ปราชญ์ข้าวเมืองสุรินทร์ ทดลองหุงข้าวเก่า 5 ปี กิน อ้วกแทบพุ่ง ให้หมายังเมิน แนะให้เอาไปทำปุ๋ยดีกว่า เพราะข้าวหมดสารอาหารแล้ว หลังรองนายกฯ ตรวจ 2 โกดังข้าวอายุ 10 ปี ยันยังกินและขายได้

วันที่ 24 มี.ค. 2567 หลังจากกรณีที่เป็นข่าวเกี่ยวกับข้าวในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ที่ถูกเก็บไว้ในโกดังถึง 10 ปี ยังสามารถหุงทานได้และจำหน่ายได้ ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบโกดังในพื้นที่ จ.สุรินทร์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่ผ่านมา หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนจากสมาคมผู้ประกอบธุรกิจตรวจสอบสินค้าเกษตรไทย ซึ่งได้รับผลกระทบจากการถูกกล่าวหาว่าข้าวสารในโครงการรับจำนำข้าว เป็นข้าวที่เก็บรักษาไม่ได้มาตรฐาน พบเป็นข้าวเสื่อมคุณภาพจนไม่สามารถจำหน่ายให้คนบริโภคได้ ก่อนจะเปิดเผยและยืนยันกับสื่อมวลชนอีกครั้งจนเป็นกระแสข่าวในสัปดาห์ที่ผ่านมา กรณีดังกล่าวได้ทำให้เกิดข้อสงสัยจากนักวิชาการหลายคน รวมทั้งประชาชนว่า ข้าว 10 ปียังสามารถทานได้อยู่จริงหรือไม่

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 202 หมู่ 12 ตำบลคอโค อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นโรงสีชุมชน มีข้าวเก่าเกือบ 5 ปี เก็บซีลใส่ถุงสุญญากาศอย่างดี มีสติ๊กเกอร์ด้านหน้าระบุวันที่ 12-14 พฤศจิกายน 2563 เป็นของนายวิโรจน์ พวงประโคน อายุ 63 ปี ปราชญ์ชาวบ้านเกี่ยวกับเรื่องข้าว เพื่อตรวจสอบและเปรียบเทียบคุณภาพข้าวที่เก็บไว้ 5 ปี ผู้สื่อข่าวจึงได้แกะข้าวดังกล่าวออกมาดมดู ปรากฏว่ามีกลิ่นสาบเหมือนมีแมลงบางอย่างตายอยู่ข้างในข้าว และเมล็ดข้าวก็จะจับตัวกันเป็นก้อนๆ พร้อมกับนำไปทดลองหุงแล้วลองกินดู ปรากฏว่า อ้วกแทบพุ่ง คายออกแทบไม่ทัน จึงลองเอาไปให้สุนัขกิน ปรากฏว่าสุนัขไม่กิน และเมินเดินหนี

นายวิโรจน์ พวงประโคน อายุ 63 ปี ปราชญ์ชาวบ้านเกี่ยวกับเรื่องข้าว ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ตนได้เปิดออกมาดมดู คือมันจะเหม็น หาคำบรรยายไม่ถูกว่ากลิ่นจะแบบไหน อย่าว่าแต่คนกินเลยครับ สุนัขบ้านตนก็ไม่กิน อันนี้คือเรื่องจริง

หลังจากนั้นก็ดมดูอีกทีนึง กลิ่นมันจะสาบ มันจะหืน ไม่รู้จะบรรยายแบบไหน นี่ขนาดข้าวแค่ 5 ปีกว่าๆ ถ้า 10 ปีจะขนาดไหน ตนไม่อยากให้มโนว่าทุกคนจะต้องกินได้ แล้วมากินให้เป็นตัวอย่าง เพราะว่าข้าว อายุข้าวไม่เกิน 2 ปี แต่ถ้าจะให้มีสรรพคุณทางยาคือปีต่อปี ก็คือที่ไม่เกิน 2 ปี ส่วนมากก็จะเป็นคนที่ไม่มีอันจะกินนั่นแหละเอามากิน ถ้าเราจะกินก็ปีต่อปี อยากให้ทุกคนตระหนักว่า ข้าวเป็นยาอีกทางหนึ่ง ถ้าเก็บไว้นานสรรพคุณทางยาก็จะหายไป ซึ่งข้าวก็จะไม่มีประโยชน์อะไรเลย มีแต่ผลเสียกับร่างกาย นอกจากเอาไปทำปุ๋ย แล้วเอามาแจกจ่ายชาวบ้านให้หว่านทั่วแปลงทั่วนายังจะได้ประโยชน์ ไม่แนะนำให้เอาไปทำเป็นอาหารสัตว์ ค่าโปรตีน ค่าคาร์โบไฮเดรตมันหมดแล้ว ถ้าเอาไปให้สัตว์กินยิ่งจะไปเพิ่มโรคอีก ฉะนั้นก็ทำเป็นสารปรับปรุงดินยังจะง่ายกว่า และได้ประโยชน์