หนุ่มแค้นอดีตพ่อตาควบรถคีบอ้อยทุบบ้านพังยับ อ้างช่วยสร้างตัวแต่ไม่ใยดีถูกกีดกันความรักไม่ให้เจอลูก

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 ร.ต.อ.หยกเพชร วรรณพฤกษ์ รอง สว.สอบสวน สภ.นายูง ได้รับแจ้งเหตุอดีตลูกเขยขับรถคีบอ้อยไปพังบ้านอดีตพ่อตาจนได้รับความเสียหาย เหตุเกิดที่ อ.นายูง จ.อุดรธานี ตรงข้ามกับ รพ.สต.นายูง หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจสายตรวจ และผู้ใหญ่บ้าน รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยมีลูกชายเจ้าของบ้าน หรืออดีตน้องเมียผู้ก่อเหตุ อยู่ในเหตุการณ์ และถ่ายคลิปคณะเกิดเหตุเอาไว้ได้ รวมทั้งมีชาวบ้านที่ทราบข่าว ต่างออกมาดูเหตุการณ์และช่วยกันปิดล้อมไม่ให้ผู้ก่อเหตุหลบหนี

 

ที่เกิดเหตุพบนายธีระพงษ์ หรือจ่อย อายุ 32 ปี ชาว ต.หัวนาคำ อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี นั่งร้องไห้โวยวายอยู่บนรถคีบอ้อย หลังจากคลุ้มคลั่งขับรถคีบอ้อยพุ่งเข้าชนบ้าน และรถยนต์กระบะ รถจักรยานยนต์ ก่อนที่จะยกแขนเหล็กที่ใช้คีบอ้อย กระหน่ำทุบตัวบ้าน จนทำให้หลังคาชานบ้าน และตัวบ้านชั้นล่าง ชั้นสอง บริเวณหน้าบ้านพังเสียหายไปทั้งแถบ โดยมีนายหนูเวียง อายุ 58 ปี นางอุดม อายุ 51 ปี เจ้าของบ้าน อดีตพ่อตาและแม่ยายนายจ่อย นายทศพร อายุ 26 ปี ลูกชายเจ้าของบ้าน อดีตน้องเมียนายจ่อย วิ่งหนีตายพาภรรยานายทศพร และลูกสาววัย 7 เดือน ออกไปทางหลังบ้านอย่างสุดชีวิต ไม่นานรถคีบอ้อยสายไฮดรอลิกขาด รถพังเสียหายขับต่อไม่ได้ นายจ่อยได้นั่งร้องไห้โวยวาย ตัดพ้อต่อว่าครอบครัวอดีตพ่อตา หลังจากนั้นนายหนูเวียง นายทศพร และชาวบ้าน ได้ออกมาล้อมรถเอาไว้ ไม่ให้นายจ่อยหลบหนี กระทั่งตำรวจมาถึงจึงควบคุมตัว ไปโรงพัก

 

ต่อมาเวลา 14.00 น. วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 พ.ต.อ.ประลอง พรหมศร ผกก.สภ.นายูง ได้นำตัวนายจ่อยมาทำการสอบปากคำ และเชิญครอบครัวผู้เสียหาย มาให้ข้อมูลต่อพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม นายจ่อย ได้ระบายความอัดอั้นตันใจว่า ตนไม่รู้สึกผิดต่อสิ่งที่ทำลงไป ตนไม่สำนึกผิด ไม่คิดจะขอโทษครอบครัวอดีตพ่อตา แต่ยอมรับว่าก่อเหตุจริง เนื่องจากแค้นที่ครอบครัวอดีตพ่อตา กีดกันความรักระหว่างตนกับ น.ส.ก้อย อายุ 32 ปี อดีตภรรยา ลูกสาวของเขา โกรธแค้นที่ไม่ให้โอกาสตนได้เก็บข้าวของที่บ้านหลังเก่าที่เคยอยู่ น้อยใจที่เขาไม่ให้เจอหน้าลูกชายวัย 7 ขวบ เขาหอบลูกหนีไปอยู่ที่อื่น ยอมรับว่าเสพยาบ้า แต่ไม่เคยทำร้ายใคร ตนลงแรงช่วยทำงานก่อร่างสร้างตัว จนเขามีทุกวันนี้ แต่เขาก็ไม่ได้สงสารหรือฟังเหตุผลตนเลย

 

ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านที่เกิดเหตุ พบว่าเจ้าของบ้านและเพื่อนบ้านได้ช่วยกันเก็บของและทำความสะอาดไปแล้วบางส่วน แต่ยังเห็นสภาพความเสียหายได้อย่างชัดเจน โดยมีญาติและเพื่อนบ้านต่างทยอยเดินทางมาพูดคุยให้กำลังอย่างต่อเนื่อง และวิพากษ์วิจารณ์ต่อพฤติกรรมของนายจ่อย ที่ก่อเหตุอย่างอุกอาจ โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

 

นายหนูเวียง อดีตพ่อตา เล่าว่าก่อนเกิดเหตุตนและครอบครัวนั่งล้อมวงกินข้าวเย็นกันอยู่ หลังจากนั้นก็นั่งเล่นพักผ่อนอยู่หลังบ้าน ไม่นานก็ได้ยิงเสียงดังโครมอยู่หน้าบ้าน พอวิ่งออกมาดูก็เห็นนายจ่อยขับรถคีบอ้อยมาชนบ้าน และใช้ตัวคีบอ้อยทุบตัวบ้าน พวกตนร้องห้าม แต่นายจ่อยก็ไม่ฟัง ยังคงพังบ้านอย่างบ้านคลั่ง พวกตนต้องวิ่งหนีตายออกไปทางหลังบ้าน โชคดีที่รอดมาได้โดยไม่บาดเจ็บแต่อย่างใด โชคดีที่ตนยังไม่ขึ้นไปนอนบนบ้าน เพราะปกติจะขึ้นไปนอนแล้ว นายจ่อยต้องการทำตนให้ถึงตายแน่นอน หากขึ้นไปนอนยังไงตนก็ไม่รอด เขามุ่งมาพังห้องนอนตนก่อนเลย เขารู้ว่าใครนอนห้องไหนทั้งหมด ยืนยันจะเอาเรื่องจนถึงที่สุด ชดใช้กรรมที่ก่อเอาไว้ จะได้ไม่ออกมาก่อเหตุซ้ำ เพราะครอบครัวตนยังหวาดผวาอยู่

 

“นายจ่อยแต่งงานกับ น.ส.ก้อย ลูกสาวตน นาน 13 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน ตอนแรกเขาเป็นคนดีมาก ตนรักเหมือนลูก ระยะหลังเขาทะเลาะกันหนักขึ้น ตนจึงไปปลูกบ้านให้อยู่ด้วยกันในที่ของตนประมาณ 4 ไร่ ไม่ห่างจากบ้านหลังนี้ ให้เขาอยู่ด้วยกันปรับความเข้าใจกัน แต่หนักไปกว่านั้นนายจ่อยเริ่มติดเสพยาบ้า และมักจะทำร้ายร่างกายลูกสาวตน เมื่อ 2 ปีที่แล้วลูกสาวจึงหอบลูกกลับมาอยู่บ้าน นายจ่อยก็ตามมาราวี ลูกสาวทนไม่ไหวยืนยันขอเลิก จึงหอบลูกหนีไปทำงานอยู่ กทม. เมื่อต้นปีที่แล้ว กระทั่งนายจ่อยได้ออกจากบ้านไป ไปมีแฟนใหม่ ตนก็ยังให้รถคีบอ้อยคันที่เอามาก่อเหตุเอาไว้ใช้ทำงาน ไปหารับจ้างคีบอ้อยคีบไม้ แต่เขากลับมาก่อเหตุแบบนี้ บ้านพังเกือบทั้งหลัง รถกระบะ 1 คัน รถไถ 1 คัน รถจักรยานยนต์ 4 คัน พังเสียหายเกือบทั้งหมด นายจ่อยขู่อาฆาตมาตลอด ขู่จะฆ่าพวกตนยกครัว พวกตนก็ระวังตัวตลอด จนมาเกิดเหตุนี้ขึ้น”

เขยคลั่ง ขับรถคีบอ้อยพังบ้านพ่อตา อ้างถูกกีดกันรัก