เปิดข้อมูล "สีกาเก็น" สาวนายหน้าเว้บพนัน มีของดีแบล็กเมล์รีดไถ "เจ้าคุณแย้ม" พบเดือนเดียวสูบไป 80 ล้านบาท

วันที่ 17 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานความคืบหน้าทางคดียักยอดเงินวัดไร่ขิง 300 ล้าน จากตำรวจชุดทำคดี เปิดเผยว่า ผลการสอบปากคำ "เจ้าคุณแย้ม" อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง มีความคืบหน้าไปเยอะ ซึ่งตอนนี้ทางตำรวจอยู่ระหว่างการรื้อบัญชีของเจ้าคุณแย้ม และบัญชีวัดมาตรวจสอบเพราะบัญชีนั้นมีเยอะมาก ได้ประสาน สตง. ปปง. สำนักพุทธ ให้เข้าตรวจสอบเรื่องการเงินวัดทั้งหมด เนื่องจากภายในวัดมีตู้บริจาคและการซื้อดอกไม้ธูปเทียนที่มีรายได้เข้าวัดทุกวันจำนวนมาก ที่ถูกโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของเจ้าคุณแย้มโดนตรง ก่อนจะมีโอนไปยังบัญชีของคนสนิท ซึ่งจากการตรวจสอบยังพบอีกว่ามีการนำเงินบางส่วนไปซื้อรถหรูมาให้เจ้าคุณแย้มใช้ส่วนตัวอีกด้วย




จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่า เจ้าคุณแย้มโอนเงินไปให้ นายเอกพจน์ คนสนิทเป็นพระลูกวัด 300 ล้านบาท และมีเส้นเงินปริศนาที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบโอนมาให้นายเอกพจน์อีก 200 ล้านบาท และคนใกล้ชิดเจ้าคุณแย้ม ซึ่งเป็นชายภายในวัดอีก 60 ล้านบาท โดยชายปริศนาคนนี้เข้ามาประจบเจ้าคุณแย้มตอนเป็นพระแล้วบอกว่ามีเงินมีรถมาให้เจ้าคุณแย้มใช้




แต่อย่างไรก็ตามตัวเลข 300 ล้านบาท ที่ตำรวจมีการสืบทราบอยู่ในระยะเวลาเพียงแค่ 1-2 ปี แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลา 4 ปี ตั้ง 2563 ดังนั้นยอดเงินจึงยังไม่นิ่ง และเชื่อว่ามีมากกว่า 300 ล้านบาทอย่างแน่นอน โดนเฉพาะ บัญชี น.ส.อรัญญาวรรณ ที่ สอท. จับในช่วงปี 2567 คดีเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ ที่คาดว่าจะมีการแบล็กเมล์เจ้าคุณแย้ม และเชื่อว่า น.ส.อรัญญาวรรณ น่าจะมีของดี ที่ทำให้เจ้าคุณแย้มอยู่ในการควบคุมและรีดไถเงิน ซึ่งจากข้อมูลที่บันทึกพบว่า เจ้าคุณแย้ม เริ่มมีการพูดคุยแทะโลมกับ น.ส.อรัญญาวรรณ ตั้งแต่ปี 2563


ข้อมูลเบื้องต้นเส้นทางการเงิน เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบบัญชีระหว่างเจ้าคุณแย้มกับ น.ส.อรัญญาวรรณ ในปี 65-66 พบว่าปี 2566 แค่ภายใน 1 เดือน เจ้าคุณแย้มโอนให้กับ น.ส.อรัญญาวรรณ ถึง 80 ล้านบาท




เบื้องต้นได้สอบปากคำไวยาวัจกร และพระลูกวัดรวมถึงบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด 11 คน ซึ่งทั้ง 11 คนนี้ มีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินภายในวัด นอกจากนี้ไวยาวัจกร และกรรมการวัดบางราย พบว่ามีพฤติกรรมลงนามหนังสือเบิกเงินไว้ล่วงหน้า เมื่อเจ้าคุณแย้มต้องการใช้เงินของวัดจำนวนเท่าไร ก็สามารถเบิกเงินได้ทันที เนื่องจากบุคคลที่มีอำนาจได้ลงชื่อไว้แล้ว


สำหรับในประเด็นเรื่องการลงนามหนังสือเบิกเงินไว้ล่วงหน้า จะต้องเรียกบุคคลคคที่มีอำนาจที่ได้ลงชื่อไว้มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง แต่ยังไม่สามารถที่จะระบุวันและเวลาได้ เนื่องจากจะต้องรอทางพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและเข้าที่ประชุม โดยมี พลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นผู้ร่วมประชุมและรอแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง


ส่วนพยานที่เคยสอบปากคำไปแล้วหากพบว่ามีความเชื่อมโยง ทั้งเส้นทางการเงินและมีส่วนรู้เห็น ก็จะมีการเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง