอยากให้ไปทบทวนให้ดี อย่าใส่ความว่าประชาชนเรียกร้องรัฐประหาร
ส่วนทิศทางการชุมนุมหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ รวมถึงเวทีต่างจังหวัด จะเลือกจังหวัดที่มีความพร้อม เช่น สามารถรวบรวมประชาชนได้ หรือในระหว่างนี้หากเกิดสถานการณ์ฉับพลันใน กทม. ก็จะแถลงข่าวและนัดหมายกันเป็นระยะ ส่วนเวทีใหญ่คาดว่าจะจัดอีกครั้งกลางเดือนสิงหาคมนี้
ด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เปิดเผยว่า ตนเองได้รับมอบจากนายสนธิ ลิ้มทองกุล ให้มาย้ำจุดยืนของกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิบไตยว่า ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร และยังยืนยันใน 2 ข้อเรียกร้องหลัก คือ นายกรัฐมนตรีต้องลาออกจากตำแหน่ง และพรรคร่วมรัฐบาลต้องถอนตัว ซึ่งเป็นจุดยืนตรงกัน
นายปานเทพ ยังชี้แจงถึงกรณีที่มีคนด้อยค่าว่า การชุมนุมของกลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ มีนายทุนหนุนหลัง โดยตั้งแต่เปิดรับบริจาคจนถึงขณะนี้มียอดบริจาครวมกว่า 30 ล้านบาท เมื่อหักค่าใช้จ่ายจากการชุมนุมที่ผ่านมา มีเงินบริจาคที่จะมอบให้ส่วนต่างๆ กว่า 28 ล้านบาท คือ กองทัพภาคที่ 1 จำนวน 1,100,000 บาท และกองทัพภาคที่ 2 ประมาณ 27 ล้านบาท โดยจะจัดซื้ออากาศยานไร้คนขับลาดตระเวนป่าไม้ในเวลากลางคืน และได้เตรียมเงินไว้ 11 ล้านบาท รวมถึงสาธารณูปโภคเพื่อความปลอดภัยของทหาร เช่น ห้องน้ำสำเร็จรูปไฟเบอร์กลาส รถตัดหน้าขุดหลังล้อยาง และรถขุดบางรุ่น ซึ่งจัดสรรตามที่กองทัพได้เสนอมาทั้้งสิ้นกว่า 10 ล้านบาท และยังมีเครื่องปั่นไฟ แบตเตอรี่ โซลาเซลล์ และสายไฟอีกหลายชนิด