สาวขับเก๋งพุ่งชน ตร.ทางหลวง อากาสาหัส ร่างกระเด็นไกล 10 เมตร ขณะอำนวยความสะดวกจราจรสงกรานต์

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 16 เม.ย.67 ขณะที่ ดาบตำรวจปิยนันท์ สีเสื้อ ผบ.ส.ทร.3 กก.1 บก.ทร. (อยู่หมวดทางหลวง ดีลัง) กำลังปฏิบัติหน้าที่ให้อำนวยความสะดวกด้านการจราจรอยู่บนถนนสายสระบุรี หล่มสัก ทางหลวงหมายเลข 21 หมู่ที่ 4 ต.ดีลัง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ได้มีรถกระบะยี่ห้อ นิสสัน สีขาว หมายเลขทะเบียน กร1405 สระบุรี ขับมาชนจนร่าง ดาบตำรวจปิยนันท์ สีเสื้อ ร่างกระเด็ดลอยไป 10 เมตร เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่อยู่ใกล้กันกับตำรวจซึ่งขณะนั้น ช่วยการจราจรอยู่ด้วยกัน ได้รีบนำตัว ดาบตำรวจปิยนันท์ สีเสื้อ ไปส่งยัง โรงพยาบาลพัฒนานิค อ.พัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี

สำหรับ ดต.ปิยนันท์ สีเสื้อ เป็นตำรวจทางหลวง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยเคลื่อนเร็ว เมื่อยามคับขัน ตรงการจราจรติดขัดก็จะรีบไปอำนวยความสะดวกทันที เพราะวันนี้เป็นวันที่นักท่องเที่ยวกำลังจะเดินทางกลับจากภูมิลำเนา เพื่อกลับเข้าทำงานหลังหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ รถติดขัดหนาแน่นมาก ช่วงถนนสาย หล่มสัก – สระบุรี โดยเฉพาะในช่วง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี

ซึ่งผู้ขับขี่รถยนต์กระบะรถยนต์เก๋งยี่ห้อ นิสสัน สีขาว หมายเลขทะเบียน กร.1405 สระบุรี ชื่อ น.ส.พรเพ็ช หลังจากขับชนดาบตำรวจปิยนันท์ รถยนต์ไม่สามารถไปไหนได้ จึงถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมไปดำเนินการสอบสวนยัง สถานีตำรวจภูธรพัฒนานิคม

สาเหตุที่ขับมาชนดาบตำรวจปิยนันท์ สีเสื้อ นั้นเป็นเพราะในช่วงนั้นเป็นช่วงที่ตำรวจทางหลวง ขยายช่องทาง เพื่อให้รถวิ่งโดยสะดวก แต่พอมาถึงที่เกิดเหตุ เป็นทางคอขวด และช่วงนั้น ดาบตำรวจปิยนันท์ สีเสื้อ ยืนคอยโบกรถอยู่ น.ส.พรเพ็ช ไม่ทันสังเกตเห็น จึงขับมาชนอย่างแรงจนทำให้ ดาบตำรวจปิยนันท์ สีเสื้อ ร่างกระเด็นได้บาดเจ็บสาหัส

ต่อมาช่วงเวลา 21.00 น. ตำรวจทางหลวงได้ติดต่อประสานงานกับกองบินตำรวจเพื่อขอสนับสนุน ให้นำ เฮลิคอปเตอร์ มารับผู้บาดเจ็บโดยมาลงจอดที่สนามบินชั่วคราวโรงเรียนพัฒนานิคม เพื่อรับตัวดาบตำรวจปิยนันท์ สีเสื้อ ผู้บาดเจ็บที่ยังมีการหนักไม่รู้สึกตัวรักษาอยู่โรงพยาบาลพัฒนานิคม เตรียมเคลื่อนย้ายไปรักษาตัวในกรุงเทพมหานครฯ โดยการเครื่องย้ายจากโรงพยาบาลโดยทีมกู้ชีพ หลังจากนักบินนำเครื่องจอดสนามบินชั่วคราว เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูได้นำผู้บาดเจ็บลงจากรถกู้ชีพย้ายขึ้นไปที่เฮลิคอปเตอร์ แต่หลังจากที่นักบินนำเครื่องบินขึ้นได้ประมาณ 2 นาที ปรากฏว่าผู้ป่วยมีอาการความดันตกมาก หากเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ต่อไปอาจทำให้หัวใจของผู้ป่วยหยุดเต้นได้ จึงต้องนำเครื่องกลับมาลงมาจอดสนามบินชั่วคราว นำส่งผู้ป่วยรักษาต่อที่โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช