จากกรณีเมื่อเวลา 02.10 น. วันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้รับแจ้งเหตุจากตำรวจ สน.บางซื่อ ว่ามีผู้หญิงและถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่หน้าชุมชนลับแล ภายในซอยอินทามระ ซอย 1 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ โดยเมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุพบว่าผู้บาดเจ็บ คือ น.ส.อโณทัย หรือนางเกตุ อายุ 43 ปี นอนขอความช่วยเหลืออยู่ที่หน้าเต็นท์ข้างกำแพงก่อนจะถึงชุมชน ส่วนอาการบาดเจ็บมีร่องรอยบาดแผลแตกที่ศรีษะและที่ปาก ส่วนที่บริเวณใบหน้ามีร่องรอยช้ำ ซึ่งทางผู้บาดเจ็บให้การกับทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยว่าถูกทำร้ายและถูกข่มขืน ส่วนผู้ก่อเหตุ ชื่อว่านายเกรียง ตามข้อมูลก็เป็นคนไร้บ้านและถูกชาวบ้านจับตัวส่งให้ตำรวจ สน.บางซื่อ หลังก่อเหตุ




ล่าสุดทีมข่าวได้ภาพวงจรปิดนาทีเกิดเหตุ เวลา 01.49 น. นายเกรียง (คนก่อเหตุ) เดินมาดูลาดเลาบริเวณเต็นท์ที่อยู่ของ น.ส.อโณทัย (คนเจ็บ) โดยในมือของนายเกรียงได้ถือเหล็กด้ามติดมาด้วย ก่อนจะทำทีเดินผ่านเต็นท์ของ น.ส.อโณทัย ไป




จากนั้น เวลา 01.51 น. นายเกรียงได้เดินวกกลับมาที่เต็นท์ของ น.ส.อโณทัย ก่อนจะยืนมองคนเจ็บที่นอนอยู่ในเต็นท์ จากนั้น เวลา 01.52 น. นายเกรียงได้เข้าไปลงมือพยายามจะข่มขืนผู้เสียหายในเต็นท์ โดยการใช้มือล้วงเข้าไปที่อวัยวะเพศ แต่ น.ส.อโณทัย ได้มีการต่อสู้ขัดขืนกันในเต็นท์ นายเกรียงจึงทำร้ายร่างกาย ทั้งบีบคอ ทั้งต่อยที่หน้า ก่อนจะยืนขึ้นและเตะซ้ำเข้าไปที่ใบหน้า น.ส.อโณทัย อีกหลายครั้ง ซึ่งคนเจ็บพยายามจะลุกขึ้นสู้แต่ก็ไม่ไหว เพราะโดนนายเกรียงเข้าคร่อมร่างและทำร้ายร่างกายต่อเนื่อง




จากนั้น เวลา 01.59 น. นายเกรียงก็เดินจากไป ส่วน น.ส.อโณทัย พยายามจะลุกตามไป แต่สภาพสะบักสะบอม จึงได้แต่นั่งอยู่ภายในเต็นท์ และคาดว่ามีชาวบ้านได้ยินเสียงจึงได้โทร. เรียกรถพยาบาล ต่อมาเวลา 02.20 น. จะเห็นว่ามีรถพยาบาลและรถสายตรวจเข้ามาพื้นที่เพื่อทำการช่วยเหลือ




ล่าสุดวันนี้ (7 พ.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าทางคดี ที่ สน.บางซื่อ ซึ่งเมื่อเวลา 15.21 น. ทางตำรวจได้มีการคุมตัวนายเกรียง ผู้ก่อเหตุออกมาสอบปากคำ โดยทันทีที่ตำรวจคุมตัวออกมาจากห้องขัง ทีมข่าวจึงถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยนายเกรียง ผู้ก่อเหตุ บอกว่า ก่อนจะลงมือก่อเหตุถูก น.ส.อโณทัย ด่าก็เลยกระทืบ น.ส.อโณทัย ไปหลายครั้ง แต่ไม่ได้ใช้อาวุธทำร้าย และยืนยันว่าตนเองไม่ได้คิดจะข่มขืน น.ส.อโณทัย ตามที่เขากล่าวหา เสื้อผ้าก็ไม่ได้ถอด และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน ซึ่งทีมข่าวก็พยายามถามว่า น.ส.อโณทัย ไปด่าคำว่าอะไรถึงลงมือก่อเหตุได้ขนาดนั้น แต่นายเกรียงไม่ตอบว่าถูกด่าด้วยคำว่าอะไร ซึ่งยืนยันคำเดิมว่าถูกด่าก่อน และตอนที่ก่อเหตุก็ไม่ได้เมา อยากจะขอโทษคนเจ็บ ยืนยันไม่คิดจะข่มขืน


ส่วนเรื่องคดี ตำรวจได้แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเอาไว้ก่อน ส่วนเรื่องการ อนาจาร หรือข่มขืน อยู่ระหว่างการสอบสวน ซึ่งเบื้องต้นนายเกรียง รับสารภาพข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่ปฏิเสธข้อหาอนาจารและข่มขืน




ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ ที่ซอยอินทามระ 1 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร โดยลักษณะจุดเกิดเหตุเป็นถนนในซอยที่สามารถเชื่อมทางเข้า-ออกของชุมชนลับแล จากการตรวจสอบตรงที่เกิดเหตุยังพบเต็นท์ของ น.ส.อโณทัย ผู้บาดเจ็บ ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ติดกับเสาไฟฟ้า ซึ่งภายในเต็นท์ดังกล่าว มีที่นอนและเสื้อผ้าวางกระจัดกระจายอยู่ภายในเต็นท์ ส่วนบริเวณรอบ ๆ เต็นท์ มีรองเท้าแตะวางอยู่ 1 คู่ และมีของใช้วางเกลื่อนอยู่ใกล้ ๆ เต็นท์ ซึ่งจุดเกิดเหตุจะอยู่ติดกับกำแพงข้างบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ที่มีรั้วรอบขอบชิด และจะอยู่ห่างจากทางเข้าชุมชนประมาณ 150 เมตร




ด้านคุณเอก อายุ 47 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่ให้ความร่วมมือกับช่อง 8 ในการส่งภาพวงจรปิดหลักฐานทั้งหมดมาให้ บอกว่า ในฐานะที่เป็นเจ้าของบ้านที่อยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุที่สุด ยืนยันว่าเห็น น.ส.อโณทัย ผู้บาดเจ็บมากางเต็นท์นอนอยู่ที่ข้างกำแพงบ้านได้ประมาณ 2 ปีแล้ว ซึ่งที่ผ่านมายอมรับว่าน.ส.อโณทัย ก็สร้างความเดือดร้อนให้คนในบ้าน เนื่องจากตอนกลางคืน น.ส.อโณทัย มักจะส่งเสียงตะโกนคุยคนเดียวเป็นประจำ และใครเดินผ่าน น.ส.อโณทัย ก็จะด่าทุกคน ซึ่งตนเองยอมรับว่าเคยแจ้งตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบหลายครั้งแล้ว แต่พอตำรวจมาเอาตัวไปได้วันสองวันก็ปล่อยตัวน.ส.อโณทัย กลับมานอนที่เดิม ส่วนคนก่อเหตุในกล้องวงจรปิดตนเองไม่เคยเห็นมาก่อน โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตัวอยากฝากไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับ น.ส.อโณทัย ไปดูแลในสถานที่ที่ดีกว่านี้ เพราะถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ก็คงจะเกิดเหตุแบบเดิมขึ้นอีก


จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปพบกับนายอาทิตย์ อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นหลานของผู้บาดเจ็บ และเป็นคนที่ตามไปจับกุมตัวคนก่อเหตุส่งตำรวจ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ยืนยันว่า น.ส.อโณทัย ใช้ชีวิตอยู่ในบ้าน แต่หลังจากที่ป้าเริ่มรู้สึกว่าตัวเขาป่วย จึงขอออกมานอนใช้ชีวิตข้างนอกบ้าน ส่วนคนก่อเหตุ ยืนยันไม่เคยเห็นหน้าและไม่เคยรู้จักมาก่อน ซึ่งเหตุการณ์ที่ตนเองตามไปจับกุมตัวคนก่อเหตุได้ ก็เป็นเพราะว่าป้าเดินไปบอกว่าถูกทำร้ายร่างกาย




โดยหลังจากป้า ยืนยันรูปพรรณสัณฐานคนก่อเหตุ ตนเองกับเพื่อนก็ได้ขี่รถตามหากันเอง เพราะไม่แน่ใจว่าตำรวจจะตามจับคนก่อเหตุให้หรือไม่ ซึ่งขณะที่ไปเจอกับคนก่อเหตุ ตอนแรกเขาไม่ยอมรับว่าเป็นคนทำร้ายร่างกายป้า แต่เพื่อนมองไปเห็นร่องรอยเลือดที่ติดอยู่ที่รองเท้าคนก่อเหตุก็เลยแน่ใจว่าเขาเป็นคนทำร้ายป้า จึงโทรศัพท์เรียกตำรวจให้มาคุมตัวไปโรงพัก


ส่วนอาการบาดเจ็บของป้า ตอนนี้รู้สึกตัวแล้วแต่ยังอ้าปากพูดอะไรได้ไม่มาก ซึ่งหลังจากออกมาจากโรงพยาบาล ทางผู้ใหญ่ในบ้านก็คงมาคุยกันว่าจะหาที่อยู่ใหม่ให้ป้ายังไง เพราะก่อนหน้านี้ทางญาติเคยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมารับตัวป้าไปแล้ว แต่ป้าไม่ยอมไปอยู่ที่อื่น

 

ไอ้หื่นสุดเหี้ยม เหล็กทุบหัวสาวเร่ร่อน หวังขืนใจข้างถนน