จากกรณีที่เพจ “ที่นี่ นครศรีธรรมราช“ ได้โพสต์เฟซบุ๊กใจความว่า “เดือดกลางดึก!! หนุ่ม 29 ปี ถูกจ่อยิงดับข้างรถจักรยานยนต์หน้าบ้าน กลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมา (4 พ.ค.67) พบศพคนถูกยิงนอนตายจมกองเลือด ข้างรถจักรยานยนต์ที่ บ้านห้วยกลาง ต.กระทูน อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวน ,กองพิสูจน์หลักฐาน ,แพทย์เวร ,เจ้าหน้าที่อาสาสมัคร รุดเข้าตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตนอนหงายจมกองเลือด เท้าพาดกับรถจักรยานยนต์ บนตัวผู้เสียชีวิตมีอาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอก และยังพบอาวุธปืน 9 มม. อีก 1 กระบอก พบบาดแผลถูกกระสนบริเวณต้นขา -ใต้คาง - ศีรษะ เสียชีวิตที่เกิดเหตุ และหน้าบ้านใกล้ๆ ศพผู้เสียชีวิต มีรถยนต์จอดอยู่ 1 คัน รถจักรยานยนต์ 3 คัน

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายังจุดเกิดเหตุบริเวณร้านรับซื้อน้ำยาง ห่างจากบ้านของคนตายประมาณ 600 เมตร โดยในที่เกิดเหตุยังพบกองเลือดขนาดใหญ่ของผู้ตาย อยู่บริเวณเสาหน้าบ้านทางเข้าของร้านรับซื้อน้ำยาง ขณะเดียวกันที่เสาใกล้กับกองเลือดดังกล่าวยังพบร่องรอยของกระสุนปืนที่ยิงแฉลบไปโดนเสา

อีกทั้งภายในร้านรับซื้อน้ำยาง ทีมข่าวช่อง 8 สังเกตว่ามีกล้องวงจรปิดจำนวน 3 จุด ซึ่งส่องไปยังจุดเกิดเหตุทันที แต่ถ้าว่าจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนของสภ.พิปูน ทราบว่าผู้ก่อเหตุนั้นหลังจากก่อเหตุแล้วน่าจะทำการนำเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดออกไปด้วย จึงไม่สามารถดูเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุได้ว่าใครนั้นเป็นผู้ก่อเหตุกันแน่

ถัดมาทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายังบ้านของนายกมลพงศ์ ผู้เสียชีวิต โดยเมื่อมาถึงพบว่า ที่บ้านนั้นกำลังมีการจัดเตรียมสถานที่ไว้ประกอบพิธีทางศาสนาอยู่ โดยมีญาติๆและชาวบ้านทยอยมาร่วมงานกันพอสมควร

จากนั้นทีมข่าวช่อง 8 ได้มีโอกาสพูดคุยกับนางวรรณภา อายุ 53 ปี แม่ของนายกมลพงศ์ ผู้ตาย โดยนางวรรณภา เล่าให้กับทีมข่าวช่อง 8 ฟังว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเชื่อว่าปมสังหารลูกชายในครั้งนี้น่าจะเป็นเรื่องของชู้สาว เพราะลูกชายเคยมีปัญหากับอดีตผู้ใหญ่บ้านท่านหนึ่ง ซึ่งมีปัญหากันมานานหลายปีแล้ว โดยเรื่องของตอนนั้นคือช่วงที่อดีตผู้ใหญ่บ้านท่านนี้ เคยมีคดีและต้องถูกจำคุกอยู่ภายในเรือนจำ และอดีตผู้ใหญ่บ้าน ก็มีแฟนสาวอยู่คนหนึ่ง แต่เมื่ออดีตผู้ใหญ่ อยู่ภายในเรือนจำ ทางแฟนสาวก็ได้มีการมาพูดคุยดูใจกับลูกชาย จนมีความสนิทสนมและตกลงคบหากัน

และในช่วงที่ทางอดีตผู้ใหญ่บ้านท่านนี้ ออกมาจากเรือนจำแล้ว ก็มารู้ที่หลังว่าแฟนสาวของตัวเอง กำลังคบหากับลูกชายตน ทำให้อดีตผู้ใหญ่บ้านท่านนี้ มาตามแฟนให้กลับมาอยู่ตนเอง และเชื่อว่าลูกชายตนคงไปแย่งแฟนสาวตัวเองมา แต่ทางแฟนสาวของอดีตผู้ใหญ่บ้าน บอกกับอดีตผู้ใหญ่บ้านว่า ตัวเองไม่ขอกลับไปคบหากับอดีตผู้ใหญ่บ้านแล้วแล้วจะอยู่กินกับลูกชายตนต่อไป

นั่นจึงทำให้ทางอดีตผู้ใหญ่บ้านท่านนี้มีความโกรธเคืองและแค้นฝังใจลูกชายเป็นอย่างมาก ว่าเป็นคนที่พรากแฟนสาวไปจากตัวเอง และต่อจากนั้น ทั้งคู่ก็มีปัญหาระหองระแหงกันมาตลอด แต่มักจะเป็นลูกชายของตนเองที่โดนกระทำมากกว่าโดยทางอดีตผู้ใหญ่บ้านนั้นเคยมาลอบยิงลูกชายตนถึง 2 ครั้ง เมื่อช่วงปี 65 และ 66 ซึ่งก็ได้มีการแจ้งความเอาไว้แล้ว ส่วนเรื่องอื่นๆที่คาดว่าจะเป็นปมสังหารตนไม่รู้เลยว่าจะมีเรื่องอื่นหรือไม่

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนรู้เพียงว่าลูกชายตนนั้น ได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านไปช่วงเย็นเวลาประมาณ 6 โมงครึ่ง แต่ไม่ได้ถามว่าจะออกไปไหนหรือทำอะไร ก่อนที่ช่วงเวลาหนึ่งทุ่มเศษๆ ตนจะได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจำนวน 3 นัด ซึ่งในตอนที่ได้ยินก็ไม่รู้ว่าเสียงปืนดังกล่าวจะเป็นเสียงปืนปลิดชีวิตลูกชายตน จนกระทั่งมีชาวบ้านมาบอก ถึงรู้ว่าลูกชายโดนยิง

จากการสอบถามข้อมูลกับพ.ต.อ.ลือชัย ทองสินธุ์ ผกก.สภ.พิปูน ได้ให้ข้อมูลเบื้องต้นกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า จากการลงพื้นที่ไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุเบื้องต้น ก็คาดการณ์จากลักษณะท่าทางและบาดแผลของผู้ตาย ที่ถูกจ่อยิงบริเวณปลายคาง และทะลุไปที่เบ้าตา ก็คาดว่าน่าจะเป็นการปลิดชีวิตตัวเอง แต่จากการชันสูตรพลิกศพ ก็พบว่าผู้ตายนั้นถูกยิงบริเวณก้นด้านขวาด้วย นั่นจึงทำให้ตัดประเด็นเรื่องของการฆ่าตัวตายไปในทันที และตั้งประเด็นไปเรื่องของการขัดผลประโยชน์ยาเสพติด เนื่องจากผู้ตายเคยมีประวัติเกี่ยวกับยาเสพติด และเรื่องของปมชู้สาว

ส่วนปืนลูกซองที่อยู่ข้างกายของผู้ตายที่คาดว่าน่าจะเป็นปืนที่ใช้ในการปลิดชีวิตตัวเอง จากการตรวจสอบแล้วพบว่าปืนกระบอกดังกล่าวนั้นเป็นของพ่อผู้ตาย ซึ่งผู้ตายนั้นได้ไปยืมมา และในปืนลูกซองกระบอกดังกล่าวยังคงมีกระสุนอยู่ ผู้ตายไม่ได้ยิงกระสุนออกตอบโต้ผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด

และจากนั้นทีมข่าวช่อง 8 ได้มาพูดคุยกับ นายสุรินันท์ อายุ 27 ปี ผู้ใหญ่บ้านห้วยกลาง หมู่ 7 และนายสุรินันท์ คือน้องชายของอดีตผู้ใหญ่บ้านผู้ต้องสงสัยอีกด้วย โดยนายสุรินันท์ เผยกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ตนเองได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าไปเจอศพตอน 4 ทุ่ม จึงรีบไปตรวจสอบ พบผู้เสียชีวิตคือ นายกมลพงศ์ ซึ่งเป็นลูกบ้านของตน จึงแจ้งให้ทางตำรวจและกู้ภัย เข้ามาตรวจสอบทันที ส่วนคนตายตนเอง ไม่ได้สนิทสนมกัน และไม่ทราบว่าผู้ตายนั้นจะเคยมีปัญหากับใครหรือไม่ แต่เมื่อประมาณ 1-2 เดือนที่ผ่านมา ผู้ตายเคยไปส่งยาเสพติดต่างหมู่บ้าน และ กำนันของอีกตำบลประสานตนมาเพื่อตรวจสอบ ว่าเผื่อจะเป็นรูปบ้านของตน ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วก็คือนาย กมลพงศ์ แต่ตนก็ไม่แน่ใจว่าเป็นปมนี้หรือไม่ ที่ทำให้ นายกมลพงศ์ถูกยิงจนเสียชีวิต

ส่วนกรณีที่นายกมลพงศ์ เคยมีปัญหากับพี่ชายตนนั้น ตนเองก็ไม่ทราบว่ามีปัญหาเรื่องอะไร เพราะปัจจุบันต่างคนต่างมีครอบครัวและแยกกันอยู่ และขณะนี้พี่ชายของตนก็ไม่อยู่บ้านด้วย ไม่ทราบว่าออกไปไหน ส่วนปมขัดแย้งเรื่องชู้สาวนั้นตนเองไม่เคยรู้จริงๆว่ามีเรื่องนี้ด้วย แต่ยอมรับว่าเมื่อคืนนี้ หลังเกิดเหตุตนเองไปโทรไปขอเบอร์หน่วยงานต่างๆจากพี่ชายเพื่อประสานเจ้าหน้าที่เข้ามายังจุดเกิดเหตุ และตนเชื่อมั่นและยืนยันว่าพี่ชายของตนไม่ใช่คนก่อเหตุแน่นอน แต่ยอมรับว่าก่อนหน้านี้พี่ชายของตนติดคุกจริง ในคดีฆ่าคนตายมาก่อน อีกทั้งในจุดเกิดเหตุ ก็ยอมรับว่าเป็นร้านรับซื้อน้ำยางของร้านญาติตน

ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายังสภ.พิปูน ทีมข่าวช่อง 8 ได้มีโอกาสพูดคุยกับนางจุฑาภรณ์ โดยนางจุฑาภรณ์ ได้เล่าให้กับทีมข่าวช่อง 8 ฟังว่า เรื่องที่เกิดขึ้นคาดว่าน่าจะเกิดจากปมชู้สาวแน่นอน พ่อสามีเคยเล่าให้ตนฟังว่า เคยมีปัญหากับอดีตผู้ใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งแฟนของอดีตผู้ใหญ่บ้านแถวนั้นมาจีบตัวเองแล้วก็คบหากัน ก่อนที่อดีตผู้ใหญ่บ้านแถวนั้นจะมาตามง้อแฟนสาว แต่แฟนสาวนั้นไม่ขอกลับไปอยู่ด้วยแล้ว ทำให้อดีตผู้ใหญ่บ้านคนนั้นจึงโกรธแค้นสามีนับตั้งแต่นั้นมา และเคยมีเรื่องมีปัญหากันมาตลอด ถึงแม้สามีตนจะเลิกรากับหญิงสาวที่เป็นอดีตแฟนสาวของผู้ใหญ่บ้านท่านนั้นแล้วก็ตาม

สำหรับสามีของตนเอง ตนก็รู้แค่ว่ามีเพียงปืนพกจำนวน 2 กระบอกเท่านั้น ส่วนปืนลูกซองที่อยู่ในที่เกิดเหตุตนก็เห็นในวันที่สามีโดนยิงเสียชีวิตเลย โดยเป็นปืนลูกซองที่ทางสามีนั้นได้สะพายออกไปจากบ้าน แต่ไม่รู้ว่าปืนลูกซองกระบอกดังกล่าวนั้นเป็นของใครกันแน่ เพราะไม่เคยเห็นสามีมีปืนกระบอกนี้มาก่อนเลย

ส่วนเรื่องของความสัมพันธ์ตนกับทางสามีที่เสียชีวิตไป ก็คบหากันมาประมาณ 3 ปี หลังจากที่สามีเลิกรากับผู้หญิงคนนั้นไป และมีลูกด้วยกันหนึ่งคนอายุ 2 ขวบ ซึ่งตอนนี้ตนก็รู้สึกเสียใจและทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะสามีจากไปแบบกะทันหัน อีกทั้งลูกสาวก็ยังเล็ก สามียังไม่มีโอกาสพาลูกออกไปเที่ยวพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวเลย