จากกรณีที่ช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 23 ต่อเนื่องวันที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา เกิดเหตุ ผู้บริหารสาววัย 51 ปี เมาสุราขับขี่รถยนต์เข้าด่านตรวจ ย่านเลียบถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์ ในพื้นที่รับผิดชอบของ สน.ประเวศ โดยด่านดังกล่าวเป็นด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ของกองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจจราจร ซึ่งเหตุการณ์บานปลายจนมีการต้องคุมตัวไปดำเนินคดี ที่ สน.ประเวศ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ และมีการขัดขืนการคุมตัว จนมีการใช้เท้าถีบใบหน้ารองผู้กำกับการ 5 บก.จร. คนหนึ่ง ที่ทำหน้าที่ควบคุมเหตุการณ์ และเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่ร่วมคุมตัวผู้ก่อเหตุรายนี้




ทั้งนี้ มีภาพจากกล้องประจำตัวของตำรวจ สามารถบันทึกเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน โดยกล้องตัวที่ 1 เวลา 00.53 น. กล้องประจำกายเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจจราจร บันทึกภาพเหตุการณ์ 00.53 น. ในขณะที่ตำรวจกำลังเข้าไปเจรจาไกลเกลี่ยกับทางผู้ก่อเหตุ ที่ยืนกอดอกพิงรถยนต์ไม่ยอมไปโรงพักประเวศ พยายามจะยืนขอคุยอยู่ในจุดนั้นจะไม่ขอไปที่โรงพัก ตำรวจจึงบอกยุทธวิธีว่าถ้าไม่ยอมขึ้นรถจะต้องถูกควบคุมตัวด้วยกุญแจมือ แต่ผู้ก่อเหตุก็ยังไม่ยอม




จากนั้นกล้องตัวที่ 2 เวลา 00.58 น. ต่อมาเจ้าหน้าที่ก็พยายามที่จะอธิบายขั้นตอนการดำเนินคดีและพยายามขอความร่วมมือ ซึ่งตำรวจที่เป็นฝ่ายผู้เสียหายพยายามโน้มน้าวผู้ก่อเหตุ ให้ไปเคลียร์และเจรจากับร้อยเวร ก่อนที่จะแสดงบันทึกการจับกุมในที่เกิดเหตุให้ผู้ก่อเหตุได้เห็น




ส่วนกล้องตัวที่ 3 เวลา 01.00 น. จนเวลาช่วงตี 1 ตำรวจต้องควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไปโรงพักซึ่งท่าทีของเจ้าตัวขัดขืนและโวยวายบอกให้ปล่อย อ้างว่ามือเจ็บ ก่อนที่นายตำรวจผู้เสียหายจะบอกว่าจะควบคุมตัวด้วยกุญแจมือเพื่อส่งโรงพักโดยนับ 1-3


และกล้องตัวที่ 4 เวลา 01.17 น. เป็นภาพขณะพี่อยู่โรงพัก นายตำรวจผู้เสียหายควบคุมตัวหญิงผู้ก่อเหตุมาที่โรงพักก่อนใช้คำหยาบคาย ในลักษณะดูหมิ่น ว่าเป็นชั้นต่ำ ก่อนที่ตำรวจจะเชิญตัวเข้าไปในห้องพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี




วันนี้ 26 เมษายน 2567 เวลา 11.00 น. ที่กองบังคับการตำรวจจราจร กรุงเทพมหานคร พ.ต.ท.ดาราธร ขจรศิลป์ รอง ผกก.5 บก.จร. เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกทำร้ายร่างกาย ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ว่า ในวันนั้นตั้งด่านตามปกติ จนมีรถของสาวคนดังกล่าวขับเข้ามา เจ้าหน้าที่ได้ขอตรวจวัดแอลกอฮอล์ ซึ่งเจ้าตัวก็ยินยอมให้ความร่วมมือ เมื่อเป่าพบว่ามีแอลกอฮอล์เกิน 104 มิลลิกรรมจึงได้เชิญตัวลงจากรถเพื่อส่งตัวไปยัง สน.ประเวศ เพื่อดำเนินการต่อไป แต่ทางเจ้าตัวได้มีขัดขืนพร้อมด่าทอและขัดขืนเจ้าหน้าที่จึงได้ใส่กุญแจมือ ซึ่งก่อนจะใส่ได้มีการแจ้งสิทธิและข้อกล่าวหาไปแล้ว และระหว่างจบกุมไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุ ซึ่งตนได้ทำหน้าที่ตามปกติ




ซึ่งหากทุกคนได้เห็นคลิปต้นฉบับตอนเกิดเหตุ ที่จะไปต่อสู้กันในชั้นศาล จะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจแทบจับปูพรมแดงให้กับผู้หญิงคนดังกล่าวเลยก็ว่าได้ ซึ่งตอนแรกตำรวจก็เชิญตัวไปโรงพักดี ๆ เนื่องจากเขาบอกว่าเขาอยากจะกลับบ้านไปหาลูก แต่ทางผู้หญิงดังกล่าวก็ยังขัดขืนเจ้าหน้าที่ และไม่ยอมที่จะขึ้นรถไปกับเจ้าหน้าที่


ส่วนที่ทุกคนอยากรู้ว่าตัวเองมีรูปร่างสูงขนาดนี้แล้ว ถูกผู้หญิงถีบใบหน้าได้อย่างไร ตัวเองก็อยากจะบอกว่า ตอนนั้นเป็นจังหวะที่ตัวเองจะพาผู้หญิงคนดังกล่าวเข้าไปในรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นรถกระบะมีแคป ตอนนั้นตัวเองได้เอนเบาะนั่งข้างข้างคนขับ แล้วค่อย ๆ ดันตัวผู้หญิงคนดังกล่าวเข้าไป จังหวะที่ตัวเองใช้มือรวบขาทั้งสองข้างของผู้หญิงคนดังกล่าวเข้าไป แล้วตัวเองก็เข้าไปนั่งข้าง ๆ ให้ขาเขาพาดขาตัวเอง แล้วตัวเองก็ล็อกเขาเอาไว้ ทำให้ผู้หญิงคนนั้นอยู่ในสภาพกึ่งนั่งกึ่งนอน




จากนั้นขาของผู้หญิงคนดังกล่าวได้ยื่นออกนอกตัวรถ ทำให้ประตูหน้ารถไม่สามารถปิดได้ หรือถ้าหากปิดประตูรถ เขาก็จะเจ็บ ตัวเองจึงบอกไปว่า “เดี๋ยวปิดประตูจะเจ็บนะ เอาขาลง” ตัวเองจึงคลายมือออกเพื่อจะให้เขาเอาขาลง จังหวะนั้นเท้าของเขามันก็ลอยมาเข้าที่แก้มด้านขวาของตัวเอง ดีที่ตอนนั้นตัวเองใส่หมวกกันน็อกจราจร จึงทำให้เท้าของผู้หญิงคนดังกล่าวโดนแค่ครึ่งใบหน้า แล้วผู้หญิงคนนั้นได้พูดอีกว่า “กูถีบหน้ามึงไปแล้วทีหนึ่ง เดี๋ยวกูถีบได้อีกนะ” แล้วก็พยายามถีบตัวเองอีก แต่รอบหลังตัวเองปัดป้องได้


หลังจากนั้นก็ได้มีการประทะคารมกัน ซึ่งผู้หญิงคนดังกล่าวได้มีการพูดคำหยาบมาหลายคำ แต่คำที่ตัวเองและลูกน้องตัวเองรับไม่ได้คือคำว่า “อีชั้นต่ำ” จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พาผู้หญิงคนนั้นดังกล่าวไปส่งพนักงานสอบสวนที่ สน.ประเวศ ต่อไป แล้วตัวเองก็ไม่ได้เจอกับเขาอีกเลย จนกระทั่งมาทราบภายหลัง จากมีข่าวว่าผู้หญิงคนดังกล่าวเขาทำงานอะไร ถามว่าตัวเองให้อภัยผู้หญิงคนดังกล่าวได้ไหม ตัวเองอยากจะบอกว่า “ตอนเกิดเหตุผมให้เกียรติคุณนะ ในฐานะผู้ต้องหาที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง แต่คุณไม่ให้เกียรติผมเลย ผมก็ไม่สนใจคุณ”


อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาพบว่า เคยถูกดำเนินคดีเมาและขับเมื่อจุดนี้เมื่อปี 2565 และศาลพิพาทษารอลงอาญา 2 ปี ซึ่งตนไม่ทราบในรายละเอียดของผู้ก่อเหตุเมื่อ 2 ปีก่อน เนื่องจากยังไม่ได้รับตำแหน่งแต่ทราบว่าจากลูกน้องคร่าว ๆ ว่าหน้าคุ้นจึงทำการตรวจสอบประวัติ และเหตุการณ์ครั้งนี้ยังมีลูกน้องของตัวเองที่อยู่ในเหตุการณ์ และถูกผู้หญิงคนดังกล่าวด่าทอเหยียดหยาม จนลูกน้องของตัวเองเครียดมากถึงขั้นนอนไม่หลับ และตัวเองก็ได้ปลอบให้กำลังใจลูกน้องไป




สุดท้ายตัวเองก็อยากฝากถึงทุกคนว่า ทุกวันนี้อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอันดับหนึ่งก็มาจากสาเหตุของการเมาแล้วขับ ซึ่งต้องตามมาด้วยเรื่องของการสูญเสีย ไม่ว่าจะเสียชีวิตหรือพิการ ให้คำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย และฝากถึงชาวเน็ตคนที่มาคอมเมนต์ว่า “ผู้หญิงคนนั้นเป็นตัวแทนของหมู่บ้าน” อยากให้ใช้สติสักนิดหนึ่ง เพราะการเมาแล้วขับเป็นต้นเหตุของความสูญเสีย หลังให้สัมภาษณ์ พ.ต.ท.ดาราธร ได้ชี้บริเวณแก้มด้านขวาซึ่งเป็นส่วนที่โดนผู้ก่อเหตุใช้เท้าถีบ พบว่าจุดดังกล่าวก็ไม่ได้มีบาดแผลหรือรอยบวมช้ำแต่อย่างใด


ในขณะ พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร รอง ผบก.จร. เปิดเผยว่า สำหรับกรณีนี้หลังเกิดเหตุได้มีการรายงานไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล ต้นสังกัดและมีการทำรายงานต่อไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว โดยมีการแจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหา คือเมาแล้วขับ ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ และทำลายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ส่วนข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะนี้อยู่ระหว่างการแกะเสียงจากกล้องของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าเข้าข่ายการดูหมิ่นหรือไม่ และจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาตามไปภายหลัง เบื้องต้นพบว่ามี 1 ประโยคที่เข้าข่ายคือคำว่า “อีชั้นต่ำ”




ขณะที่คำแถลงการณ์ของ Google ชี้แจงว่า สาวผู้บริหารซึ่งเป็นคนก่อเหตุเมาแล้วขับ ได้ลาออกจากการเป็นพนักงาน Google ตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 ส่วนเฟซบุ๊กของคนก่อเหตุ จากการตรวจสอบ พบว่า มีการโพสต์ข้อความอธิบายเหตุที่เกิดขึ้น ระบุว่า เรื่องบางเรื่องดูเหมือนว่าสังคมยังทราบไม่หมด ต้องขอบคุณทุกคนที่ถามไถ่ แต่บางอย่างไม่เป็นความจริงและถูกบิดเบือน ยังไม่มีการให้ปากคำใด ๆ ทั้งสิ้น ในฝั่งตนรายละเอียดส่วนนั้นก็ขอให้การที่ชั้นศาลเท่านั้น และให้ทนายเป็นผู้ดำเนินการ เบื้องต้นยอมรับในส่วนที่ทำและใช้หลักฐานชี้แจงในส่วนต่าง ๆ แต่ขอไม่เป็นเครื่องมือให้ฝ่ายไหนทั้งสิ้น ขออภัยท่านที่ติดต่อมา และเรานิ่งเฉยนะคะ ส่วนตัวได้ลาออกจากบริษัทตั้งแต่ต้นปีแต่มีผลสิ้นเดือนเมษายนนี้ แล้วตนก็มาทำกองทุนแห่งหนึ่ง ซึ่งกำลังจะขยายสู่ต่างประเทศถ้าสนใจคุยกันเรื่องนี้ ติดต่อมาได้ค่ะ

 

สาวอดีตผู้บริหาร บ. ระดับโลก เมาแล้วขับถีบหน้ารอง ผกก.