จากกรณีเมื่อเวลา 21.40 น. วันที่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองศรีสะเกษ ได้รับแจ้งมีเหตุคนถูกยิงเสียชีวิต จำนวนหลายราย ที่บ้านหลังหนึ่ง ต.หนองไผ่ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เมื่อไปถึงที่บ้านหลังดังกล่าว พบศพ น.ส.ดวงเดือน อายุ 41 ปี ผอ. โรงเรียนแห่งหนึ่ง , นายปรมัตถ์ อายุ 39 ปี ทนายความ สามีของ น.ส.ดวงเดือน , นางหยกมณี อายุ 66 ปี แม่ของ น.ส.ดวงเดือน และนายบุญเลื่อน อายุ 61 ปี น้องเขยของนางหยกมณี


โดยทั้งหมดถูกยิงด้วยอาวุธปืน คาดว่าเป็นปืนลูกซองยาว เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนคนร้ายคือนายปฐพี อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นอดีต ผอ. โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ ลาออกจากราชการ และเป็นอดีตสามีของ ผอ.ดวงเดือน จากการสอบสวนเบื้องต้นคาดว่าสาเหตุคาดว่าเกิดจากการฟ้องร้องแบ่งทรัพย์สิน คดีหมิ่นประมาทร้องวินัยข้าราชการ ซึ่งมีนัดสืบพยานในวันที่ 22-23 สิงหาคม 2567 นี้ แต่ก็มาเกิดเรื่องสลดดังกล่าวนี้ก่อน นั้น




ล่าสุดวันที่ 27 กรกฎาคม 2567 ช่วงบ่ายที่ วัดบ้านหอย หมู่ที่ 8 ตำบลหนองไผ่ อำเภอเมือง จังวัดศรีสะเกษ เป็นวันกำหนดงานฌาปนกิจพร้อมกันทั้ง 3 ศพ จากนั้นพระได้ขึ้นเทศน์ ก่อนที่ทางเจ้าภาพจะมีการมอบเงินทำบุญและมอบพัดลมให้กับโรงเรียนต่าง ๆ ในพื้นที่ โดยมีการรำหน้าไฟ ต่อด้วยการอ่านประวัติของผู้เสียชีวิตทั้ง 3 เริ่มจาก นายบุญเลื่อน อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 , นางหยกมณี แม่ของ ผอ.ดวงเดือน , และ ผอ.ดวงเดือน แล้วก็ได้มีการอ่านสาเหตุการชีวิตที่เกิดจากคนร้ายบุกเข้ามายิงภายในบ้าน โดยระหว่างที่พิธีกรอ่านประวัติของ ผอ.ดวงเดือน และบอกถึงสาเหตุการเสียชีวิต ครูหลิน น้องสาว ผอ.ดวงเดือน ได้น้ำตาคลอกอดน้องฟงฟง วัย 11 ขวบ ลูกชายคนเดียวของ ผอ. ไว้ตลอดเวลา




ต่อมาพระสงฆ์ได้สวดมาติกาบังสุกุล ก่อนจะให้ชาวบ้านและแขกที่มาร่วมแสดงความอาลัย ส่งดวงวิญญาณทั้ง 3 เป็นครั้งสุดท้าย ได้เข้าวางดอกไม้จันทร์ในศาลาวัด ซึ่งการวางดอกไม้จันทร์ใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากว่ามีคนมาร่วมแสดงความไว้อาลัยกับ ผอ.ดวงเดือน , นางหยกมณี , และนายบุญเลื่อน จำนวนมาก




หลังจากนั้นจึงพิธีเคลื่อนศพไปยังเมรุเผาศพ โดยช่วงนี้จะมีเฉพาะครอบครัว ญาติพี่น้อง และคนใกล้ชิดเท่านั้น เพื่อให้พิธีเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย แต่เนื่องจากมีฝนตกอย่างหนัก จึงทำให้มีการเคลื่อนศพไปยังเมรุหลัก และเมรุลอย หรือเมรุชั่วคราว ในเวลา 17.00 น. โดยไม่มีได้มีการแห่ศพรอบเมรุตามปกติ เนื่องจากฝนตกหนัก ขณะที่ได้มีการทำพิธีแก้กลให้พระสงฆ์ขอบิณฑบาตรนำร่างไปเผา เพราะตามประเพณีของคนอีสาน สำหรับคนที่เสียชีวิตกระทันหัน หรือ ตายโหง จะต้องทำการฝังศพเอาไว้ก่อน


โดยศพของนายบุญเลื่อน อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ได้ถูกเคลื่อนไปตั้งบนเมรุหลัก ส่วนศพของนางหยกมณี กับ ผอ.ดวงเดือน ได้ถูกตั้งที่เมรุลอย หรือ เมรุชั่วคราว ด้านซ้าย ซึ่งก่อนจะฌาปนกิจศพ ครูหลิน ได้พาน้องฟงฟง วัย 11 ขวบ ไปบอกลา ผอ.ดวงเดือน โดยครูหลินได้ร้องไห้อย่างหนัก พร้อมบอกกับน้องฟงฟง วัย 11 ขวบ ว่าให้บอกแม่ของเขา ว่า “เขาปลอดภัยดีและไม่ต้องเป็นห่วง หลังจากนี้จะไปอยู่กับน้า แล้วจะเป็นเด็กดี”




จากนั้นครูหลินได้บอกลาพี่สาว “ขอไปให้สบาย ชาติหน้าให้ไปอยู่ในตระกูลที่ดี ตระกูลสูงส่ง เป็นผู้หญิงที่มีความสุขมาก ๆ ในทุกเรื่อง ทั้งเรื่องงาน เรื่องเงิน และเรื่องความรัก ชาตินี้ใช้กรรมมาพอแล้ว ขอให้ไปดี” เมื่อบอกลาพี่สาวแล้ว ครูหลินได้ไปบอกลา นางหยกมณี บอก “ขอให้แม่ไปสบาย ไม่ต้องห่วงอะไร ไปอยู่กับ ผอ.ดวงเดือน ไปอยู่กับพ่อ ไม่ต้องห่วงลูกหลาน ภพภูมิชาติหน้าขอให้แม่มีชีวิตที่ดี”




จากนั้นพระสงฆ์ได้ทำพิธีล้างหน้าศพ ก่อนที่จะประชุมเพลิง โดยครูหลินได้ร้องไห้โฮบอกกับพี่สาวรอบ 2 ว่า “ให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี ไปเป็นนางฟ้าอยู่บนสวรรค์ แล้วให้รายงานตัวว่าทำความดีอะไรในชาตินี้มาบ้าง หมดกรรมแล้ว เดินทางไปใช้บุญ โชคดีนะ เดินทางปลอดภัย ไม่ต้องห่วงลูก ฉันจะดูแลเอง” จากนั้นครูหลินได้เดินไปก้มกราบหน้าเตาเผาศพแม่กลางสายฝน บอก “แม่หนูขอกราบลาตรงนี้นะ ” ก่อนจะกลับมาก้มกราบหน้าเตาเผาศพพี่สาว บอก “พี่สาวของฉัน ฉันมาส่งเธอเท่านี้นะ” ในขณะที่น้องฟงฟง วัย 11 ขวบ ได้ร้องไห้ก้มกราบศพแม่กลางสายฝนเช่นเดียวกัน


ส่วนศพขอนายบุญเลื่อน อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ซึ่งตั้งอยู่บนเมรุหลัก ครอบครัวก็ได้ร่ำไห้อย่างหนักก่อนที่จะประชุมเพลิง โดยเฉพาะนางดัชราภรณ์ อายุ 63 ปี ภรรยาของนายบุญเลื่อน ที่ร้องไห้แทบจะขาดใจ จนต้องลูกหลานต้องรีบพาลงไปด้านล่าง




ขณะที่พิธีฌาปนกิจศพ ทนายปรมัตถ์ 1 ใน 4 ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ จัดขึ้นภายในวัดมหาพุทธาราม ตำบลเมืองเหนือ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งพิธีเริ่มประมาณเวลา 14.00 น. โดยเป็นฟังพระธรรมเทศนา จำนวน 1 กัณฑ์ หลังจาก เป็นการสวดมาติกา-บังสุกุล ทอดผ้าบังสุกุล และวางดอกไม้จันทน์ ตามลำดับ ซึ่งพิธีการดังกล่าวจัดขึ้นภายในศาลาการเปรียญของวัดฯ


หลังจากพิธีดังกล่าวแล้วเสร็จ เวลาประมาณ 16.00 น. ครอบครัว ญาติพี่น้องของทนายปรมัตถ์ได้ช่วยกันแบกโลงศพ เคลื่อนศพไปยังเมรุวัด และทำการฌาปนกิจตามพิธีกรรมทางศาสนา ท่ามกลางบรรยากาศอันโศกเศร้าของครอบครัว ญาติสนิท มิตรสหายที่มาร่วมงาน ซึ่งแม่ของทนายปรมัตถ์อยู่ในอาการเสียใจ และหลั่งน้ำตาร้องไห้ตลอดพิธีในครั้งนี้




นางขันทอง อายุ 54 ปี พี่สาวของทนายปรมัตถ์ กล่าวทั้งเสียงสะอื้นว่า หากสามารถบอกน้องชายตนได้ หากรับฟังอยู่ อยากบอกให้น้องไปเกิดในภพภูมิที่ดี ให้เกิดมาเป็นน้องชายตนอีกในทุกชาติ ตอนนี้คิดถึงน้องมาก คิดถึงจนแทบขาดใจ หลังน้องชายตนเสียชีวิต ตนก็อยากเห็นหน้าน้องชายตนอีก อยากจะบอกว่ารักมาก และอยากให้มาหามาปรากฏตัวให้เห็นสักครั้ง ไม่ว่าจะมาในรูปแบบใดก็ตาม




ขณะที่ทีมข่าวเดินทางมายังบ้านเกิดที่บุรีรัมย์ของ นายปฐพี มือปืน ซึ่งญาติได้ทำการฌาปนกิจศพนายปฐพีที่บ้านเกิด อ.ประโคนชัย ไปเมื่อ 25 ก.ค. และทำการเก็บกระดูกเรียบร้อยแล้วนั้น ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านพักของนายปฐพี พบนางลอย อายุ 77ปี และนางอรวี อายุ 56 ปี แม่และพี่สาวของ นายปฐพี หรือ ผอ.เขี้ยว บรรยากาศทั่วไปดีขึ้น ทั้งสองรวมถึงพ่อเริ่มรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้แล้ว โดยนางลอย แม่ ผอ.เขี้ยว บอกว่าเรื่องผ่านไปแล้วสบายใจขึ้น ขออโหสิกรรมให้กับทุกฝ่าย ที่แล้วมาให้มันแล้วไป เอาไว้ว่ากันใหม่ชาติหน้า ส่วนตนไม่รู้ว่าจะไปอีกเมื่อไรก็ว่ากันไปให้เป็นไปตามเวรกรรมต่อไป




ขณะที่นางอรวี พี่สาว ผอ.เขี้ยว เล่าว่า น้องชายได้เขียนจดหมายบันทึกเอาไว้เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ก่อนก่อเหตุ 3 วัน ว่ารถ 2 คันยกให้ลูกชายคนละคัน บ้านที่สร้างไว้กับที่แม่ให้ลูกชายเป็นคนมาอยู่ สำหรับเงินช่วยเพื่อนครู (ชพค.) ของทางราชการหลังเสียชีวิตยังไม่รู้ว่าจะได้เท่าไร ผอ. มีหนี้เก่าหรือไม่ยังไม่มีใครรู้ และคาดว่าคงจะแบ่งไปตามระเบียบของทางราชการ


นางอรวี บอกด้วยว่า ตอนแรกไม่ค่อยดูข่าวเพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องงาน พอเสร็จงานน้องชายแล้วไปดูข่าวย้อนหลัง พบว่าบ้านหลังที่เกิดเหตุ จ.ศรีสะเกษ กับบ้านของน้องชายที่บุรีรัมย์ เหมือนกันที่รั้วคาวบอย เพราะน้องชายชอบแนวนี้ และคาดว่าบ้านที่จังหวัดศรีสะเกษ น้องชายเป็นคนออกแบบอย่างแน่นอน

 

น้ำตาท่วมวัด! เผาแล้ว 4 ศพ เปิดรั้วบ้านจุดฆ่ายกครัว เหมือนบ้านมือปืน