ผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์ สั่งเร่งควบคุมสถานการณ์ไฟไหม้บ่อขยะเทศบาลเมืองหล่มสัก หลังผ่านไป 2 วันเพลิงยังไม่มอด ฝุ่นละออง กลิ่นเหม็น และหมอกควันกระทบชุมชน

จากกรณีเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 5 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เกิดเหตุไฟไหม้บริเวณบ่อทิ้งขยะของเทศบาลเมืองหล่มสัก ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ อบต.ฝายนาแซง หมู่ 4 ต.หนองสว่าง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เปลวเพลิงได้ลุกลามอย่างรวดเร็วเผากองขยะขนาดมหึมา ส่งผลให้กลุ่มควันดำหนาทึบลอยพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า แผ่ปกคลุมพื้นที่โดยรอบในรัศมีกว่า 5 กิโลเมตร






เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากกลุ่มควันลอยไปในทิศทางของเขตชุมชน และโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชหล่มเก่า ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 800 เมตรเท่านั้น ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับฝุ่นละอองและมลพิษทางอากาศที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะผู้ป่วยในโรงพยาบาล ผู้สูงอายุ และเด็กเล็ก ซึ่งสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดในขณะนี้นั้น






ล่าสุด วันที่ 7 พฤษภาคม 2568 มีรายงานว่า นายศรัณยู มีทองคำ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้สั่งการให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเพชรบูรณ์ ติดตาสถานการณ์และรายงานความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด โดยระบุว่าต้องเร่งควบคุมสถานการณ์เพื่อไม่ให้กระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งกลุ่มควันจากการเผาไหม้ได้กระจายปกคลุมพื้นที่โดยรอบ ส่งผลให้ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 4 ต.หนองสว่าง ได้รับผลกระทบจากฝุ่นละออง กลิ่นเหม็น และหมอกควัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนทั้งในด้านระบบทางเดินหายใจและการมองเห็น




นอกจากนี้ ยังพบว่ามีควันพิษและก๊าซจากการเผาไหม้ เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แพร่กระจายในอากาศ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญ ระดมหน่วยงานร่วมระงับเหตุเทศบาลเมืองหล่มสัก พร้อมหน่วยงานในพื้นที่ใกล้เคียงได้ระดมกำลังเข้าระงับเหตุเพลิงไหม้ โดยมีการประสานรถดับเพลิงและเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ได้แก่ เทศบาลตำบลตาลเดี่ยว เทศบาลตำบลหล่มเก่า อบต.นาแซง อบต.วัดป่า อบต.บ้านหวาย อบต.ท่าอิบุญ อบต.บ้านโสก อบต.สักหลง อบต.ฝายนาแซง อบต.น้ำก้อ อบต.บุ่งน้ำเต้า อบต.หล่มเก่า กู้ภัยสว่างมงคลศรัทธา สมาคมกกไทรหล่มสัก และสถานีตำรวจภูธรหล่มสัก


ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังอยู่ในระหว่างควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัด โดยมีการใช้รถแม็กโฮของเทศบาลเมืองหล่มสัก จำนวน 2 คัน เข้าปรับเกลี่ยแนวกันไฟและพื้นที่โดยรอบเพื่อป้องกันไม่ให้เพลิงลุกลามเพิ่ม โดยแนวโน้มสถานการณ์ยังอยู่ระหว่างการควบคุมอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่จากหน่วยดับเพลิงและอาสาสมัครกู้ภัยยังคงเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปะทุซ้ำ