จากกรณีที่นางสา (THUZAR AUNG) อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นแรงงานชาวเมียนมาที่มาเช่าหอพักอาศัยอยู่ในซอยศรีนคร ต.คลัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้หายตัวปริศนาไปจากหอพักตั้งแต่เย็นของวันที่ 3 มีนาคม 2567 กระทั่งวันที่ 4 มีนาคม 2567 กลับพบว่ามีชายปริศนาสวมฮู้ดสีแดงได้ขี่รถจักรยานยนต์สีชมพูของนางสาไปจอดทิ้งไว้ที่หน้าบ้านญาติของนางสาเพียงลำพัง ก่อนจะนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปยังสถานีขนส่ง ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงไร้วี่แววของนางสา

 

เปิดวงจรปิดภาพชายปริศนาขี่รถ จยย. สีชมพูก่อนซ้อนวินมอเตอร์ไซค์ขึ้นรถบัสเผ่นออกต่างจังหวัด

วันที่ 4 มีนาคม 2567 ปรากฏว่ารถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์สีชมพูของนางสา (ผู้สูญหาย) ได้ไปโผล่อยู่กับชายปริศนาคนหนึ่ง ซึ่งทีมข่าวทราบชื่อต่อมาคือ “นาย” โดยที่ผู้ชายคนนี้เป็นแฟนเก่าของนางสา (ผู้สูญหาย) ซึ่งในภาพจากกล้องวงจรปิดจำนวน 12 ตัว โดยตั้งแต่เวลาประมาณ 10.45 จะเห็นว่าผู้ชายที่ชื่อ “นาย” ได้สวมเสื้อแขนยาวสีแดงมีฮู้ดคลุมศีรษะ สวมกางเกงขายาวสีดำ และได้ขี่รถจักรยานยนต์ของนางสาไปตามเส้นทางต่าง ๆ หลังจากนั้นชายที่ชื่อ “นาย” ก็ได้นำรถของนางสาไปจอดทิ้งเอาไว้ที่บ้านญาติ ก่อนจะทำการขึ้นรถวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างมุ่งหน้าไปยังสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครศรีธรรมราช และได้ขึ้นรถบัสสาย นครศรีธรรมราช-กระบี่-ภูเก็ต หมายเลข 743-3 ออกไปจากสถานีขนส่ง โดยตามเวลาดังต่อไปนี้

 

เวลา 10.45 น. บริเวณซอยกรแก้ว

= ชายต้องสงสัยขี่รถจักรยานยนต์ของนางสามาเพียงลำพัง

 

เวลา 10.49 น. บริเวณสามแยกมุมป้อม

= ชายต้องสงสัยซ้อนวินมอเตอร์ไซค์ออกมา

 

เวลา 10.51 น. บริเวณหน้าสำนักงานอัยการ

= ชายต้องสงสัยซ้อนวินมอเตอร์ไซค์

 

เวลา 10.52 น. บริเวณสี่แยก ธกส.

= ชายต้องสงสัยซ้อนวินมอเตอร์ไซค์

 

เวลา 10.54 น. บริเวณสี่แยกหออิศวร

= ชายต้องสงสัยซ้อนวินมอเตอร์ไซค์และได้ถอดเสื้อคลุมสีแดงออก

 

เวลา 10.57 น. บริเวณโรงเรียน

= ชายต้องสงสัยซ้อนวินมอเตอร์ไซค์

 

เวลา 10.57 น. บริเวณหน้า CLP

= ชายต้องสงสัยซ้อนวินมอเตอร์ไซค์

 

เวลา 10.58 น. บริเวณปากซอยพิทักษ์ราษฎร์

= ชายต้องสงสัยซ้อนวินมอเตอร์ไซค์

 

เวลา 11.08 น. บริเวณสถานีขนส่ง

= ชายต้องสงสัยเดินอยู่ภายในสถานีขนส่ง

 

เวลา 11.15 น. รถออกจากสถานี

= รถบัสได้ออกจากสถานี

 

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครศรีธรรมราช และได้พบกับรถบัส สาย 743-3 นครศรีธรรมราช-กระบี่-ภูเก็ต ซึ่งเป็นรถคันเดียวกับที่ผู้ต้องสงสัยได้ขึ้นรถโดยสารไป และทางด้านพนักงานขายตั๋วประจำเคาน์เตอร์ก็ได้ให้ข้อมูลทีมข่าวว่าในวันที่ 4 มีนาคม 2567 มีผู้โดยสารมาขึ้นรถที่สถานีจำนวน 7 คน โดยมี 6 คนที่ได้ลงจากรถบัสที่สถานีขนส่งในจังหวัดกระบี่ ซึ่งมีการแวะ 3 จุด ได้แก่ ลำทับ-เหนือคลอง-คลองท่อม ส่วนอีก 1 คนได้ลงจากรถบัสที่สถานีขนส่งในจังหวัดพังงา แต่ในใบบันทึกประจำจุดขายตั๋วนั้นจะไม่ได้มีการจดชื่อหรือข้อมูลของผู้โดยสารไว้ จะมีการจดราคาตั๋วเพียงอย่างเดียวเพราะราคาตั๋วก็สามารถบอกจุดหมายปลายทางได้เช่นเดียวกัน

 

จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางน้ำผึ้ง อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นพนักงานเก็บตั๋วผู้โดยสารบนรถมินิบัสคันดังกล่าวในวันที่ 4 มีนาคม 2567 โดยนางน้ำผึ้งเผยว่า ในวันดังกล่าวผู้โดยสารจะเลือกลงที่สถานีขนส่งจังหวัดกระบี่ คือที่ลำทับ-เหนือคลอง-คลองท่อม และสถานีขนส่งจังหวัดพังงา แต่ในส่วนรูปภาพผู้ชายต้องสงสัยนั้นนางน้ำผึ้งยืนยันว่าจำไม่ได้ เพราะแต่ละวันนั้นมีผู้โดยสารค่อนข้างเยอะ อีกทั้งที่เวลาผ่านไปหลายวันแล้วด้วย จึงทำให้ตนไม่มั่นใจว่าชายต้องสงสัยคนดังกล่าวได้ขึ้นรถโดยสารมาด้วยไหม หรือหากขึ้นมาก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะเลือกลงสถานีปลายทางที่จุดไหน

 

ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับนางละเอียด (นามสมมติ) อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นแม่ของชายต้องสงสัยที่ชื่อว่า “นาย” โดยนางละเอียดเล่าว่า เท่าที่ตนได้สัมผัสลูกชายนั้นจะเป็นคนนิ่ง ๆ เก็บตัวเงียบไม่ค่อยพูดกับใคร แต่ลูกชายนั้นมักจะสร้างภาระไว้ให้ มาให้ตนเลี้ยง แล้วก็มีผู้หญิงใหม่อยู่เรื่อย ๆ จนกระทั่งไม่นานมานี้ลูกชายของตนก็ได้ไปคบหากับผู้หญิงที่ชื่อว่า “สา” โดยที่ทุกอาทิตย์นางสานั้นจะมาหาลูกชายตนถึงบ้าน ซึ่งเธอจะขี่รถจักรยานยนต์สีชมพูคันใหญ่มา แต่เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาทั้งคู่ได้ทะเลาะจนเลิกรากัน เนื่องจากลูกชายของตนนั้นจับได้ว่านางสาแอบไปมีผู้ชายคนอื่น ซึ่งลูกชายตนก็ดูเสียใจเป็นอย่างมากเพราะเขานั้นรักนางสาจริง แต่หลังจากที่เลิกรากันไปทั้งคู่ก็ยังคงไปมาหาสู่กันอยู่บ้าง

 

ส่วนในวันที่ 3 มีนาคม 2567 ตนนั้นเข้านอนตั้งแต่ช่วงค่ำจึงไม่รู้ว่ามีใครเดินทางเข้ามาที่บ้านหรือเปล่า แต่ในช่วงเช้าของวันที่ 4 มีนาคม 2567 ตนก็ยอมรับว่าเห็นรถจักรยานยนต์สีชมพูของนางสานั้นจอดอยู่บริเวณหน้าบ้าน แต่ตนไม่เห็นตัวของนางสา จากนั้นในช่วงสายลูกชายได้เดินเข้ามากอดพร้อมกับพูดว่า “ผมไปทำงานก่อนนะครับ ฝากดูแลลูกด้วย” แล้วลูกชายที่ชื่อว่า “นาย” ก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวออกไปพร้อมกับกระเป๋าเป้ภายหลัง 1 ใบเท่านั้น

 

หลังจากนั้นไม่กี่วันเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เริ่มมาตามหาลูกชายที่บ้าน และได้บอกกับตนว่าขณะนี้ลูกชายนั้นตกเป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับการหายตัวไปของนางสา ซึ่งหากลูกชายของตนเป็นผู้กระทำความผิดจริง ในฐานะแม่ก็อยากจะให้ลูกกลับมาเพื่อรับผิดในสิ่งที่ทำ แม่พยายามจะทำใจให้ได้ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น และหากลูกชายฟังอยู่ก็อยากบอกว่า “ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวลูกเองทั้งนั้น ทุกการกระทำต้องรู้ถูก รู้ผิด รู้ชอบ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแม่ก็จะรับให้ได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดก็จะขอยอมรับสภาพ แต่สุดท้ายก็หวังว่าทั้งคู่จะกลับมาอย่างปลอดภัย“

 

ไทม์ไลน์สาวบิ๊กไบค์คนดัง ก่อนหายตัวปริศนา

ด้านนายปัญญา ออง น้าของนางสาวสา ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ตัวเองก็เห็นว่ารถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ของนางสาวสา มาจอดที่หน้าบ้านของตัวเอง แต่ก็ไม่เจอตัวนางสาวสาเลย

 

กระทั่งตัวเองได้ขอดูวงจรปิดของเพื่อนบ้าน ก็ปรากฏว่า เห็นชายรายหนึ่ง ขับมอเตอไซค์ของสามาจอดที่ตรงข้ามบ้านตัวเอง ช่วงเวลาประมาณ 10.45 น. ของวันที่ 4 มีนาคม 2567 ก่อนที่ชายคนดังกล่าว จะนั่งวิ่นมอเตอไซค์ออกไป โดยตัวเองก็ไม่รู้ว่า ชายที่ขับรถมอเตอไซค์ของสามาจอดนั้น เขาเป็นใคร และได้รถสามาได้อย่างไร

 

ส่วนนางสาวสา หลานสาวตัวเองนั้น ตัวเองก็ติดต่อเขาไม่ได้ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม เป็นต้นมา ซึ่งก็ไม่รู้เขาหายตัวไปไหน ที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยหายตัวไปหลายวันขนาดนี้ ที่ผ่านมา นางสาวสา ก็ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับใครมาก่อน ส่วนเรื่องแฟนหนุ่มของสา ตัวเองก็ไม่รู้ว่าเขาคบหากับใครบ้าง

 

ตอนนี้ทางครอบครัวเป็นห่วงนางสาวสามาก เพราะพวกตัวเองมาอาศัยอยู่ด้วยกันที่ จ.นครศรีธรรมราช กว่า 20 ปีแล้ว จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวนางสาวสา เพราะกลัวเขาจะเป็นอันตราย

พบเบาะแสชายปริศนาเอี่ยวไอดอลสาวเมียนมา ช่อง 8 เปิดภาพสุดท้ายก่อนหายตัว