จากกรณีกลางดึกของวันที่ 17 เมษายน 2567 ร.ต.อ.สิงหา สิงหาชาลี ร้อยเวรสอบสวน สภ.คลองหลวง รับแจ้งมีเหตุแทงกันมีผู้เสียชีวิตที่เกิดเหตุ ถนนเลียบคลองแอน 1-2 เลยหมู่บ้านไปด้านทิศเหนือประมาณ 500 เมตร ม.15 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ภายในป่าหญ้ารกทึบพบผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อ น.ส.แอนนภา หรือแอน อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นพนักงานคลังสินค้าแห่งหนึ่ง มีบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมบริเวณหัวเข่าซ้าย 1 แผล ชายโครงซ้าย 1 แผล ใต้ราวนมขวา 1 แผล กลางหลัง 2 แผล เป็นเหตุให้เสียชีวิต ใกล้กันพบรองเท้าผู้ตายตกอยู่ ห่างกันเล็กน้อยพบอาวุธมีดปลายแหลมเปื้อนเลือด ยาวประมาณ 25 เซนติเมตร ตกอยู่ 1 เล่ม เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้ตรวจสอบ ขณะที่บนพื้นถนนยังพบรอยเลือดหยดเป็นทางยาว จนถึงตลิ่งริมคลองส่งน้ำ ส่วนคนก่อเหตุ คือนายนัฐวุฒิ หรือบังติ๊บ อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นอดีตสามีของผู้ตาย หลบหนีไปหลังก่อเหตุ




ล่าสุดวันนี้ (18 เม.ย. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ ที่ถนนเลียบคลองแอน 1-2 โดยลักษณะจุดเกิดเหตุเป็นถนนริมป่า และจะมีร่องน้ำอยู่ตรงกลางระหว่างถนนอีกฝั่ง ซึ่งในที่เกิดเหตุยังพบร่องรอยคราบเลือดตั้งแต่บริเวณร่องน้ำหยดเป็นทางขึ้นมาบนถนน และหยดตามทางไปในป่าซึ่งเป็นจุดที่นางแอนนภา ผู้ตายนอนเสียชีวิต




ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายธนัท อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานเพจสายไหมต้องรอด ที่มีความสนิทสนมกับผู้ตาย และเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์เป็นคนสุดท้ายในขณะที่ผู้ก่อเหตุกำลังทำร้ายผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนเองเริ่มรู้จักกับ น.ส.แอน ผู้ตายได้ไม่กี่วัน เนื่องจากมีรุ่นน้องแนะนำ น.ส.แอน ผู้ตายให้มาทำความรู้จัก ซึ่งเมื่อรู้จักกันแล้ว น.ส.แอน ได้ขอความช่วยเหลือกับตนเอง โดยให้เหตุผลว่า ถูกนายนัฐวุฒิ หรือบังติ๊บ ซึ่งเป็นอดีตสามีทำร้ายร่างกาย


จากนั้นด้วยความที่ตนเองเป็นจิตอาสาของเพจสายไหมต้องรอด จึงให้ น.ส.แอน มาอาศัยอยู่ที่บ้าน ซึ่งก่อนจะเกิดเหตุตนเองได้ฝากให้ น.ส.แอน ดูแลแมวอยู่ที่บ้าน จนกระทั่งช่วงค่ำเมื่อวานนี้ จู่ ๆน.ส.แอนก็เกิดความเกรงใจตนเองขึ้นมา โดยขอให้ตนเองขับรถไปส่งที่บ้านเพื่อนแถว ๆ ตำบลพยอม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยระหว่างทางตนเองสังเกตว่า น.ส.แอน มีการคุยโทรศัพท์กับอดีตสามีมาตลอดทาง ซึ่งจากการสอบถามในตอนนั้น น.ส.แอน บอกว่าอดีตสามีโทรศัพท์มาทำนองว่าคิดถึงและอยากจะเจอเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งด้วยความเป็นห่วง ตนเองยังบอกกับ น.ส.แอน ไปว่า ถ้าไปเจอ พี่ว่าน้องโดนทำร้ายแน่นอนและยังแนะนำไปว่า ถ้าอดีตสามีต้องการเจอจริง ๆ ให้นัดไปเจอที่โรงพักแต่ น.ส.แอน ก็เงียบไม่ยอมตอบอะไร




จนกระทั่งเมื่อตนเองไปส่งที่จุดนัดหมาย น.ส.แอน ก็เงียบไปซึ่งตนเองคิดในใจว่าคงจะอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว แต่ปรากฏว่าเวลา 22.22 น. เบอร์โทรศัพท์ของ น.ส.แอน ก็โทร. เข้ามา แต่คนที่พูดในสายคือ บังติ๊บ บอกตนเองว่า "มึงมีอะไรจะสั่งเสียกันหรือไม่ เดี๋ยวอีแอนจะไม่มีโอกาสได้พูดแล้วนะ" ซึ่งเมื่อตนเองได้ยินคำพูดดังกล่าวจึงพยายามถามกับ บังติ๊บ ว่า "ตอนนี้อยู่ที่ไหน อย่าทำอะไรผู้หญิงนะ" แต่บังติ๊บตอบว่า "มึงไม่ต้องรู้เพราะกูจะฆ่ามัน" แล้วก็ได้ยินเสียงทำร้ายกันในสายแล้วสายก็ตัดไป


จากนั้นเมื่อตนเองคิดว่าผู้หญิงกำลังตกอยู่ในอันตราย จึงโทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจ สภ.วังน้อย แต่ปรากฏว่าพื้นที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ สภ.คลองหลวง จึงตัดสินใจโทรศัพท์เข้าไปที่เบอร์ของ น.ส.แอน อีกครั้ง และในขณะที่มีการรับสาย ตนเองได้ยินเสียง น.ส.แอน ตะโกนว่า "ช่วยหนูด้วย หนูอยู่แถวแมนฮัตตั๋น" แต่ปรากฏว่าพอตนเองขับรถไปถึงแมนฮัตตั๋นก็ไม่เจอใคร จึงย้อนคิดไปว่าเสียงที่ได้ยินมีเสียงจิ้งหรีดเข้ามาในสาย ก็เลยตัดสินใจขับรถเลาะดูตามป่า กระทั่งไปถึงที่เกิดเหตุก็พบว่ามีรถมอเตอร์ไซค์ของคนก่อเหตุจอดอยู่ข้างทาง และเมื่อลงรถเอาไฟฉายส่องไปในป่าก็เห็นคนก่อเหตุกำลังวิ่งขึ้นมาจากป่าจากนั้นก็ขี่รถหลบหนีไป




จากนั้นเมื่อคนก่อเหตุหนีไปแล้ว ตนเองก็พยายามโบกรถให้คนช่วย แต่ปรากฏว่าไม่มีใครช่วย ตนเองจึงเปลี่ยนเสื้อเป็นเสื้อของสายไหมต้องรอด กระทั่งมีคนจอดช่วยและไปพบ น.ส.แอน นอนจมกองเลือดอยู่ในป่า ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้น ตนเองยืนยันว่าไม่ได้เป็นมือที่สาม และที่ให้ น.ส.แอน มาอยู่ที่บ้าน เป็นการให้มาเฝ้าแมวระหว่างที่ น.ส.แอน หนีอดีตสามีมาหลบที่บ้านเท่านั้น




ขณะเดียวกันภาพวงจรปิดชุดแรก เป็นภาพที่บ้านของนายธนัท จะเห็นว่าเมื่อวานนี้ในช่วงบ่าย ขณะที่ น.ส.แอน ผู้ตายไปอาศัยอยู่ที่บ้านของนายธนัท เวลา 13.16 น. จะเห็นว่า น.ส.แอน ได้มีการเดินออกจากบ้านไปซื้อของ จากนั้นเมื่อซื้อของเสร็จ น.ส.แอน ก็เดินกลับมาที่บ้านในเวลา 13.18 น.




จากนั้นในเวลา 19.08 น. ก่อนที่นายธนัทจะขับรถออกไปส่ง น.ส.แอน ที่อำเภอวังน้อย จะเห็นว่า น.ส.แอน มีการเดินนำของบางอย่างมาวางที่ท้ายรถกระบะ จากนั้นนายธนัทก็เดินไปขึ้นรถเพื่อพา น.ส.แอน ไปส่งที่บ้านเพื่อนของ น.ส.แอน


ขณะเดียวกัน ทีมข่าวไปได้ภาพวงจรปิด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ บังติ๊บ คนก่อเหตุ มีการพา น.ส.แอน ไปกินหมูกระทะ ก่อนตาย ซึ่งภาพวงจรปิดภายในร้าน จะเห็นว่าทั้งคู่ไม่ได้มีท่าทีที่จะทะเลาะกัน และมีการเดินไปตักหมูกินแล้วก็ไปนั่งที่โต๊ะ ก่อนจะพา น.ส.แอน ไปยังที่เกิดเหตุและลงมือฆ่าฝ่ายหญิง




ความคืบหน้าล่าสุด (18 เมษายน 2567) ที่โรงพักคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ตั้งแต่ช่วงเช้าตำรวจได้เรียกประชุมชุดสืบสวนเพื่อกระจายงานกันออกติดตามหาตัวบังติ๊บ แต่ระหว่างการประชุม เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.คลองหลวง ได้รับการประสานจาก สภ.ลำหิน เขตหนองจอก ว่า บังติ๊บได้ติดต่อขอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว


จากนั้นตำรวจชุดสืบสวน สภ.คลองหลวง ได้เดินทางไปรับตัวบังติ๊บมาสอบปากคำทันที โดยก่อนจะนำตัวมา สภ.คลองหลวง เจ้าหน้าที่ได้สอบถามบังติ๊บถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเจ้าตัวได้อ้างว่า ทำไปเพราะความหึงหวง และเกิดจากปัญหาครอบครัว ส่วนอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุอยู่ภายในรถอยู่แล้ว โดยเจ้าตัวยอมรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริง




ต่อมาเวลา 11.56 น. ตำรวจชุดสืบสวน สภ.คลองหลวง ได้เดินทางไปรับตัวบังติ๊บกลับมาถึงห้องสืบสวนโรงพักคลองหลวง จากนั้นทีมข่าวช่อง 8 พยายามเข้าไปสอบถามบังติ๊บสาเหตุใดทำไมถึงต้องลงมือฆ่าแฟนสาว เจ้าตัวมีสีหน้าเคร่งเครียด เอาแต่ก้มหน้า และไม่ยอมเปิดปากพูดใด ๆ กับผู้สื่อข่าว


ด้าน พ.ต.อ.วิษณุรักษ์ พรหมเมศร์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี เผยว่า จากการสอบปากคำผู้ก่อเหตุเบื้องต้นให้การรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือก่อเหตุแทงอดีตภรรยาจริง โดยก่อนเกิดเหตุผู้ก่อเหตุได้มีการนัดผู้ตายไปกินหมูกระทะแห่งหนึ่ง ใกล้ซอยที่เกิดเหตุ เพื่อง้อขอคืนดี หลังจากนั้น ผู้ตายได้มีการขอให้ผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งที่หอพักของเพื่อนชายคนสนิท ผู้ตาย


แต่ระหว่างทางใกล้บริเวณจุดเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุพยายามง้อขอคืนดีผู้ตาย แต่ผู้ตายไม่ยอมคืนดีด้วย จึงทำให้ทั้งคู่มีปากเสียงทะเลาะกัน และในขณะนั้นบังเอิญเพื่อนชายคนสนิทของผู้ตาย ได้มีการโทรศัพท์มาหาผู้ตายพอดี จึงทำให้คนก่อเหตุบังคับให้ผู้ตายเปิดลำโพงคุยสายกัน และให้ผู้ตายเลือกว่าจะคบหากับใคร แต่ขณะนั้นผู้ตายไม่ยอมคุย และพยายามตะโกนเรียกให้เพื่อนชายคนสนิทมาช่วยเหลือ จึงทำให้ผู้ก่อเหตุไม่พอใจและเกิดความโมโห ก่อนจะมีการใช้มีดที่อยู่ใต้เบาะรถจักรยานยนต์กระหน่ำแทงผู้ตายจนเสียชีวิต หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับไปที่บ้านแม่ ย่านหนองจอกเพื่อไปบอกลาแม่ของเจ้าตัวและลูกทั้ง 3 คน ก่อนจะมีการประสานงานกับเจ้าที่ตำรวจเพื่อขอมอบตัว




จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปมเหตุมาจากเรื่องชู้สาวและความหึงหวง เนื่องจากผู้ก่อเหตุถูกผู้ตายบอกเลิกเพราะก่อนหน้านี้ผู้ตายจับได้ว่าผู้ก่อเหตุมีหญิงอื่น จากการสอบปากคำผู้ก่อเหตุให้การยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา แต่ขอปฏิเสธไม่ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากอับอายกับสิ่งที่ตัวเองกระทำกับอดีตแฟนสาว หลังจากนี้ ทางเจ้าที่ตำรวจจะมีการสอบปากคำเพิ่มเติม และทำบันทึกจับกุม ก่อนจะมีการคุมตัวผู้ก่อเหตุเข้าห้องคุมขัง พร้อมดำเนินคดีในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพกพาอาวุธมีด ต่อไป




ขณะเดียวกันทีมข่าวได้สอบถามแม่ของน้องแอน ผู้เสียชีวิต ซึ่งหลังจากทราบว่า บังติ๊บ ผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นลูกเขยได้ติดต่อเข้ามามอบตัวกับตำรวจแล้ว เธอจึงได้เดินทางมาดูหน้าที่โรงพักด้วยจากนั้นได้รีบเดินทางกลับ ทีมข่าวพยายามสอบถามแม่ของน้องแอน ยอมรับว่า บังติ๊บ ที่ผ่านมาเคยลงมือทำร้ายลูกสาวได้รับบาดเจ็บหลายครั้งแล้ว และลูกสาวก่อนหน้านี้จับได้ว่า บังติ๊บแอบไปมีหญิงอื่น ซึ่งตนเองจึงแนะนำลูกสาวไปว่า “ถ้าเขาไม่รักเราเเล้ว เขาอยากไปมีคนอื่นก็ปล่อยเขาไปนะลูก” เตือนลูกสาวไปแล้ว ลูกสาวก็ตอบตนเองว่า “หนูกำลังทำใจอยู่นะแม่ หนูคิดว่าไม่นานคงทำใจได้”


จากนั้นลูกสาวก็ได้ไปคบกับผู้ชายคนใหม่ ซึ่งเป็นการคบหากันอย่างเปิดเผย ไม่ได้หลบซ่อนอะไร และตนเองไม่คิดเลยว่า บังติ๊บจะมาฆ่าลูกสาวโหดเหี้ยมขนาดนี้ และตนเองอยากให้ตำรวจแจ้งดำเนินคดีกับอดีตลูกเขยให้ถึงที่สุด สำหรับทั้งคู่อยู่กินกันมากว่า 18 ปีแล้ว มีลูกด้วยกัน 3 คน โดยฝ่ายชายเป็นคนดูแลลูกทั้งสาม ที่ จ.นครศรีธรรมราช หลังจากนี้ ตนเองก็รู้สึกสงสารหลาน ๆ ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

 

"บังติ๊บ" สุดเหี้ยม! หวงก้างเมียเก่าโทรลวงไปฆ่าทิ้ง