ศธ.เร่งสอบปมครูสาววัย 39 ปี รร.แห่งหนึ่งใน อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ จบชีวิต-เขียนจดหมายตัดพ้อ เครียดระบบงาน

ความคืบหน้า เหตุสลด! คุณครูสาว วัย 39 ปี ตัดสินใจปลิดชีพ พร้อมเขียนจดหมายลาตาย ตัดพ้อ เหนื่อยกับระบบบริหารการเงินในโรงเรียน คนเดียวทำหลายหน้าที่ เวลาเกิดปัญหา ก็โบ้ยความผิดมาให้ ฝากถึงกระทรวงศึกษาธิการ เห็นใจหัวอกครูการเงิน-พัสดุด้วย

ล่าสุด เพจข่าวครู พร้อมใจกันชวนแต่งชุดดำไว้อาลัย ขณะที่ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สั่งสอบด่วน หวังเป็นเคสสุดท้าย

ญาติร่ำไห้ดูศพ น.ส.อนุสรา ชวนรัมย์ หรือ ครูมัท วัย 39 ปี ที่ตัดสินใจปลิดชีพตัวเอง พร้อมทิ้งจดหมายสั่งเสียในบ้านพัก ที่บ้านสี่เหลี่ยมใหญ่ หมู่ 3 ต.หนองบัวโคก อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ โดยในซองจดหมายเขียนระบาย ยาวถึง 5 หน้ากระดาษ หน้าที่ 1 – 4 เขียนถึง พี่สาว ที่เป็นครู, ลูกสาววัย 10 ขวบ และ พ่อแม่ ส่วน หน้าที่ 5 เป็นชนวนเหตุแห่งการตาย

“ข้าพเจ้าขอลาทุกคนบนโลกใบนี้ ไปด้วยความไม่สบายกาย และไม่สบายใจ ด้วยมีปัญหาในการเรื่องการทำงาน การเงิน การบัญชี ซึ่งข้าพเจ้าได้ทำงานคั่งค้าง ทำให้พอกพูนจนแก้ไขได้ยาก แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะข้าพเจ้าเพียงคนเดียว แต่เป็นเพราะเกิดจากกระบวนการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพภายในโรงเรียน การทำงานไม่เป็นระบบ ให้เบิกเงินก่อน เคลียร์เอกสารทีหลัง และก็นิ่งเฉยไม่มีใครมาเคลียร์ให้ อันไหนเคลียร์เองได้ก็ดีไป แต่อันไหนเคลียร์ไม่ได้ก็ต้องมานั่งเครียดเอง จนหัวจะระเบิด ไมเกรนแทบทุกวัน ข้าพเจ้าเหนื่อยกายกับการทำงานนี้มาก สุขภาพก็ไม่ดีสะสมมาเรื่อยๆ สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจจากโลกนี้ไปก็เพราะเพื่อนร่วมงานที่จัดการ สั่งการมาโดยตลอด แต่พอถึงเวลามีความผิด กลับบอกว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้อง นั่นก็คือครู…(ระบุชื่อ) ส่วน ผอ.ที่ย้ายมาแต่ละคนก็ไม่เคร่งครัดเรื่องการเงินเลย ไม่มีความรู้ด้านการเงิน ใช้เงินไม่ถูกต้อง แต่พอมีความผิดอ้างว่าเราเป็นคนทำ ข้าพเจ้าขอโทษต่อเพื่อนร่วมงานท่านอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง ข้าพเจ้าไม่สามารถทำงานนี้ต่อไปอีกได้แล้ว ถ้าอยู่ต่อไปคงพิการ หรือเส้นเลือดในสมองแตกตาย ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้กับทุกคน ขออย่าให้ร้ายกัน ในวันที่ข้าพเจ้าไม่สามารถโต้แย้งใดๆ ได้ ส่วนที่ผิดขอน้อมรับ แต่ส่วนที่ไม่ใช่ก็ขออย่าใส่ร้ายกันเลย ฝากถึงกระทรวงให้ช่วยเห็นใจครูการเงินและพัสดุด้วยนะคะ อย่าให้ต้องทำงานหนักและเสี่ยงชีวิตแบบนี้เลย ลาก่อน”


ด้านนายสุพจน์ ชวนรัมย์ อายุ 68 ปี พ่อครูมัท บอกว่า ก่อนหน้านี้ลูกสาวไม่สบาย ถ้าลูกสาวไม่เขียนจดหมายสั่งเสียแบบนี้ คงไม่ทราบสาเหตุ เพราะลูกเป็นคนไม่ค่อยพูด

น.ส.อทิตยา ชวนรัมย์ หรือ ครูมด พี่สาวผู้เสียชีวิต บอกว่า น้องสาวเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ชั้น ป.1-ป.3 และมีงานพิเศษเป็นครูการเงิน ที่ผ่านมา ไม่เคยระบายเรื่องงานให้ครอบครัวฟัง กระทั่ง คิดสั้น เขียนจดหมายลาตาย จึงทราบสาเหตุเกิดจากความเครียดการทำงาน ไม่สามารถแก้ปัญหาและไม่มีใครสามารถช่วยเหลือได้ ยอมรับว่า โกรธบุคคลที่เกี่ยวข้องในจดหมายตามที่น้องสารระบุ อยากให้มาชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าจริงหรือไม่ ส่วนผู้อำนวยการโรงเรียน อ้างกับครอบครัวว่า เคยถามครูมัท แล้วมีปัญหาอะไรหรือไม่ แต่ก็ไม่เคยแจ้งปัญหาให้ทางโรงเรียนทราบ อยากให้หน่วยงานเกี่ยวข้องเข้ามาดูแล เพราะองค์กรเพียงแค่เสียบุคลากร หาคนใหม่เข้ามาแทนได้ แต่ครอบครัวไม่สามารถหาน้องสาวคนใหม่มาแทนได้

ทีมข่าวได้คุยกับ เพื่อนครู แต่อยู่ต่างโรงเรียน ขณะนางเอ (นามสมมุติ) เพื่อนครูต่างโรงเรียน บอกว่า ครูมัท เคยโทรศัพท์มาปรึกษาหลายเรื่อง เช่น ครูในโรงเรียนเขียนโครงการเบิกเงินไปใช้แล้ว ไม่นำใบเสร็จมาส่งให้ ทำให้เกิดปัญหาตามว่า เท่าที่ทราบวันนี้ (17 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่การเงิน ของสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3 จะลงพื้นที่ตรวจสอบ อาจทำให้ครูมัท เครียดมากจนคิดสั้น

ด้าน นายปราโมทย์ พรหมบุบผา ผู้อำนวยการโรงเรียน เดินทางมาที่งานศพ และ บอกว่า ผอ. มารับตำแหน่งช่วงปลายปี 2565 ตอนนั้น ครูมัท ทั้งสอนหนังสือและยังทำหน้าที่ครูการเงินของโรงเรียนอยู่ก่อนแล้ว หากมีปัญหาน่าจะมาปรึกษา อาจมีแนวทางแก้ไขได้ แต่เจ้าตัวกลับเลือกวิธีอัตวินิบาตกรรมเพื่อจบปัญหา

 

 

ล่าสุด ตัวแทนจาก กระทรวงศึกษาธิการ ทราบเรื่องนี้แล้ว โดย นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะโฆษก ศธ. โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก บอกว่า ศธ. สั่งสอบกรณี ครูมัท เครียดงานจนคิดสั้น – เร่งลดภาระครู หวังเป็นเหตุสุดท้าย

โดย นายสิริพงศ์ ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว จากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แล้ว ซึ่งทราบว่าสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) จะตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นถึงระบบ บริหารจัดการการทำงานภายในโรงเรียนว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร

ซึ่ง พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการศธ. มีความห่วงใยและขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยที่ผ่านมา ศธ.ก็ต้องยอมรับว่าภาระงานของครูก็มีอยู่ในหลายมิติที่มีจำนวนมาก ซึ่ง ศธ. เองก็จะพยายามลดภาระงานครูเหล่านั้นให้ได้มากที่สุด แม้ศธ.จะมีนโยบายเรื่องการลดภาระงานครู แต่ตลอดสองปี ที่ผ่านมากลับยังคงมีอยู่โดยที่เป็นปัญหาส่วนมากจะเกิดขึ้นกับโรงเรียนขนาดเล็ก เรื่องของอัตรากำลังที่มีไม่มีเพียงพอ ครูจะต้องทำหน้าที่เข้ามาบริหารงบประมาณ จึงทำให้เกิดความกังวลเมื่อเวลามีปัญหาในการจัดซื้อจัดจ้าง ดังนั้นเมื่อเร็วๆ นี้ สพฐ.จึงมีแนวทางแก้ปัญหาการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กที่มีครูไม่ถึง 10 คนที่ต้องบริหารจัดการงบอาหารกลางวันจะมอบหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ดำเนินการแทน นายสิริพงศ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีแนวคิดที่จะของบประมาณในการจ้างธุรการด้วย เพื่อให้ครูได้ทำหน้าที่สอนเพียงอย่างเดียว โดยที่ไม่ต้องมารับหน้าที่ทำงานในด้านที่ตัวเองไม่ถนัด

ขณะเดียวกันผู้บริหารโรงเรียนจะต้องมาอบรมทำความเข้าใจในเรื่องของการบริหาร ไม่ว่าจะเป็นบริหารงานบุคคล บริหารงานวิชาการ บริหารงานด้านการเงิน เพราะเรื่องเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นความรู้ที่ผู้บริหารโรงเรียนจำเป็นจะต้องมีติดตัวทั้งสิ้น ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดว่าผู้บริหารสถานศึกษาไม่มีความรู้เหล่านี้ก็จะเป็นที่ปรึกษาให้แก่ครูไม่ได้ ดังนั้นศธ.จึงไม่อยากให้มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นมาอีก และหวังว่ากรณีของครูมัทจะเป็นกรณีสุดท้าย


ขณะ เพจครูขอสอน [เครือข่ายเพจครูและการศึกษา ขอเชิญชวนแต่งชุดดำร่วมไว้อาลัยครูมัทและเรียกร้องศธ.ทบทวนปัญหาภาระงานครู] จากกรณี “ครูมัท” ได้เขียนจดหมายฉบับสุดท้ายก่อนเสียชีวิตเล่าถึงความเครียดที่ต้องเผชิญอย่างหนัก จากเรื่องการทำงาน การเงิน การบัญชี ที่เธอต้องอยู่กับงานที่คั่งค้างและแก้ไขได้ยาก ซึ่งเป็นผลมาจากกระบวนการที่ไม่มีประสิทธิภาพภายในโรงเรียน เพื่อเป็นการไว้อาลัยต่อการจากไป และเป็นการแสดงจุดยืนต่อวิชาชีพครู และต่อเพื่อนร่วมวิชาชีพ ที่ต้องเผชิญกับปัญหาภาระงาน และระบบที่ไม่เอื้อต่อการทำหน้าที่ครู ให้กระทรวงศึกษาธิการและผู้ที่เกี่ยวข้องทบทวนแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน จึงขอเชิญชวนร่วมแต่งชุดดำ ตลอดสัปดาห์นี้ แสดงพลังต่อสู้ความไม่เป็นธรรมจากระบบที่กดทับครู ขอแสดงความเสียใจและขอให้ผู้เสียชีวิตไปสู่สุคติ


ล่าสุด เช้าวันนี้ ผู้สื่อข่าว เดินทางไปที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์เขต 1 แต่ไม่พบ ผอ. เขต เบื้องต้นได้ให้ข้อมูลว่า ทาง ดร.กัญจนา สัตตรัตนำพร ผู้อำนวยบการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา บุรีรัมย์ เขต 1 ได้เดินทางไปงานศพ เมื่อวาน วันที่ 16 มิ.ย.58 ช่วงเย็นที่ผ่านมา พร้อมมอบพวงหรีดแสดงความเสียใจกับทางครอบครัว และมอบเงินกองทุนสวัสดิการช่วยเหลือนักเรียนและข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ช่วยเหลือแล้วเบื้องต้น และได้รายงานข้อมูลกับ ศธ. เรียบร้อย

การเสียชีวิตของครูมัท กลายเป็นเรื่องสะเทือนความรู้สึก ทั้งต่อ กระทรวงศึกษาธิการ และ พ่อแม่ผู้ปกครอง นางสาว วรรณภา สีวันทา อายุ 48 ปี ชาวบ้าน กล่าวว่า รู้สึก เสียดายและเสียใจที่ต้องสูญเสียครูที่ดีไปอีกหนึ่งคนเพราะระบบการจัดการบริหารของโรงเรียน ส่วนตัวก็อยากจะให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งจัดการแก้ไขปัญหาบุคลากรครูที่ถูกใช้งานแบบผิดวิธีโดยเฉพาะการเงินซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนควรจะมีผู้มีความรู้ความสามารถด้านบัญชีโดยตรงมาควบคุม

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายเกลี้ยง เกิดช่อ อายุ 65 ปี ประธานสถานศึกษา ประจำโรงเรียน ที่ครูมัทสอน กล่าวว่า ถ้าเป็นไปได้อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเห็นปัญหาของครู และเปิดรับเจ้าหน้าที่เฉพาะทางด้าน ดูแลเกี่ยวกับด้านการเงิน และพัสดุ โดยตรง เพราะจะได้แก้ปัญหาในส่วนนี้ ครูก็จะได้รับผิดชอบการสอนให้เต็มที่