จากกรณีผู้ใช้ Facebook รายหนึ่ง โพสต์ภาพสองคนร้าย ขับรถจักรยานยนต์ สีน้ำเงิน เข้ามาในโรงเรียน ซึ่งมีเด็กนักเรียนรอซ้อมฟุตบอลอยู่ภายในโรงเรียนข้างสนามฟุตบอล ถูกคนร้ายทั้งสองคนล็อกคอขู่ฆ่าบังคับให้บอกรหัสปลดล็อกโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะได้โทรศัพท์มือถือไปหนึ่งเครื่องแล้วขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป

 

ต่อมาเราได้เดินทางมาคุยกับน้องเอิร์ธ อายุ 10 ขวบ ผู้เสียหาย เล่าให้เราฟังว่าที่เกิดเหตุตนเองไปนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือกับพี่กัสและพี่บอลในโรงเรียน จากนั้นคนก่อเหตุก็ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาในโรงเรียน ก่อนจะมานั่งข้างพี่กัส พร้อมกับนับ 123 มานี้ เรียกให้กลุ่มของตนเองไปหา ตอนนั้นพี่บอลได้พูดขึ้นว่า 123 ก็วิ่งสิ รออะไร แต่ตนเองวิ่งไม่ทันเพื่อน คนก่อเหตุจึงได้ถามตนเองว่าชื่ออะไร ตนเองจึงตอบกลับไปว่าชื่อเอิร์ธหลังจากนั้นคนก่อเหตุก็ได้ยืมโทรศัพท์มือถือของตนโดยอ้างว่าจะโทรหาลุงและให้ตนบอกรหัสปลดล็อกโทรศัพท์หลังจากที่ตนบอกรหัสปลดล็อกโทรศัพท์ คนก่อเหตุก็ชิงโทรศัพท์และขี่รถจักรยานยนต์หนี

 

น้องเอิร์ธ เล่าให้เราฟังอีกว่า โทรศัพท์เครื่องนี้มีความหมายกับน้องเอิร์ธมาก เพราะเป็นโทรศัพท์ของคุณพ่อที่ทิ้งไว้ให้ใช้ ก่อนเสียชีวิตไปเมื่อสองปีที่แล้ว ส่วนแม่เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งทุกครั้งที่ตนเองคิดถึงพ่อก็จะนำโทรศัพท์เครื่องนี้ขึ้นมาเปิดดูรูปถ่ายที่ตนเองเคยถ่ายกับพ่อและข้อความที่เคยคุยกับพ่อในช่วงที่พ่อมีชีวิตอยู่ ซึ่งก็ทำให้ตนเองหายคิดถึงพ่อบ้าง จึงอยากให้คนที่ก่อเหตุนำโทรศัพท์มาคืน เพราะถือว่าเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่พ่อทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า

 

ล่าสุดนายโหน่ง อายุ 17 ปี พร้อมด้วย น.ส.ขวัญ อายุ 15 ปี คนร้ายที่ขโมยโทรทัศน์น้องเอิร์ธ ได้ติดต่อขอคืนโทรศัพท์ให้น้องเอิร์ธ ผ่านทางผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งหลังจากที่น้องเอิร์ธได้รับโทรศัพท์ก็มีสีหน้าดีขึ้น อย่างเห็นได้ชัด

 

ต่อมาเราได้สอบถามนายโหน่งอายุ 17 ปีคนร้ายที่ขโมยโทรศัพท์ของน้องเอิร์ธ โดยได้อ้างว่า โทรศัพท์ของตนเองพังและต้องการที่จะหาโทรศัพท์ไปเล่นเกม โดยก่อนที่จะขโมยโทรศัพท์ของน้องเอิร์ธ ตนเองได้บอกน้องเอิร์ธว่าจะขอยืมไปชั่วคราว เท่านั้น แต่หลังจากที่ได้โทรศัพท์แล้วตนเองก็มาเห็นข่าว ว่าโทรศัพท์เครื่องที่ตนเองชิงน้องเอิร์ธมามีความหมายกับน้องเอิร์ธมาก จึงรู้สึกกลัวและรู้สึกสำนึกผิดจึงได้ติดต่อผู้ใหญ่บ้านเพื่อขอคืนโทรศัพท์ให้กับน้อง พร้อมกับสัญญาว่าจะไม่ทำพฤติกรรมเช่นนี้อีกแล้ว

 

ขณะที่นางสาวขวัญ อายุ 15 ปี คนที่ร่วมก่อเหตุ อ้างว่า วันเกิดเหตุตนเองไม่รู้ว่านายโหน่งจะเข้าไปปล้นเอาโทรศัพท์น้องเอิร์ธ แต่ตอนนั้นนายโหน่งอ้างกับตนว่าจะไปขอเงินกับลุงเท่านั้น แต่พอไปถึงโรงเรียนกลับเห็นนายโหน่งเข้าไปปล้นเอาโทรศัพท์มือถือของน้องเอิร์ธ ซึ่งในตอนนั้นตนเองยอมรับว่ากลัวนายโหน่งจึงไม่กล้าขัดขืนหรือไม่กล้าห้ามปราม หลังก่อเหตุยอมรับว่าตนเองเป็นคนขี่รถให้นายโหน่งซ้อนท้ายและพากันหลบหนีมาที่บ้าน ซึ่งโทรศัพท์มือถือไม่ได้อยู่กับตนเองแต่อยู่กับนายโหน่งแต่ตนเองก็ยอมรับผิดที่ได้ร่วมกันกับนายโหน่งไปก่อเหตุต้นโทรศัพท์มือถือของน้องเอิร์ธ และยืนยันว่าตนเองไม่ได้วางแผนที่จะไปปล้นโทรศัพท์มือถือน้องเอิร์ธแน่นอน

2 โจรละอ่อน ชิงมือถือเด็ก 10 ขวบ น้องช้ำใจเป็นมรดกพ่อก่อนตาย