"อ.ปานเทพ" เรียกร้องไทยเปิดเอกสารลงนามหลังประชุม JBC จี้นายกฯตอนนี้ไม่ได้ช้า แต่ไม่ทำ ลั่นสนับสนุนทหารประกาศกฎอัยการศึก ถ้าพบผู้นำทั้ง 2 ประเทศเอื้อกัน

"อ.ปานเทพ" เรียกร้องไทยเปิดเอกสารลงนามหลังประชุม JBC จี้นายกฯตอนนี้ไม่ได้ช้า แต่ไม่ทำ ลั่นสนับสนุนทหารประกาศกฎอัยการศึก ถ้าพบผู้นำทั้ง 2 ประเทศเอื้อกัน


วันนี้ 16 มิ.ย. 68 อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน แถลงข่าวเกี่ยวกับปมข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา โดยเปิดเผยว่าตนเองมีข้อห่วงใยและข้อสังเกตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายประเด็น / ประเด็นแรกคือก่อนการประชุม JBC และก่อนเข้าประชุมเวทีใหญ่มีความคลุมเครือตั้งแต่แรก โดยเฉพาะกรณีประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย ซึ่งเป็นข้าราชการที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว แต่รัฐบาลเลือกให้กลับมาเป็นประธาน JBC ซึ่ง นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ได้ท้วงติงก่อนหน้านี้ รวมถึงเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนตัว แต่รัฐบาลยังนิ่งเฉย นั่นหมายความว่าถ้าผลลัพธ์เป็นอย่างไรรัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบด้วย

และยังมีข่าวจากนายวีระอีกว่าข้อความในไลน์กลุ่มที่มีประธานคณะ กมธ. อยู่ด้วย ยึดมั่นในแผนที่มาตราส่วนหนึ่งต่อสองแสน ซึ่งเป็นอันตรายมากเพราะแผนที่ดังกล่าวมีการรุกล้ำเกินขอบหน้าผาตามเขตแดนและแนวสันปันน้ำหลายพื้นที่ โดยอ้างว่าฝ่ายไทยจะได้เปรียบกว่า 100 ตารางกิโลเมตร ซึ่งหากฝ่ายไทยมีแผนที่หนึ่งต่อสองแสน และจะรุกเข้าไปฝั่งกัมพูชาจะเป็นพื้นที่ราบหรือหุบเหว ซึ่งเราไม่สามารถเข้าไปได้ ดังนั้นเมื่อมีข้อเรียกร้อง ปรากฏว่าจนถึงตอนนี้รัฐบาลก็ยังไม่ได้ตรวจสอบประเด็นนี้

และเมื่อประชุมกันเสร็จแล้วฝ่ายไทยกลับยอมให้มีการแถลงข่าวแยกแทนที่จะแถลงพร้อมกันให้ได้ข้อยุติเพื่อทำให้เกิดความสงสัย แต่กลับมีข่าวออกมาว่าประธานทั้งสองฝ่ายลงนามในบันทึกการประชุมครั้งนี้แล้วแต่ไม่เปิดเผย และยังฉลองด้วยการชนแก้วแชมเปญ แสดงความยินดีต่อกันและกันทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา ซึ่งการไม่เปิดเผยทำให้เกิดข้อสงสัยในบันทึกที่เกิดขึ้นว่าเซ็นอะไร และทำให้เห็นว่าฝ่ายไทยเพลี่ยงพล้ำ รู้ไม่เท่าทันฝ่ายกัมพูชาที่ปล่อยให้แถลงข่าวก่อน

ซึ่งเหตุผลข้างต้นอาจารย์ปานเทพมองว่าสถานการณ์เป็นอันตราย จึงขอเรียกร้องให้เปิดเผยเอกสารการประชุมที่ลงนามระหว่างไทย-กัมพูชา ขอให้เปิดเผยวิดีโอหากมีการบันทึกไว้ขณะประชุม และขอให้เปลี่ยนตัวประธาน JBC คนปัจจุบัน ให้ผู้ที่มีความรู้ และรู้ทันกัมพูชามาทำหน้าที่แทน

รวมถึงเรียกร้องขอให้ยกเลิก MOU 2543 ทางบกทั้งหมด และให้ JBC ประชุมกันใหม่อีกครั้งเกี่ยวกับบันทึกความเข้าใจที่ตกลงกันโดยไม่ให้ฝ่ายไทยเสียเปรียบหรือถูกตีความว่าไทยยอมรับแผนที่มาตราส่วนหนึ่งต่อสองแสน รวมถึงขอให้ยกเลิก MOU 2544 เรื่องเขตแดนหรือเส้นไหล่ทวีปทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา เนื่องจากไม่มีข้อพิพาทหรือทับซ้อนจากเส้นมัธยฐานตามกฎหมายทะเลสากล แต่ไปยึดเส้นมัธยฐานของไทยตามพระบรมราชโองการ และไปยอมรับการเจรจาในสิ่งที่กัมพูชาเรียกร้องให้เส้นไหล่ทวีป รุกน่านน้ำภายในรอบเกาะกูดและบริเวณโดยรอบ

และขออย่าแทรกแซงการตัดสินใจของฝ่ายกองทัพ ไม่ว่าจะเป็นการเปิด-ปิด ด่าน เมื่อสภาความมั่นคงแห่งชาติมอบอำนาจให้กองทัพ รัฐบาล ซึ่งมีผลประโยชน์ทับซ้อนและมีความสัมพันธ์เชิงญาติกับอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชาต้องไม่แทรกแซงเรื่องนี้