วันที่ 17 ก.พ. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ปรัชญามาศ ไชยสุระ ผกก. สภ.บ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น นำกำลังตำรวจพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอบ้านไผ่ เข้าเกลี้ยกล่อมนายนายทองสุข อายุ 57 ปี หลังก่อเหตุใช้อาวุธมีดปลายแหลมปาดคอ นางบัวหวาน อายุ 47 ปี ภรรยาเสียชีวิต ภายในบ้านพัก ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าชาร์จตัวและควบคุมตัวนายไปสอบปากคำต่อที่ สภ.บ้านไผ่


ทั้งนี้ ทีมข่าวได้คลิปวินาทีช่วงจังหวะที่ตำรวจ สภ.บ้านไผ่ เข้าไประงับเหตุและควบคุมตัว นายทองสุข คนก่อเหตุ ซึ่งช่วงจังหวะที่ตำรวจเข้าไปควบคุมตัวนายทองสุขนั้น เป็นช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเช้า หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ผัวเมียบ้านนี้ทะเลาะกันแล้วมีเหตุทำร้ายร่างกายกันเนื่องจากแม่ของผู้เสียชีวิตที่อยู่ในบ้านออกมาร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่บ้าน





ตอนที่ตำรวจบุกเข้าไปภายในบ้านนั้นจะสังเกตเห็นว่ามีอาวุธครบมือ เนื่องจากช่วงตำรวจสายตรวจมาถึง นายทองสุขถือขวางเดินไปมาไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปช่วยเหลือภรรยาตัวเอง และได้ยินเสียงดังคล้ายเสียงปืน 1 ครั้ง จนมาทราบภายหลังเข้าควบคุมได้แล้วว่า นายทองสุข จุดประทัดไล่นก 1 นัด


แต่ในขณะที่ตำรวจ เปิดประตูบุกเข้าไปนั้น นายทองสุขไม่ได้มีท่าทีที่จะต่อสู้และไม่ได้ถืออาวุธแล้ว ตำรวจจึงเข้าควบคุมตัว และเมื่อเปิดเข้าไปในห้องนอนก็พบภรรยานอนเสียชีวิตอาบกองเลือด


หลังตำรวจควบคุมตัวนายทองสุขได้แล้ว จึงนำมาสอบสวนที่ สภ.บ้านไผ่ ซึ่งให้การกับตำรวจ ระบุว่า มีปัญหาภรรยาเรื่องหึงหวงมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว และช่วงเช้าเมื่อวานนี้ก่อนเกิดเหตุ ยอมรับว่าเสพยาบ้าไป 2 เม็ด พอกลับมาบ้านก็ทะเลาะกับภรรยาเรื่องหึงหวงอีก เพราะกลัวว่าภรรยาจะมีชู้ จนทะเลาะกันกับภรรยาอย่างหนักตลอดทั้งวัน จนถึงช่วงดึกพอตอนเช้ามืด ภรรยารีบตื่นมาเนื่องจากจะมีงานบุญที่อำเภอ ก็ตื่นมาทะเลาะกันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นแม่ของภรรยา (แม่ยาย) ก็อยู่ในบ้านกับหลานผู้หญิงวัย 6 ขวบด้วย แม่ยายเห็นหน้าไม่ดีจึงออกจากบ้านไปเรียกชาวบ้านมาช่วยเหลือ


จังหวะที่แม่ยายไม่อยู่ในบ้านเหลือแค่เพียงหลานวัย 6 ขวบ นายทองสุขควบคุมตัวเองไม่ได้ จึงต่อยเข้าที่หน้าภรรยา 1 ครั้งจนล้มลงฟลุบกับพื้น ด้วยความโกรธจึงใช้มีดที่อยู่ในห้องมาเฉือนคอภรรยา แต่มีดไม่คม ดูค่อย ๆ เสียเข้าหลายครั้งคุณภรรยาเลือดอาบทั้งตัวและนอนเสียชีวิตอยู่ในห้องพัก ช่วงจังหวะที่ตำรวจกำลังทำบันทึกจับกุมอยู่นั้น ตำรวจให้นายทองสุขกินข้าวพร้อมกับเนื้อทอด แต่นายทองสุกกินไม่หมด สักพักหนึ่งก็มีท่าทีเหมือนเครียดแล้วกังวลจึงนอนฟุบลงกับโต๊ะ





ล่าสุดผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายทองสุข ในขณะที่ตำรวจควบคุมตัวมาสอบปากคำ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายทองสุขอ้างว่า ตัวเองยังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ว่าตัวเองทำไปได้อย่างไรที่ฆ่าเมียตัวเองจนเสียชีวิต เพราะที่ผ่านมาจะทะเลาะกันยังไงไม่เคยแม้แต่กระทั่งทำร้ายร่างกายเมียเลย

ส่วนเรื่องหึงหวงนั้น ยอมรับว่า เป็นความจริงและค่อนข้างมั่นใจว่าเมียต้องมีชู้แน่เพราะเมียมักจะชอบไปทำงานกับกลุ่มเพื่อนด้วยกันแล้ว กลับบ้านดึก ซึ่งในทองสุขบอกว่าไม่ได้คิดไปเองว่าเมียมีชู้แต่เชื่อว่าเมียต้องแอบปันใจให้กับคนอื่นจริง ๆ


นายทองสุข บอกว่า ทะเลาะกันกับเมียตั้งแต่เมื่อวานนี้ จนตื่นเช้ามาก็คงทะเลาะกันเรื่องหึงหวงอยู่ โดยจุดที่ทำให้ตัวเองขาดถึงขั้นลงมือฆ่าเมียโดยที่ไม่รู้ตัวก็ตอนตัวเองพยายามง้อคืนดี เมียบอกว่าขอให้เรามาเริ่มต้นกันใหม่ หลังจากที่เมียเริ่มไม่พอใจและอยากเลิกรากับตัวเอง เพราะทนไม่ไหวที่ชอบหึงหวง แต่ตอนนั้นเมียกลับตอบตัวเองว่าไม่สามารถเริ่มต้นใหม่ได้แล้ว ยิ่งทำให้ตัวเองคิดว่าเมียต้องกลับไปมีชู้เริ่มต้นกับคนอื่น และพยายามจะเลิกกับตัวเองแน่ ๆ จึงก่อเหตุไปโดยที่ไม่ทันได้มีสติคิดให้รอบคอบ


นายทองสุข ยอมรับว่า ตอนแรกนั้นผลักเมียและต่อยเข้าที่หน้า จนเมียล้มลงไป หลังจากนั้นก็ดึงผมเมียขึ้นมาแล้วเห็นว่ามีมีดอยู่ในห้องพอดี จึงใช้มีดเชือดคอเมีย แต่มีดไม่คมจนตัวเองต้องเฉือนหลายครั้งจนสุดท้ายเมียตัวเองเสียชีวิต ก็ยังรู้สึกตกใจ ซึ่งตอนนั้นหลานก็นอนอยู่ในห้อง จึงบอกกับหลานว่าให้เอาผ้าคลุมไม่ให้ดู พอก่อเหตุเสร็จเห็นหลานเล่นประทัดจึงเอาประทัดมาจุด คล้ายเหมือนกับว่าส่งดวงวิญญาณเมียตัวเอง เพราะตอนนั้นมั่นใจว่าเมียเสียชีวิตแล้ว


ทีมข่าวพยามสอบถามว่าที่เกิดเหตุแบบนี้เป็นเพราะว่านายทองสุกเสพยาเสพติด จนเกิดอาการหลอนหรือไม่ แต่นายทองสุขปฏิเสธอ้างว่า ไม่ได้เสพยาเสพติด





ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ครอบครัวของนางบัวหวาน อายุ 48 ปี ผู้เสียชีวิตที่เป็นประธาน อสม. หมู่บ้าน ได้การเคลื่อนร่างของนางบัวหวานใส่โลง เพื่อเตรียมประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่บ้านซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ


ช่วงจังหวะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างของนางบัวหวาน เข้าไปภายในบ้านซึ่งมีญาติคอยทำพิธีตามความเชื่ออยู่นั้น คนในครอบครัวรวมถึงเพื่อนบ้านและคนสนิทของนางเบาหวาน ต่างพากันร้องไห้ระงม เนื่องจากรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเสียใจที่ต้องสูญเสียนางเบาหวาน ซึ่งถือว่าเป็นนักกิจกรรมและเป็นประธาน อสม. ที่ช่วยขับเคลื่อนให้คนในชุมชนมีสุขภาวะที่ดี


ล่าสุดทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ นางสาวปัณฑิตา อายุ 31 ปี ลูกสาวคนโต เล่าให้กับทีมข่าวขฟังทั้งน้ำตา บอกว่าตอนเช้ามืดจู่ ๆ ลูกสาวซึ่งอยู่กับพ่อแม่ (ตายาย) ที่บ้านซึ่งเป็นจุดเกิด โทร. วิดีโอคอลมาหา บอกว่าตาทะเลาะกับยาย ตอนแรกตัวเองก็ไม่เชื่อแต่พอลูกสาวเปิดกล้องให้ดูก็เห็นว่าพ่อกับแม่ทะเลาะกันอยู่จริง แต่ตอนนั้นพ่อยังไม่ได้ลงมือฆ่าแม่ เป็นแค่เพียงการพูดจาถกเถียงกันไปมาแต่พูดคุยได้ไม่นาน แบตเตอรี่ของโทรศัพท์ลูกสาวก็หมด ทำให้ไม่สามารถคุยต่อได้ตัวเองซึ่งทำงานอยู่ในเขตอำเภอเมืองขอนแก่น จึงรีบขับรถกลับมาที่บ้าน แต่ก็ไม่ทันได้พูดคุยกับแม่เพราะตอนมาถึงนั้นพ่อได้ฆ่าแม่แล้ว





พอตัวเองได้มีโอกาสพูดคุยกับลูกสาว ลูกสาวก็เล่าให้ฟังว่าตื่นมาเห็นตากับยายทะเลาะกัน จึงรีบโทร. หาแม่ แต่ช่วงจังหวะที่ตาเริ่มทำร้ายร่างกายยาย และกำลังจะใช้มีดฆ่ายายนั้น ตาบอกหลานสาวเอาผ้าคลุมและปิดไว้ไม่ให้หันมาดู ซึ่งหลานสาวก็ยอมทำตามที่ตาบอกแม้ว่าจะไม่เห็นเหตุการณ์แต่ก็ได้ยินเสียงที่เกิดขึ้น แต่ด้วยที่ลูกสาวอายุเพียงแค่ 6 ขวบเท่านั้น จึงทำให้ยังไม่ได้เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่าไร จึงบอกลูกสาวไปว่าแค่ตากับยายทะเลาะกัน


ส่วนปัญหาระหว่างพ่อกับแม่ นางสาวปัณฑิตา บอกว่า พ่อมักจะชอบหึงหวงแม่และมีปัญหาเรื่องนี้กันมาตลอด โดยพ่อชอบคิดไปเองว่าแม่มีชู้ เนื่องจากแม่ประธาน อสม. ซึ่งมักจะมีกิจกรรมอยู่บ่อยครั้ง จนบางครั้งแม่ไปทำกิจกรรมเตรียมงานต่าง ๆ กลับบ้านดึก จึงทำให้พ่อชอบคิดว่าแม่ไปแอบมีชู้ทั้งทั้งที่แม่ไม่เคยมีใครเลย


ที่ผ่านมาแม่พ่อกับแม่จะทะเลาะกันแต่พ่อไม่เคยทำร้ายร่างกายแม่แม้แต่สักครั้งเดียวเลยนี่ถือเป็นครั้งแรกที่พ่อทำร้ายร่างกายแม่แล้วก็ฆ่าแม่จนเสียชีวิต ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นเพราะฤทธิ์ของยาเสพ ติด ในฐานะคนที่เป็นลูกสาวก็บอกตรงตรงว่ายังรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้พร้อมกับร้องไห้กับทีมข่าวของเราเนื่องจากอยากจะถามพ่อว่าพ่อทำไปทำไม





ขณะที่ภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณด้านข้างบ้านของผู้ก่อเหตุ บันทึกเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านไผ่ เข้าควบคุมตัว นายทองสุข ก่อเหตุฆ่าปาดคอภรรยาตัวเองภายในบ้านพัก โดยภาพจากกล้องวงจรปิดตัวนี้ สามารถบันทึกเหตุการณ์ได้ตอนช่วงเวลาประมาณ 07.30 น. เป็นช่วงหลังจากที่เกิดเหตุได้สักพัก ซึ่งมีชายเสื้อดำซึ่งเป็นเพื่อนบ้านเข้าไปพาหลานสาววัย 6 ขวบ ของผู้ก่อเหตุออกมาจากที่บ้านเพื่อดูแลให้อยู่ในความปลอดภัย และมีชาวบ้านอีกหลายคนออกมาดูพร้อมกับแจ้งตำรวจ


ต่อมาเวลา 08.25 น. กำลังตำรวจ สภ.บ้านไผ่ ลงพื้นที่พร้อมอุปกรณ์ไม้ง่ามและโล่กำบัง เข้าควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ โดยได้ประเมินสถานการณ์ และใช้วิธีเกลี้ยกล่อม กระทั่งเวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปิดปฏิบัติการเข้าควบคุมตัวผู้ก่อเหตุเอาไว้ ก่อนจะคุมตัวออกมาจากบ้านส่งตรวจร่างกายหาสารเสพติดและคุมตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก่อนส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย