จากกรณี นางแคทเธอรีน เดลาคอท อายุ 59 ปี แหม่มสาวนักธุรกิจชาวฝรั่งเศส เจ้าของวิลล่าให้เช่าบนเกาะสมุย ใช้ปืนจ่อขมับปลิดชีพตัวเองตายริมสระน้ำในวิลล่าหรู ก่อนตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินทั้งหมดให้ ป้าติ๋ม แม่บ้านคนสนิท หลังทราบป่วยเป็นมะเร็ง เบื้องต้นตำรวจสันนิฐานฆ่าตัวตายเองเครียดจากโรคร้าย แต่ยังคงเป็นปริศนา เนื่องจากก่อนเธอจะยิงตัวตาย วงจรปิดมุมสระน้ำจุดที่เธอยิงตัวตาย มุมกล้องได้ถูกกดลงทำให้ไม่เห็นนาทียิง รวมถึงก่อนหน้านี้วิลล่าของเธอเคยถูกคนร้ายบุกมาขโมยทรัพย์สินมาแล้ว ทว่า หลังจากข่าวช่อง 8 นำเสนอข่าวนี้ออกไป ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ นานา และหลายคนกล่าวหา ป้าติ๋ม แม่บ้านที่ได้รับมรดกนั่นแหละคือฆาตกร หรือไม่




ล่าสุด (2 พ.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้พินัยกรรมที่นางแคทเธอรีน ผู้ตายได้พิมพ์ใส่ซองจดหมายตั้งไว้บนโต๊ะทำงานก่อนจะยิงตัวตายแล้ว โดยพินัยกรรมนี้ได้ระบุถึงรายละเอียดเพิ่มเติมของผู้ได้รับมรดก ซึ่งผู้ตายได้พิมพ์เป็นภาษาฝรั่งเศส และแปลเป็นไทยไว้ให้กับป้าติ๋ม มีทั้งหมด 4 ใบด้วยกัน


ในกระดาษระบุใจความสำคัญของพินัยกรรมไว้ว่า “อย่าให้อะไรกับคุณวินเซน (สามีเก่า) โดยที่มนู (เพื่อนสนิทคนตาย) ไม่เห็นด้วย คอมพิวเตอร์ว่างเปล่า มอบสำเนาภาษาฝรั่งเศสให้กับมนู (เพื่อนสนิทฉัน) ขออภัยสำหรับความกังวลและปัญหาในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ฉันไว้วางใจให้คุณจัดการได้ดี นี่คือจุดสิ้นสุดของถนนของฉัน


เป็นเวลาอย่างน้อย 12 ปีแล้วที่คุณยังอยู่ที่นั่นเพื่อฉัน ขอบคุณหากไม่มีคุณ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นไปไม่ได้ ฉันต้องการที่จะเผาร่างและเถ้าของฉันแยกย้ายกันไปถ้าเป็นไปได้ ดูแลแมวของฉันจนกว่าพวกเขาจะพบครอบครัวอื่น เพื่อนจะพยายามหาบ้านให้แมวอีก รหัสเพื่อเปิดตู้นิรภัยของฉัน : 4----3 ในตู้เซฟมีโฉนดและหนังสือของบ้านพัก มีเงินมัดจําสําหรับวิลล่า 1 : $2,000 (ประมาณ 70,000 บาท) ในกล่องดินสอสีขาวสำหรับคุณ พร้อม เครื่องประดับ สำเนาพินัยกรรมของฉัน วิลล่าที่พัก ที่ดินข้าง ๆ เป็นของคุณ และบัญชีธนาคาร และรถบ้านที่มี ทุกอย่างอยู่ในนั้น ฉันไม่มีครอบครัวอีกต่อไป




โทรหาทนายความของฉัน...เขาสามารถให้คำแนะนำคุณได้ โอนเงินธนาคารเพื่อให้คุณสามารถชำระเงินได้ในขณะที่รอการเข้าถึงบัญชีของฉัน มันคือการจ่าย การฝังศพ, สำหรับแมว (ไฟฟ้าและอื่น ๆ) ให้ติดต่อทนายฉัน ให้ 50,000 บาท กับคนงานดูแลสระว่ายน้ำ คุณปิง - สระว่ายน้ำ - สําหรับลูก ๆ ของเขา คุณไม่ต้องจ่ายอะไรเลยให้วิลล่าอีก 2 หลัง คุณวินเซน (สามีเก่า) ต้องทําได้ รถมีประกันถึงเดือนสิงหาคม มีกุญแจสำรองอยู่ในท้ายรถ อย่าไว้ใจคุณวินเซน (สามีเก่า) คุณไว้ใจมนูได้นะเพื่อนฉัน เขาเป็นผู้ดำเนินการของฉัน เอาโทรศัพท์ของฉันไปให้มนู เขาต้องการหมายเลขโทรศัพท์”


ขณะเดียวกันวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้เดินทางไปที่วิลล่าหรู 5 หลัง ซึ่งก่อนหน้านี้นางแคทเธอรีนได้สร้างวิลล่าทั้งหมดนี้ขึ้นมาเพื่อขายให้กับคนไทยและชาวต่างชาติ โดยอยู่ห่างจากบ้านพักวิลล่าที่เกิดเหตุประมาณ 5 กิโลเมตร




ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายสมบัติ (นามสมมติ) เพื่อนบ้านซึ่งอยู่ติดกับวิลล่าหรูดังกล่าว ให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้เมื่อหลาย 10 ปีก่อน นางแคทเธอรีนได้มาซื้อที่ดินบริเวณข้างบ้านของตนเอง และสร้างเป็นวิลล่าหรูเพื่อขายทั้งหมด 5 หลัง โดยเนื้อที่ดินเปล่าเกือบ 1 ไร่ ราคาประมาณ 3 ล้านกว่าบาท โดยปัจจุบันทราบว่าได้ขายไปแล้วจำนวน 3 หลัง ราคาหลังละไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท เหลืออีกเพียง 2 หลัง ซึ่งยังจดทะเบียนเป็นบริษัทของนางแคทเธอรีนอยู่


ช่วงแรก ๆ ที่นางแคทเธอรีนมาซื้อที่ดินสร้างวิลล่า ตนเองยังเคยเป็นคนงานดูแลสวนให้กับแกอยู่เลย โดยนิสัยของนางแคทเธอรีน เป็นคนนิสัยดี รักลูกน้อง จิตใจมีเมตตา ส่วนป้าติ๋มก็เป็นแม่บ้านของนางแคทเธอรีน ติดตามนางแคทเธอรีนมาตั้งแต่มาสร้างวิลล่าบนเกาะสมุยตั้งแต่แรก ซึ่งที่ผ่านมา นางแคทเธอรีนรักและเมตตาป้าติ๋มมาก เวลานางแคทเธอรีนเจ็บป่วย ไม่สบาย ตอนที่นางแคทเธอรีนเลิกลากับสามีเก่าไป ก็จะมีแต่ป้าติ๋มที่เป็นคนดูแลนางแคทเธอรีน




โดยตนเองมองว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่นางแคทเธอรีน หากไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ครอบครัวก็ไม่มี เราจะยกสมบัติทั้งหมดให้กับป้าติ๋ม เพราะทั้งสองก็รักกันเหมือนคนในครอบครัวไปแล้ว ส่วนที่ล่าสุดในพินัยกรรมระบุว่า วิลล่าหรูอีก 2 หลังที่ยังขายไม่ได้ นางแคทเธอรีนได้ยกให้กับสามีเก่า ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นสามีเก่ากลับมาที่วิลล่า และหลังจากเลิกกันสามีเก่า ซึ่งอาศัยอยู่บนเกาะสมุยเช่นกัน ก็ไม่ได้เดินทางมานานมากแล้ว


ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้ไล่ดูภาพจากกล้องวงจรปิด คืนก่อนจะมีคนไปพบนางแคทเธอรีนเป็นศพ โดยพบว่า ช่วงเวลา 02.05 น. หากสังเกตดี ๆ จะเห็นชั้น 2 ของวิลล่าที่นางแคทเธอรีนพักอาศัยอยู่ยังคงเปิดไฟอยู่ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ไฟชั้น 2 ได้ปิดลง คาดว่า นางแคทเธอรีนได้เริ่มปิดไฟในบ้านก่อนที่จะยิงตัวตาย




อีกทั้งทีมข่าวยังได้ภาพกล้องวงจรปิดนาทีที่นางแคทเธอรีน ยิงตัวตาย โดยพบว่า หลังจากที่เธอได้ปิดไฟบ้านลงในเวลา 02.05 น. จากนั้นผ่านไปประมาณ 20 นาที เวลา 02.26.12 น. จะได้เสียงปืนดังจากบ้านแหม่ม จำนวน 1 นัด


นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้ภาพจากกล้องวงจรปิด นาทีป้าติ๋ม ซึ่งหลังคนงานดูแลสระน้ำได้มาทำความสะอาดสระน้ำไปเจอศพและโทร. หาป้าติ๋ม จากนั้นป้าติ๋มได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ มาพร้อมกับเพื่อนคนงานสวนอีกคน รีบขี่รถมอเตอร์ไซค์มายังวิลล่าที่เกิดเหตุ ทันทีในเวลาประมาณ 08.50 น. ซึ่งคนงานทำสวน (ผญ) ขี่นำหน้า และป้าติ๋มขี่ตามหลัง




จากนั้นต่อมาไม่นาน จะเห็นรถกระบะสีดำ ซึ่งคาดว่า เป็นกลุ่มเพื่อนฝรั่งของคนตาย ขับมาจอดและรีบขึ้นตามไปดู และในเวลา ประมาณ 9 โมงกว่า ๆ จะเห็นรถพยาบาล และตำรวจทยอยเดินทางไปยังวิลล่าที่เกิดเหตุ


นอกจากนี้ยังมีข้อสงสัยหลายอย่างหลังจากทีมข่าวช่อง 8 ได้นำเสนอไป โดยมีคำถามว่า แหม่มผู้ตายสามารถซื้อที่ดินบนเกาะสมุยได้อย่างไร เนื่องจากไม่ใช่คนไทย แต่จากการสอบถามข้อมูลจากทนายความท่านหนึ่งบนเกาะสมุย (ไม่ใช่ทนายของคนตาย) และผู้ประกอบการในพื้นที่ ให้ข้อมูลว่า ส่วนใหญ่หากชาวต่างชาติจะซื้อที่ดิน จะจ้างทนายความส่วนตัว ให้จัดการจดทะเบียนวิลล่าเป็นบริษัทโดยให้คนไทยไม่ต่ำกว่า 2 คน เป็นคนจดเป็นบริษัทเป็นผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า เป็นนอมินี หรือ ตัวแทนอำพราง


จากนั้น ถึงค่อยนำชาวต่างชาติซึ่งเป็นเจ้าของที่จะจดทะเบียนตัวจริงเข้ามาถือหุ้น 49% ส่วนอำนาจการโอนที่ดินหรือจัดการหลังนี้จากนี้ ชาวต่างชาติจะมีอำนาจเต็มในการจัดการทั้งหมด ซึ่งในกรณีเคสแหม่มก็คงเป็นเช่นเดียวกัน




ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้สอบถามรายละเอียดเรื่องนี้กับทนายเดชา กิติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา เปิดเผย ว่า กรณีการรับมรดกของคุณป้าติ๋มนั้น หากมีการระบุชื่อในพินัยกรรมชัดเจนก็สามารถครอบครองทรัพย์สินนั้นได้ทันที แต่จะติดปัญหากับกรณีสมบัติที่เป็นอหังสาริมทรัพย์ ซึ่งนางแคทเธอรีนเป็นชาวต่างชาติ ตามกฎหมายแล้วสามารถครอบครอง อหังสาริมทรัพย์ในประเทศไทยได้เพียง 49% เท่านั้น การจะครอบครองจะต้องมีผู้ถือหุ้นหรือนอมินีมีส่วนร่วมด้วย เช่น บ้านหนึ่งหลังนางแคทเธอรีน มีหุ้น 49% ที่เหลือจะต้องมีผู้ถือหุ้นหรือนอมินีหรืออาจจะเปิดในนามบริษัท เป็นผู้ดูแล


ดังนั้น หากมีการยกทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ให้กับป้าติ๋มจะต้องตรวจสอบว่ามีสัญญา การครอบครองทรัพย์สิน เป็นเช่นไรซึ่งอาจจะเป็นลักษณะหุ้นส่วนและมีการ ระบุรายละเอียดเช่นเสียชีวิตก็จะต้องทำตามสัญญานั้น แต่หากไม่มีการระบุก็จะเป็นการตกลงกัน สองฝ่ายในหุ้นส่วนของนางแคทเธอรีนและนอมินีจะดำเนินการอย่างไร กับอาจจะนำไปขายแล้วแบ่งเงินกัน หรือแบ่งหุ้นส่วนในการครอบครอง


ส่วน สังหาริมทรัพย์ทรัพย์ แก้วแหวน เงินทอง รถยนต์ หากระบุชื่อป้าติ๋มในพินัยกรรมชัดเจนก็สามารถครอบครองทรัพย์สินได้ทันที แต่ในส่วนนี้ก็ติดปัญหาอีกเช่นกัน “หากพบว่ามีทายาทหรือญาติของนางแคทเธอรีนมาปรากฏตัว และขอเป็นผู้จัดการมรดกก็สามารถทำได้” แต่ถึงอย่างไร ในพินัยกรรมระบุว่าเป็นชื่อป้าติ๋มก็ถือว่าชัดเจนแล้วว่าป้าติ๋มต้องได้รับทรัพย์สินนั้น




ทั้งนี้ ทนายเดชาตั้งข้อสังเกตว่าการเสียชีวิตการทำพินัยกรรมทุกอย่างดูรวดเร็วไปหมด ไม่รู้ว่ามีพิรุธอะไรหรือไม่ ซึ่งส่วนนี้ตำรวจจะต้องไปตรวจสอบ ที่มาที่ไปว่าก่อนนางแคทเธอรีนจะเสียชีวิตเกิดแรงกดดันอะไร หรือมีปัญหาอะไรทำให้ต้องทำพินัยกรรมอย่างรวดเร็ว และฆ่าตัวตายหากพบว่าการเสียชีวิตครั้งนี้ มีบุคคลทำให้เสียชีวิต หรือป้าติ๋มมีส่วนที่จะทำให้นางแคทเธอรีนเสียชีวิต และรับมรดกเรื่องนี้ตำรวจต้องสอบสวนให้กระจ่าง


นอกจากนี้ทนายเดชายังฝากไปถึงป้าติ๋มว่ายินดีที่ป้าติ๋มได้รับมรดกร้อยล้าน และป้าติ๋มควรมีที่ปรึกษาทางกฎหมายคอยดูแล เพราะเรื่องปัญหาการรับมรดกซับซ้อน และมีข้อกฎหมายหลายส่วนยิ่งเป็นทรัพย์สินของชาวต่างชาติแล้ว ก็จะมีข้อกฎหมายหลายส่วน




ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก “หนูน้อยบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ” โพสต์ภาพและข้อความเกี่ยวกับเรื่องราวของป้าติ๋ม แม่บ้านที่ได้รับมรดกจากหญิงชาวฝรั่งเศส ที่รายการลุยชนข่าว ออกอากาศเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยระบุข้อความว่า...


“เรื่องราวของ “ป้าติ๋ม” แม่บ้านชาวไทยที่ได้รับมรดก 100 ล้าน ทั้งบ้าน โฉนดที่ดิน รถยนต์ เครื่องเพชรและเงินสดในธนาคารจากพินัยกรรมที่เจ้านายหญิงชาวต่างชาติของป้าติ๋ม เขียนมอบไว้ให้ก่อนที่จะตัดสินใจลาจากโลกนี้ไป เพื่อตอบแทน 16 ปีที่ดูแลกันมาด้วยความซื่อสัตย์ และนอกจากป้าติ๋มแล้ว แม้แต่เพื่อนสนิทและแฟนเก่าของนายจ้างฝรั่ง เธอก็ทำพินัยกรรมยกมรดกให้เช่นกัน โดยเขียนกำกับไว้ชัดเจนว่าชิ้นไหนเป็นของใครบ้าง ขอให้ดวงวิญญาณของเธอไปสู่สุคตินะคะ เป็นเจ้านายที่หัวใจประเสริฐมาก RIP #จากนี้ไปขอให้ป้าติ๋มดูแลตัวเองดี ๆ นะคะ ขอบคุณ ลุยชนข่าว” ซึ่งหลังแชร์โพสต์นี้ออกไปก็มีผู้เข้ามากดไลก์กว่า 1.9 หมื่นครั้ง และคอมเมนต์ส่วนใหญ่

 

ที่แรก! พินัยกรรมฉบับเต็ม ป้าติ๋มได้ 100 ล้าน ตำรวจฟันธง ป้าบริสุทธิ์ เจอวงจรปิดพลิกคดี