กรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์คลิปขณะเด็กชายวัย 5 ขวบ ถูกชายชราวัย 87 ปีใช้ไม้ทุบตีเด็กชาย โดยมีผู้หญิงเข้าห้ามปรามแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้

พร้อมกับข้อความระบุว่า ในฐานะที่เป็นมูลนิธิ และช่วยเหลืองานสาธารณประโยชน์ทั่วไป คลิปนี้มีคนร้องเรียนมาให้ทำอย่างไรก็ได้ให้ช่วยเหลือเด็กให้ได้เหตุการณ์นี้เกิดที่พื้นที่ บ้านควนยอ หมู่ที่ 8 ต.ไทรขึง อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี

เบื้องต้นมีรายงานข่าวว่า เด็กชายคนดังกล่าว คือ น้องตูน อายุ 5 ขวบมีอาการทางสมอง ครั้งก่อนเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ไปพบเจอน้องตูนอยู่ข้างถนน ที่ลำคอถูกล่ามด้วยโซ่และลากเดินตามถนน ใบหน้ามีรอยฟกช้ำคล้ายถูกทำร้ายร่างกาย เจ้าหน้าที่กู้ภัยสอบถามจากชาวบ้านละแวกนั้น ได้รับคำตอบว่าเป็นเด็กที่ไม่สมประกอบ และจะเดินออกมาตามถนนแบบนี้บ่อยครั้ง และพอกลับมาหาเด็กอีกครั้งปรากฏว่าเด็กไม่พบแล้ว และทราบมาว่าเด็กได้มีคนมารับกลับบ้านไปแล้ว เหตุการณ์นี้ผ่านไปประมาณ 3 เดือน อยู่มาวันนี้ก็มีคลิปอย่างที่เห็น

วันนี้ เมื่อช่วงสายวันที่ 19 มิถุนายน ทางผู้สื่อข่าว ได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านหลังเกิดเหตุ ซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำอยู่ติดกับโรงเรียนบ้านควนยอ หมู่ที่ 8 ตำบลไทรขึงอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ได้พบกับป้าจุ๊ อายุ 55 ปี เป็นเจ้าของร้านและเป็นหญิงดังกล่าวที่ปรากฏในคลิป เข้าไปห้ามไม่ให้คุณปู่ทุบตีหลาน โดยป้าจุ๊เล่าให้ฟังว่า ปกติแล้วน้องตูน จะมาที่ร้านค้าของตนทุกวันอยู่แล้ว ซึ่งเหตุที่ปรากฏในคลิปเกิดขึ้นเมื่อวาน (18/06/67) ในช่วงเช้าน้องตูนก็ได้มาที่ร้านของตน หลังจากน้องตูนมาถึงประมาณ 30 นาที คุณตาวัย 87 ก็ได้เดินตามมา เมื่อมาเจอน้องตูนก็ได้ ลงมือทุบตีและต่อว่าที่น้องตูนหนีออกจากบ้าน ซึ่งตนก็พยายามห้ามอยู่พักใหญ่ ก่อนจะมีลูกค้าเข้ามาที่ร้าน และช่วยถ่ายคลิปไว้ ตนจึงนำคลิปออกไปเผยแพร่เพื่อที่จะได้มีคนเข้ามาช่วยเหลือน้อง

นอกจากนี้ป้าจุ๊ยังกล่าวว่า ปกติน้องตูนก็ไม่ได้เป็นเด็กเกเรอย่างใด แต่สาเหตุที่ทำให้คุณปู่ตีน้องตูนตนคิดว่าเป็นเพราะน้องตูน ชอบออกจากบ้าน ซึ่งคุณปู่อายุเยอะแล้ว คงดูไม่ทัน คุณปู่คงเป็นห่วงมาก ซึ่งตนอยากให้มีหน่วยงานเข้ามารับน้องไปดูแลจะได้เรียนหนังสือหรือรักษาตัวเหมือนเด็กปกติทั่วไป

นอกจากนี้ในส่วนของการดำเนินการช่วยเหลือ เบื้องต้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ลงพื้นที่มายังบ้านหลังดังกล่าว ก่อนจะนำตัวเด็กเข้าไปเข้าสู่กระบวนการช่วยเหลือ

โดยทางด้าน นางสาวชลลดา ชนะศรีรัตนกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่าหลังจากทราบเรื่อง เจ้าหน้าที่จาก บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี นิคมฯพระแสง และสนง.พมจ. สุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่ ในเบื้องต้นจากประเมินและพิจารณาร่วมกันว่าควรแยกเด็กชายออกจากปู่ เข้ารับการคุ้มครองสวัสดิภาพชั่วคราวที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี และเข้าสู่กระบวนการต่อไป ในส่วนปู่เบื้องต้นจะประสานรอพ.ศ. ตอเข้าตรวจสุขภาพจิต เนื่องจากเบื้องต้นเชื่อว่าเป็นโรคซึมเศร้าอายุเยอะและอยู่คนเดียว

ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ วันที่ 18 มิถุนายน 2567 ปู่ของเด็กมีพฤติกรรมทำร้ายเด็ก โดยไปตามเด็กกลับบ้านที่ร้านขายของชำ เนื่องจากเด็กมักเดินไปที่ร้านขายของชำ เจ้าของร้านมักจะให้ขนมให้อาหารและเอ็นดูเด็ก เด็กไม่ยอมกลับจึงเกิดภาพตามคลิป เจ้าของร้านทนไม่ไหว จึงถ่ายวีดีโอไว้เป็นหลักฐาน และส่งภาพไปในช่องไลน์ต่างๆของหมู่บ้าน

ทาง สนง.พมจ.สุราษฎร์ธานี ได้ประสานงานให้ทาง เลขานายก อบต. ไทรขึง และ ผู้ใหญ่บ้านลงพื้นที่ไปดูในช่วงค่ำ และประสานพี่สาวของเด็กออกไปรับตัวเด็กออกมาจากบ้านปู่ เนื่องจากปู่ไม่ยินยอมให้ใครพาเด็กออกมา พี่สาวไปนำเด็กออกมานำมาดูแล

จากกรณีดังกล่าวนั้นในช่วงเมื่อเช้าที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมได้เข้ามารับเด็กชายไปดูแลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณปู่ยอมรับว่าตนได้ตีหลานตัวเองจริงเนื่องจากความเป็นห่วงเพราะหลานของตนนั้นพิการทางด้านสมองและชอบหนีออกนอกบ้านไปที่ถนนตนกลัวว่าหลานจะถูกรถชนและเนื่องจากตนได้อายุเยอะมากแล้วถึงวิ่งตามหลานไม่ค่อยทัน

ในส่วนเรื่องการล่ามหลานนั้นช่วงก่อนนี้ตนได้ทำจริงที่ทำไปก็เพราะว่าตนไม่สามารถตามหลานได้ทันเพราะหลานของตนชอบหนีออกไปนอกถนนตนจึงกลัวว่าจะถูกรถชนจึงต้องใช้โซ่ล่ามกับเสาบ้านไว้เพื่อที่ให้หลานอยู่ในบริเวณที่ตนได้กำหนดและดูแลได้

ซึ่งหลานของตนนั้นเมื่อตอนเผลอแป๊บเดียวหลานของตนก็จะหนีออกนอกบ้านไปเที่ยวเล่นและชอบไปร้านค้าและโรงเรียนต้นจึงต้องทำการตีสั่งสอนและก่อนหน้านี้ก็ได้ล่ามไว้แต่ช่วงหลังหลานของตนสามารถแกะ ห่วงที่รัดริเวณคอได้ ตนจึงเลิกล่ามหลานของตน

โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้ามารับหลานของตนไปในช่วงเช้าตนก็ต้องจำใจยอมให้เจ้าหน้าที่รับหลานของตนไปดูแลเพราะตนไม่สามารถดูแลหลานให้ดีดีได้ซึ่งในตอนนี้ก็ยอมรับว่าคิดถึงหลานเพราะหลานของตนทั้งคนตอนเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กและตนก็ไม่อยาก ให้เป็นแบบที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นมานี้