ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายังบ้านนางเก๋ ภรรยาอีกคนของเสี่ยหมาส อีกครั้ง โดยเก๋ ได้เปิดใจประเด็นต่างๆกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ถึงแม้ว่าตอนนี้เจ๊อ้วนนั้น จะถูกควบคุมตัวไปดำเนินคดีเรียบร้อยแล้ว ตนก็ยังกังวลและระแวงว่า เจ๊อ้วนจะยังสั่งคนมาตามเก็บตนอยู่ดี อย่างไรก็ตามในใจลึกๆแล้วตนก็ยังสงสารเจ๊อ้วนอยู่ดี เนื่องจาก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันมีแต่ความสูญเสียไม่ว่าจะเป็นเสี่ยหมาส ที่ต้องจากไป หรือเจ๊อ้วนเองที่เป็นคนสั่งฆ่าก็ต้องติดคุก หรือจะเป็นตนที่ความรู้สึกตอนนี้ก็เจ็บปวดเหลือเกิน

 

ทั้งนี้เรื่องของงานศพเสี่ยหมาส ที่ตอนนี้มีการนำศพมาประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว จริงๆแล้วความตั้งใจของเสี่ยหมาส ก็พูดกับตนไว้ว่าถ้าตัวเองตายก็ขอมางานศพด้วย แต่ตนก็เคยพูดกับเสี่ยหมาสเอาไว้เช่นกันว่าถ้าเสี่ยหมาสตายก็คงไม่มีญาติของเสี่ยหมาสคนไหนจะต้อนรับตนแน่ๆ และเมื่อเสี่ยหมาสได้ตายไปจริงๆ ก็ยังยืนยันว่าในใจตนอยากจะไปงานศพตามที่เสี่ยหมาส แต่เมื่อญาติๆของเสี่ยหมาสประกาศออกมาแล้วว่าจะไม่ต้อนรับตนเด็ดขาด ตนก็เชื่อว่าหากตนไม่ไปงานศพ เสี่ยหมาสเองก็คงเข้าใจและรับรู้ว่าถ้าตนไปแล้วก็มีปัญหาตามมาแน่นอน ทำให้หลังจากนี้ ตนก็รู้ตัวดีว่าคงไม่ได้ไปงานศพเสี่ยหมาสแน่ๆ ทางตนเองก็มีการทำบุญเชิญญาติพี่น้องในกลุ่มประมาณ 5-6 คน ไปร่วมกันทำบุญที่วัด ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้ระบุว่าจะเป็นวัดใดหรือวันไหนยังสรุปไม่ได้ แต่ก็เป็นเร็วๆวันนี้อย่างแน่นอน

 

รวมไปถึงยังมีเรื่องของรูปถ่ายเสี่ยหมาสภายในงานศพ ที่รูปดังกล่าวนั้นเป็นรูปของตัวเองที่ถ่ายคู่กับเสี่ยหมาส แล้วทางญาติๆที่เป็นผู้จัดงานศพ นำรูปไปตัดต่อ โดยตัดต่อเอารูปตัวเองที่ยืนอยู่ข้างๆออกจากเสี่ยหมาสให้เหลือรูปเสี่ยหมาสคนเดียวนั้น ตนก็รู้สึกยินดีที่ทางญาตินำรูปดังกล่าวไปใช้ ถึงแม้ว่าทางญาติคนอื่นๆจะไม่รู้ว่ารูปนี้ถูกตัดต่อเอาตนออกก็ตาม เพราะเชื่อว่าทางญาติที่เลือกรูปนี้ไปใช้ ก็คงเห็นว่ารูปนี้เป็นรูปที่เสี่ยหมาสกำลังยิ้มจึงเชื่อว่าอาจจะเป็นรูปที่เสี่ยหมาสกำลังมีความสุขอยู่แล้วนำมาใช้ก็เป็นได้

 

นอกจากนี้เรื่องที่นายชัยถูกตำรวจควบคุมตัวและนำไปดำเนินคดี และก็พอทราบข่าวมาว่าคนอื่นๆ ที่อยู่ในขบวนการอุ้มฆ่าเสี่ยหมาส ก็เตรียมตัวเข้ามอบตัวกับตำรวจนั้น ตนก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่เสี่ยหมาสนั้นได้เรียกร้องความธรรมของตัวเองได้สำเร็จแล้ว แล้วก็อยากให้คนที่อยู่ในขบวนการดังกล่าวได้รับกรรมของตัวเองอย่างสาสม และหลังจากนี้ตนก็ไม่ได้อยากจะไปสาปแช่งคนเหล่านี้ เพราะไม่อยากต่อเวรต่อกรรมกับใครอีกแล้ว

 

ส่วนตอนที่รู้ข่าวว่านายชัยนั้นอยู่ในขบวนการอุ้มเสี่ยหมาส ตนก็พยายามติดต่อหานางอิง ภรรยาของนายชัย เพื่อถามไถ่ว่าตอนนี้เสี่ยหมาสเป็นอย่างไรบ้าง นายชัยเอาเสี่ยหมาสไปไว้ที่ไหน ทำอะไรกับเสี่ยหมาสบ้าง นางอิงก็ได้ยืนยันกับตนว่านายชัยไม่ได้เป็นใจร้าย ไปทำร้ายเพื่อนแน่นอน บางทีก็อ้างว่าเสี่ยหมาสโทรหานายชัย บอกว่าตัวเองอยู่เมียนมาไม่ต้องเป็นห่วง

 

สุดท้ายช่วงที่เสี่ยหมาส หายตัวไป ตนเองก็ได้ฝันถึงเสี่ยหมาสบ่อยครั้ง โดยวันที่พบศพเสี่ยหมาสหนึ่งวัน ตนได้ฝันว่าเสี่ยหมาสนั้นมาหาและลูบหัวตน ตนจึงลงไปนอนที่ตักของเสี่ยหมาส รวมไปถึง ตอนที่พบศพเสี่ยหมาสแล้ว ขณะที่ตนกำลังนอนอยู่ในบ้าน แล้วช่วงที่นอนก็เปิดพัดลมไว้ จู่ๆพัดลมใบพัดก็หยุดทำงานและไม่หมุน แต่พัดลมยังคงสายและทำงานปกติ นั่นจึงทำให้ตนรู้เลยว่าเสี่ยหมาสนั้นมาหาตนแน่ๆ เพราะเสี่ยหมาสเวลามาที่บ้านตนจะไม่ชอบเปิดพัดลมถ้าตนเปิดอยู่ก็จะมาปิดตลอดนั่นเอง

 

ทั้งนี้เก๋ ก็ได้นำรูปของเสี่ยหมาสที่ตัวเองจะใช้ในการทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลด้วยตนเอง โดยรูปดังกล่าวเป็นรูปที่เสี่ยหมาสกำลังยิ้มแบบมีความสุข และเก๋ก็เลยบอกกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า สาเหตุที่เลือกรูปดังกล่าวก็เพราะว่ารูปนี้เป็นรูปที่เสี่ยหมาสถ่ายเซลฟี่ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นรูปที่ยิ้มแบบมีความสุข ถ้าตนเห็นรูปนี้ตนก็มีกำลังใจในการมีชีวิตอยู่ต่อไป

 

ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางมายังงานศพของเสี่ยหมาส ที่วันนี้นั้นมีการสวดบำเพ็ญกุศล โดยบรรยากาศภายในงานมีทางชาวบ้านและญาติๆ เดินทางมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง โดยเมื่อเวลา 20.00 น. ได้มีการพิธีสวดอภิธรรม ซึ่งเก้าอี้ภายในงานเต็มทุกที่นั่ง จนชาวบ้านต้องมานั่งฟังสวดอภิธรรม ในเต็นท์ที่จัดไว้ให้ชาวบ้านมาที่โต๊ะเพื่อรับประทานกัน รวมไปถึงก็มีร้านรวมต่างๆที่ตั้งอยู่ภายในงานศพ โดยมีร้านขนมหวานร้านของเล่นเด็กและร้านเสื้อผ้า

 

จากนั้นทีมข่าวช่อง 8 ได้มีโอกาสพูดคุยกับนางวรรณ อรรวรรณ อายุ 58 ปี พี่สาวอีกคนของเสี่ยหมาส โดยนางวรรณได้เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ในวันนี้หลังจากที่เจ๊อ้วนนั้นตัดสินใจที่ไม่ประกันตัวเองออกมาและขอไปชดใช้ความผิดทั้งหมดในเรือนจำ ตนนั้นมองว่าถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องไม่หนักขนาดนี้ เชื่อว่าเจ๊อ้วนก็คงยื่นประกันตัวออกมางานศพเสี่ยหมาสแน่นอน แต่เจ๊อ้วนเองคงได้มีการพูดคุยกับตำรวจแล้วว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นเป็นสิ่งที่ร้ายแรงมาก หากได้ประกันตัวออกไปสู้คดี ไม่นานก็ต้องมาชดใช้ความผิดอยู่ดี เจ๊อ้วนจึงตัดสินใจไม่ขอยื่นประกันตัวดีกว่า

 

และขณะที่ลูกๆของเจ๊อ้วนได้ไปอยู่ที่กทม.นั้น เจ๊อ้วนเองก็ได้มีการโทรศัพท์พูดคุยกับลูกอยู่ทุกวัน โดยมักจะถามสารทุกข์สุขดิบกันตลอดว่าต่างคนต่างเป็นอย่างไรกันบ้าง และลูกๆเองก็มีการโทรหาญาติๆด้วยว่าดูแลแม่ตนเองดีหรือไม่ ซึ่งญาติๆเองก็บอกกับลูกๆของเจ๊อ้วนไปว่าดูแลให้อย่างดี ไม่ต้องเป็นห่วง ทำให้ลูกๆของเจ๊อ้วนเองก็เบาใจไปเปราะหนึ่ง จนกระทั่งเจ๊อ้วนเริ่มรู้ตัวแล้วว่ายังไงตัวเองนั้นก็ต้องถูกดำเนินคดีอย่างแน่นอน เจ๊อ้วนก็ได้มีการโทรศัพท์ไปบอกลูกๆว่าไม่ต้องมางานศพพ่อเด็ดขาด ทั้งที่จริงลูกๆของเจ๊อ้วนเองหลังจากที่รู้ข่าวแล้วว่าพบศพพ่อของตัวเองก็รีบเตรียมตัวจะมางานศพพ่อ และเมื่อตนทราบเช่นนี้ว่าเจ๊อ้วนห้ามไม่ให้ลูกๆมางานศพพ่อตัวเอง เจ๊อ้วนก็ตอบกลับมาว่าเพราะไม่อยากให้ลูกๆรับรู้และเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อยากจะจัดการปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวตนเดียว

 

และหลังจากที่เรื่องราวต่างๆเริ่มชัดขึ้น ลูกๆของเจ๊อ้วนก็รับรู้แล้วว่าแม่ของตนเป็นคนสั่งฆ่าพ่อตัวเอง ตอนนี้ลูกลูกของเจ๊อ้วนก็ยังไม่มีใครทำใจได้เลยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังคงร้องไห้และเศร้าเสียใจตลอด เพราะไม่คิดว่าแม่ตัวเองจะเป็นคนลงมือสั่งตายพ่อแบบนี้

 

ส่วนเรื่องของนางเก๋ เมียอีกคน ที่เคยพูดเอาไว้ว่าอยากจะมางานศพเสี่ยหมาส ทางตนก็ไม่ได้ติดขัดอะไรเพราะนางเก๋ เมียเบอร์ 2 ก็ถือว่าเป็นเมียอีกคนของน้องชายตน ถ้าคิดถึงหัวใจลูกผู้หญิงด้วยกัน ตนก็คงจะไม่ใจร้ายห้ามไม่ให้นางเก๋ เมียเบอร์ 2 มางานศพไม่ได้ แต่จากที่คุยกับทางญาติญาติและพี่น้องของเสี่ยหมาสทุกคน ก็ตกลงกันแล้วว่าจะไม่ให้นางเก๋มาที่งานศพอย่างเด็ดขาด แต่ถ้าหากเก๋เดินทางมาร่วมงานจริงๆ ตนไม่รู้ว่าคนอื่นจะต้อนรับหรือไม่ แต่ถ้าเป็นตนก็ยินดีต้อนรับไม่ขับไสไล่ส่งแน่นอน ส่วนตอนนี้ตนก็พอทราบข่าวแล้วว่าผู้ร่วมขบวนการอุ้มน้องชายตน เริ่มทยอยมอบตัวกันแล้ว ตนก็รู้สึกสบายใจ และขอชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำงานกันอย่างรวดเร็ว เพราะชาตินี้ตนเชื่อไปแล้วว่าตัวเองจะไม่ได้เจอน้องชายแล้ว

"เก๋" หวั่น "เจ๊อ้วน" สั่งตายผ่านคุก ทำใจไม่ร่วมงานศพ "เสี่ยหมาส"