จากกรณี นายขนบ สมหวัง หรือ เสี่ยหมาส อายุ 56 ปี เจ้าของสนามไก่ชนชื่อดัง ใน อ.สวี จ.ชุมพร ได้หายตัวไปอย่างปริศนาจากบ้านพัก ในพื้นที่ หมู่ 5 ตำบลเขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร ช่วงคืนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 67 พร้อมรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีขาว กระทั่งล่าสุด เจ้าหน้าที่ไปพบศพของเสี่ยหมาสแล้ว ซึ่งถูกฝังอยู่ในพื้นที่ป่า เขต อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช และเมื่อวานนี้ตำรวจได้ออกหมายจับกลุ่มคนร้ายได้ทั้งหมดแล้ว มีจำนวน 5 คน โดย 1 ในนั้น ซึ่งเป็นผู้จ้างวานฆ่า เจ๊อ้วน ภรรยาหลวงของเสี่ยหมาสเอง

 

ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. ทนายความอาสาจากสภาทนายความจังหวัดหลังสวน ได้เดินทางมาเยี่ยมเจ๊อ้วนพร้อมซักถามถึงรายละเอียดการยื่นขอประกันตัว ในชั้นศาล โดยทนายความได้เข้าไปพูดคุยกับเจ๊อ้วนหน้าห้องขังประมาณ 15 นาทีเท่านั้น

 

ทนายความอาสาของเจ๊อ้วน ให้ข้อมูลว่า จากการพูดคุยเจ๊อ้วนได้บอกกับตนเองว่า ช่วงบ่ายหากเจ๊อ้วนถูกนำตัวไปฝากขังต่อศาลจังหวัดหลังสวน ขอให้ทนายความไม่ต้องทำเรื่องขอประกันตัวในชั้นศาล โดยเจ๊อ้วนมีความประสงค์ที่จะขอรับโทษตามกระบวนการกฎหมาย และเบื้องต้น จะไม่ขอต่อสู้คดีใดๆ

 

ถึงแม้จะมีข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้ญาติๆของเจ๊อ้วน ได้มีการเตรียมหลักทรัพย์ประมาณ 1 ล้านบาทไว้เผื่อให้แล้วให้เจ๊ยื่นประกันตัวชั่วคราวแล้วก็ตาม ส่วนหลักทรัพย์ในการยื่นประกันตัวคดีฆ่า คาดว่า ศาลน่าจะเรียกหลักทรัพย์ในการขอประกันตัวโดยตั้งไว้น่าจะมากกว่า 5 แสนบาท จนถึง 1 ล้านบาท เนื่องจากคดีมีโทษสูง

 

ต่อมาช่วงเวลาประมาณ 12.00 น. ตำรวจได้นำตัวเจ๊อ้วนออกจากห้องขังของโรงพักเพื่อเตรียมส่งศาลจังหวัดหลังสวนดำเนินคดี ขณะนั้นบรรดาผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถามเจ๊อ้วนเป็นครั้งสุดท้ายว่า ป้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ๊อ้วนตอบ ตนเองรู้สึกโล่งอกและสบายใจขึ้นแล้ว ต่อไปนี้ไปจะได้มีเพื่อนในคุกแล้ว จะได้ไม่ต้องกินยาซึมเศร้าแล้ว

 

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามต่อว่า ทำไมเจ๊อ้วนถึงตัดสินใจไม่ขอยื่นประกันตัวในชั้นศาล ทั้งที่ก่อนหน้านี้เจ๊ได้เตรียมเงินประกันตัวไว้เรียบร้อยแล้ว เจ๊อ้วนตอบ ”เราจะได้มีเพื่อนไง เราโดนทิ้งให้อยู่คนเดียวมาหลายปีแล้ว เราอยู่ในคุกน่าจะดีกว่าที่อยู่ทุกวันนี้แล้วแหละ เราเตรียมเงินประกันตัวไว้แล้ว แต่ตอนนี้คงไม่แล้ว”

 

นักข่าวถามเจ๊อ้วนต่อว่า มีคนข่มขู่เจ๊อ้วนอยู่จริงหรือไม่ เจ๊อ้วนตอบ “อย่าไปพูดถึงเรื่องนั้นเลย อายุขัยมันให้เรามาเท่านี้ก็แค่นี้แหละ เราก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”

 

“เราขอบคุณทุกคนที่เข้าใจเรานะ สุดท้ายเราขอฝากไปถึงตระกูลสมหวังทุกคน ที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ก็เพราะว่าเรากลัวว่าลูกเราจะถูกฆ่าตาย เราทำไปเพราะฟิวส์ขาดจริงๆ เราขอโทษทุกๆคนด้วย ถึงแม้คำขอโทษจะไม่ได้ทำให้เสี่ยฟื้นคืนมาก็ตาม เราไม่รู้ว่าจะทำอะไรให้ดีไปกว่านี้แล้ว นอกจากรวบรวมเงินที่เหลือนิดๆหน่อยๆของเรา เอาไปช่วยงานศพเขา“

 

“เราอยากไปร่วมงานศพนายหัวมาก แต่มันทำไม่ได้แล้ว ขออโหสิกรรมให้ฉันด้วย“

 

จากนั้นเจ๊อ้วน ได้เดินเข้าไปพบกับพนักงานสอบสวน เพื่อเซ็นสำเนาเอกสารที่ได้ให้การไว้ทั้งหมด โดยเจ๊อ้วน มีท่าทีผ่อนคลายขึ้น และให้ความร่วมมือในการเซ็นยอมรับคำให้การกับตำรวจเป็นอย่างดี



และมีบางช่วงบางตอนที่ตำรวจได้นำเอกสาร ซึ่งมีภาพถ่ายแผนผังรอบบ้านที่เกิดเหตุ รวมถึง ภาพถ่ายจุดที่นายชัย ชี้จุดเส้นต่างๆภายในที่เกิดเหตุบ้านของเสี่ย ซึ่งเจ๊อ้วนได้เซ็นชื่อยืนยันในคำให้การนั้นทันที โดยยืนยันว่า นายชัยเดินทางมาในคืนวันที่เสี่ยหมาสหายตัวจริง

 

จากนั้นเจ๊อ้วนได้ขอโทรศัพท์หาลูกสาวเป็นครั้งสุดท้าย มีการพูดคุยกับประมาณ 3 นาที โดยเจ๊อ้วน มีสีหน้าที่เศร้าหมอง น้ำตาคลอ พร้อมพยักหน้าบอกลูกสาวตลอดว่าประมาณว่า ไม่ต้องห่วง ตนเองอยู่ได้ จากนั้นเจ๊อ้วนได้วางโทรศัพท์และเตรียมตัวไปศาล

 

กระทั่งเวลา 12.20 น. ตำรวจได้ควบคุมตัวเจ๊อ้วน ขึ้นรถตู้เพื่อส่งศาลจังหวัดหลังสวนเพื่อฝากขังดำเนินคดี ทีมข่าวพยายามสอบถามเจ๊อ้วนเป็นครั้งสุดท้าย ว่า ยังยืนยันคำเดิมหรือไม่ที่นายชัยซัดทอดว่า เจ๊เป็นคนสั่งให้ลูกน้องคนงานฆ่าเสี่ยหมาสด้วยตัวเอง และอยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด โดยเจ๊อ้วนได้ปฎิเสธ พร้อมยืนยันคำเดิมว่า ตนเองไม่ได้อยู่ตอนฆ่าเสี่ย และไม่ใช่คนลงมือฆ่าด้วย “เราไม่ได้ทำอย่างที่ชัยพูด” แต่ยอมรับว่า เป็นคนสั่งการนายชัยจริงๆ

 

นอกจากนี้เจ๊อ้วนยังย้ำคำเดิมว่า ตนเองจะไม่ขอยื่นประกันตัวในชั้นศาล หรือขอต่อสู้คดีใดๆแล้ว “เราทนทรมานอยู่คนเดียวมาหลายปีแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเราเข้าไปอยู่ในคุก มันน่าจะมีเพื่อน อาจจะไม่ต้องกินยาโรคซึมเศร้าอีกแล้ว

 

ส่วนตอนที่อยู่ในห้องสอบสวนตนเองได้ยกโทรศัพท์พูดคุยกับบุคคลหนึ่ง ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่าคือใคร จะอ้วนได้ตอบว่าตนเองได้โทรศัพท์พูดคุยกับลูกสาว โดยบอกให้ลูกสาวไม่ต้องมายื่นประกันตัวให้กับตนเอง และไม่ต้องเดินทางมาหาด้วย ลูกสาวร้องไห้อย่างเดียว และบอกให้ตนเองดูแลสุขภาพด้วย ลูกสาวอยากให้เราประกันตัวออกมาแต่เราเป็นคนบอกลูกสาวเองว่าไม่ต้องประกัน ตัวเองพร้อมแล้วที่จะชดใช้กรรมที่ก่อไว้

 

จากนั้นได้มีเพื่อนคนสนิทที่เดินทางมาเยี่ยมได้เดินมาส่งเจ๊อ้วน พร้อมกับโผเข้ากอดเจ๊อ้วนเป็นครั้งสุดท้าย และบอกกับเจ๊อ้วนว่า “หนูคิดถึงป้านะ” จากนั้นเจ๊อ้วนได้ตบไหล่ของคนสนิทพร้อมกับยิ้ม บอกว่า “ไม่เป็นไรๆ” จากนั้นตำรวจได้ปิดประตูรถ และพาตัวเจ๊อ้วนไปฝากขังต่อศาลจังหวัดหลังสวนทันที

 

ขณะเดียวกันนางสาวแก้ว เพื่อนคนสนิทของเจ๊อ้วน ซึ่งได้เดินทางมาเยี่ยมเจ๊เป็นคนสุดท้าย ก่อนที่ตำรวจจะพาเจ๊อ้วนไปส่งศาลฝากขัง โดยนางสาวแก้วได้พูดคุยกับเจ๊อ้วนประมาณ 15 นาที มีการให้กำลังใจเจ๊อ้วน และขอให้เจ๊สุขภาพแข็งแรง และเธอได้โผเข้ากอดเจ๊อ้วนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ตำรวจจะนำตัวเจ๊อ้วนไปฝากขัง

 

นางสาวแก้ว เปิดใจกับทีมข่าวว่า ตนเองเป็นเพื่อนสนิทของป้า ซึ่งรู้จักกันมานานแล้ว วันนี้พอทราบข่าวว่า ป้าถูกตำรวจจับ เห็นจากข่าวจึงได้เดินทางให้กำลังใจป้า

 

ปกติป้าเป็นผู้หญิงที่แกร่ง จิตใจดีมีเมตตา ตัวป้าคนในหมู่บ้านมีแต่คนรัก พูดดีกับทุกคน ตนเองมารู้แบบนี้ก็รู้สึกสงสารป้ามากเหมือนกัน แต่ป้าก็ทำผิดจริงๆ และต้นเหตุมาจากความรัก ซึ่งป้าจะเป็นคนทุ่มเท

 

ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาระหว่างป้ากับเสี่ย แต่พอมีผู้หญิงคนนั้นเข้ามาย่ำยีหัวใจป้าก็เปลี่ยนไป ไม่มีความสุข เพราะผู้หญิงคนนั้น ซึ่งตนเองสงสารป้ามากๆ แต่ก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย

 

ล่าสุดทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งอยู่บริเวณถนนหลังบ้านของเสี่ยหมาส โดยที่ข่าวพบว่าก่อนที่นายชัยจะเดินทางมามอบตัวกับตำรวจในวันนี้

 

เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ประมาณ 17.26 น. ตำรวจชุดสืบภาค 8 และชุดสืบสวน สภ.นาสัก ได้จับกุมตัวนายชัยได้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยกล้องวงจรปิดทั้ง 2 มุมบริเวณถนนหลังบ้านของเสี่ยหมาส

 

จะเห็นตำรวจได้พานายชัยขึ้นรถ SUV สีขาวมาชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยมีรถตำรวจของโรงพักมาจอดล่วงหน้าเพื่อคุ้มกันอยู่ก่อนแล้ว หลังจากชี้จุดทำแผนฯเสร็จ นายชัยก็รีบขึ้นตำรวจออกไปทันที

 

โดยเส้นทางดังกล่าวคาดว่า เป็นเส้นทางที่นายชัยและลูกน้องหลังจากพาเสี่ยหมาสอุ้มออกจากบ้านแล้วทั้งหมดได้พาเสี่ยออกบริเวณถนนด้านหลังบ้าน จากนั้นได้มุ่งหน้าไปยังแยกเขาทะลุ ตามกล้องวงจรปิดเราได้กันมาก่อนหน้านี้

 

จากกล้องวงจรปิด นายชัยได้รีบลงจากรถและชี้จุดทำแผนฯอย่างรวดเร็ว โดยมีการสวมใส่เครื่องแบบคล้ายตำรวจชุดสืบสวน ใส่หมวก ซึ่งชาวบ้านบริเวณดังกล่าวให้ข้อมูลว่า ในวันที่ตำรวจพานายชัยมาชี้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า นั่นคือนายชัย นึกว่า ตำรวจชุดสืบซะอีก

 

ล่าสุดเมื่อ 13:30 น. ตำรวจชุดสืบสวนได้นำตัว นายชัย คุมตัวมาที่ห้องสืบสวนของโรงพักนาสัก หลังจากที่เจ้าตัวได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับตำรวจเพื่อสู้คดี โดยนายชัยได้ติดต่อเข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.หลังสวน จ.ชุมพร จากนั้น ชุดสืบสวนจึงได้นำตัวมาที่โรงพักนาสัก

 

โดยทันทีที่มาถึงทีมข่าวพยายามสอบถามนายชัย ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่นายชัยอ้างว่าตัวเองไม่ใช่เป็นคนลงมือฆ่าเสี่ยหมาส อ้างว่าเจ๊อ้วนเพียงให้มาเก็บศพของเสี่ยที่บ้านเท่านั้น ส่วนเหตุผลที่ตนเองตัดสินใจมาช่วยเจ๊อ้วนเก็บศพเสี่ย นายใช้อ้างว่า ตัวเองไม่ได้เงินสักบาท เห็นเจ๊อ้วนติดต่อให้มาช่วยก็มาช่วยเท่านั้น

 

นักข่าวพยายามสอบถามนายชัยว่า แล้วเงิน 150,000 บาทที่เจ๊อ้วนมอบให้นายชัย ทำไมนายชัยถึงไม่รู้ เจ้าตัวอ้างว่า ตนเองไม่ได้เงินจากเจ๊อ้วนสักบาท ส่วนรายละเอียดให้ไปถามเจ๊อ้วนดูเอง เจ้าตัวอ้างว่า ตนเองไม่ขอโต้กันไปโต้กันมา พร้อมกับปฏิเสธว่า ตัวเองไม่ได้เป็นมือปืนระดับพระกาฬอะไรทั้งนั้น จากนั้นตำรวจจึงได้คุมตัวนายเข้าห้องขังทันที

ลากไส้กันยับ! ไอ้ชัย VS เจ๊อ้วน ใคร? โกหกคดีอุ้มฆ่า "เสี่ยหมาส"